ผู้ปกครองนักเรียนของผมทราบดี ว่าผมไม่มีความวิตกกังวลในเรื่องการควบรวมโรงเรียนเลยแม้แต่น้อย ยังทำงานได้อย่างสนุกสุขสำราญเป็นปกติ
ก่อนหน้านี้ ได้ทำความเข้าใจกับผู้ปกครองไปแล้วด้วยว่า..การยุบหรือควบรวมเป็นเรื่องเดียวกัน..คือเมื่อดำเนินการแล้วจะไม่มีโรงเรียนหลงเหลืออยู่
นำเด็กและครูไปเรียนรวมกันที่โรงเรียนใหญ่หรือโรงเรียนหลักที่เขากำหนดไว้ หรือตามที่โรงเรียนหลังเล็กมีความประสงค์..ก็มีทางเป็นไปได้
ผมเชื่อมั่นว่า ๔ ปีที่เหลือผมยังอยู่ที่เดิม หลังจากนี้โรงเรียนที่มีครูและนักเรียนก็ยังอยู่ที่เดิมเพราะ..โรงเรียนบ้านหนองผือเป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องศาสตร์พระราชา
เพราะมีครูครบชั้น..เงินค่าตอบแทนครูพิเศษ มิได้ใช้เงินงบประมาณของ สพฐ.แต่ใช้จ่ายจากเงินรายได้สถานศึกษา ที่ภาคเอกชนสนับสนุนอย่างต่อเนื่องทุกปี
จึงเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก..พิเศษ..ที่ใครก็ไม่กล้าแตะ..แต่ผมก็ไม่เคยประมาท
และที่สำคัญ..ผู้บริหารอย่างผมขยันหมั่นเพียร เรียนรู้ทั้งงานสอนและงานบริหาร ประสานงานได้รอบด้าน เพื่อลดปัญหาโรงเรียนและสนับสนุนการทำงานของครู
ทำจนรู้ว่านวัตกรรมตัวใดที่จะทำให้โรงเรียนขนาดเล็กอยู่รอด จึงไม่เห็นด้วยที่กระทรวงศึกษาธิการ..จะใช้จำนวนเด็กเป็นบรรทัดฐานในการยุบควบรวม
จากที่เคยมีแผนฯสั่งการลงมา ปีนี้ปีนั้น จะยุบร้อยละเท่านี้เท่านั้น..เลิกคิดเถอะ เพราะมันเป็นลักษณะของคนทำงานไม่เป็น อีกทั้งค้านกันเองในข้อกฎหมายมากมาย
จริงอยู่..รัฐมนตรีประกาศแล้วว่า..จะไม่พูดถึงเรื่องนี้ แต่ในทางกลับกันจะสนับสนุนช่วยเหลือให้โรงเรียนขนาดเล็กเกิด “คุณภาพ”ให้จงได้
คำพูดแบบนี้อย่าได้ไว้ใจ หมายความว่า..เขาได้ให้สำนักงานปลัดกระทรวงฯทำงานต่อในเรื่องนี้..เท่าที่จะทำได้ โดยร่วมมือกับสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด...
เรื่องที่ตลกมากก็ตรงที่..โรงเรียนอยู่ในสังกัดเขตพื้นที่ฯ ขึ้นตรงสพฐ. แต่ยังต้องทำงานตอบสนอง สศจ. ผมคิดว่าหาก สศจ.ทำงานตอบสนองนาย ถึงอย่างไรก็ยุบโรงเรียนได้ไม่มาก ไม่น่าเกินร้อยละ ๕..ด้วยซ้ำ
เพราะบางโรงเรียนที่จ่อยุบ..เขาไปไม่ไหวจริงๆ ด้วยประการทั้งปวง แต่ถ้าผู้บริหารเขาพร้อมครูเขาพร้อม ทั้งกายและใจ เด็กไม่ถึง ๕๐ คนก็ไปยุบเขาไม่ได้
แต่ก็นั่นแหละ อย่าประมาทหรือย่ามใจ ในคำพูดของรัฐมนตรีที่บอกว่าจะไม่แตะต้อง ถ้าเขาไม่มองเรื่องขาดทุนกำไร แล้วหันมาเล่นเรื่อง “คุณภาพ”ล่ะ เราพร้อมไหม?
