เช้าวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ผมไปร่วมประชุมกลุ่มสามพราน ซึ่งวันนี้คุยกันเรื่องภารกิจของ สช. (สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ) ที่มีเลขาธิการท่านใหม่ คือ นพ. ประทีป ธนะกิจเจริญ
อาจารย์หมอประเวศ กล่าวนำว่า ในประเทศไทย นโยบายสาธารณะตกอยู่ใต้อิทธิพลของ ความไม่รู้ และ ผลประโยชน์มิชอบมากเกินไป เรื่องผลประโยชน์มิชอบเห็นชัดเจนกรณีสารเคมีอันตราย ๓ ตัว
นพ. ประทีป บอกที่ประชุมว่า สังคมไทย พลังภาครัฐ และภาคธุรกิจ เข้มแข็ง แต่ภาคประชาชนอ่อนแอ สช. มุ่งสร้างความเข้มแข็งของภาคประชาชน ท่านเสนอสถานการณ์ภาพใหญ่และความท้าทาย ๕ ด้านคือ
สภาพที่เกิดขึ้นคือ สช. ทำงานยากขึ้น เพราะโดนราชการล้อมกรอบ ทำให้การทำงานขาดความยืดหยุ่น แนวทางที่ นพ. ประทีปคิดจะริเริ่มคือ หาทางให้คนรุ่นใหม่เข้ามาร่วมรับผิดชอบมากขึ้น และริเริ่มสมัชชาสุขภาพตำบล จากเครื่องมือเดิมที่มีอยู่แล้วคือ สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ สมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็น สมัชชาสุขภาพจังหวัด และธรรมนูญสุขภาพ เน้น governance by partnership
นพ. อำพล จินดาวัฒนะ อดีตเลขาธิการ สช. ที่เวลานี้เป็นสมาชิกวุฒิสภา ให้ความเห็นหลักๆ ๓ ประการคือ
มีการพูดกันว่า กลไกของ สช. เป็น soft power ต่างจาก hard power ผมจึงเสนอให้ใช้ พลังปัญญา โดย สช. ร่วมกับ สวรส. และกลไกสนับสนุนการวิจัยอื่นๆ สนับสนุนการวิจัยเพื่อสร้างปัญญา ผมยกตัวอย่างการวิจัย Future Thailand 10 ด้าน ที่ สวช. กำลังสนับสนุน และผลงานวิจัย Best Buys, Wasted Buys and Contested Buys in NCD Prevention ที่ นพ. ยศ. รวมทีมดำเนินการ เป็นตัวอย่าง
นพ. สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ เสนอให้จัด Virtual Health Assembly ทางออนไลน์ เชิญชวนให้ผู้คนลงทะเบียนเข้าแสดงความคิดเห็น มี moderator คอยสรุปและตั้งคำถามต่อ รวมทั้งเสนอวิธีทำงานแบบมี ambassador ทำหน้าที่เผยแพร่ความคิด
อ. หมอประเวศ เล่าเรื่อง Time 100 Health Summit[VP1] ที่ สช. อาจพิจารณา นำมาเป็นตัวอย่างวิธีทำงานขับเคลื่อนนโยบายสุขภาพแบบใหม่ๆ
วิจารณ์ พานิช
๙ พฤศจิกายน ๒๕๖๒
ไม่มีความเห็น