ผู้บริหารและนักการศึกษาบางคน ไม่เข้าใจเรื่องการศึกษายุคใหม่ คิดแต่ว่าไม่ควรยุบและไม่ต้องมาพูดเรื่องคุณภาพ...คงลืมไปว่า เด็กเขามีหัวใจและมีผู้ปกครองที่คาดหวังในอนาคตของลูกเหมือนกัน...
คิดกันให้ดี..ไม่มีใครหนีพ้นเรื่องการวัดและประเมินผล ไม่มีโรงเรียนไหนที่ไม่อ่านหนังสือ และเมื่อโรงเรียนยังอยู่ จึงไม่มีโรงเรียนขนาดเล็ก โรงเรียนใดที่ไม่มีครู...
จงเอา “คุณภาพ”ไปสู้และไปต่อรองกับเขาอย่างกล้าหาญ..อย่าเรียกร้องและอย่าทำงานตามยถากรรม เพราะครูเก่าหลายท่าน ลงทุนลงแรงช่วยเรามากเหลือเกิน ขอยกตัวอย่าง
“สมัยที่ยังรับราชการครู ทราบดีว่า การที่ภาครัฐนำหลักการคุ้มค่าทางต้นทุนที่เป็นตัวเงินมาเป็นตัวชี้วัดว่าคุ้มทุนหรือไม่ที่จะให้มีโรงเรียนขนาดเล็ก ซึ่งหลักการนี้แค่คิดก็ผิดแล้ว การมอบแสงสว่างทางปัญญาให้ผู้ด้อยโอกาส การคุ้มทุนที่มีเงินเป็นตัวแปรใช้ไม่ได้กับงานสร้างคนที่เป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดของประเทศ”
“มีหลายวิธีที่จะดำรงโรงเรียนขนาดเล็กไว้โดยไม่กระทบกับคำว่าคุณภาพทางการศึกษา ผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการสิ้นไร้หนทางแล้วจริงหรือ หรือว่ามองการศึกษาเป็นการลงทุนแบบโรงงานอุตสาหกรรม”
“แสงสว่างทางปัญญาของเด็กได้ถูกริดรอนลงแล้ว อย่าบอกว่าการยุบโรงเรียนขนาดเล็กไม่มีผลกระทบ ลองมาเกิดเป็นเด็กด้อยโอกาสดูบ้างจะรู้ว่า นโยบายมักง่ายได้ทำลายโอกาสของเด็กไทยหลายชีวิต อย่ามองแค่ว่ามีสิ่งทดแทนให้แล้วโดยลืมมองวิถีชีวิตของพวกเขาที่ต้องเปลี่ยนไป เท่านี้ก็สอบไม่ผ่านแล้ว สมควรยุบกระทรวงศึกษาธิการเพราะเน่าเกินเยียวยา”
ข้อคิดความเห็นของครูเก่าที่ปัจจุบันท่านเป็นนักปราชญ์แห่งแผ่นดินไทย ท่านชื่อ ครูนภาลัย สุวรรณธาดาครับ..
ครับ..ยุบกับควบรวม..เขียนต่างกันแต่ความหมายเหมือนกัน จึงอย่าได้วางใจและกราบขอบพระคุณผู้บริหารและครูทุกท่าน..ที่มาให้กำลังใจ ช่วยส่งเสริมสนับสนุนและเห็นความสำคัญของโรงเรียนขนาดเล็ก..อย่างชัดเจนเช่นนี้
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๑๑ ธันวาคม ๒๕๖๒
ไม่มีความเห็น