เช้ามืดวันที่ ๗ พย. ๔๙ ผมออกจากโรงแรมธรรมรินทร์ ธนา จ. ตรัง ออกมาพบถนนเส้นใหญ่ก็วิ่งเลี้ยวซ้าย ไปตามริมถนน ๖ เลน มีเกาะกลางปลูกต้นอโศกอินเดีย และหญ้า มีการบำรุงรักษา อย่างสวยงาม มีร่องรอยของการรดน้ำหญ้าและต้นไม้ที่เกาะกลางไปหยกๆ ผมนึกชื่นชมการทำงานด้านการรักษาภูมิสถาปัตย์ของเทศบาลนครตรัง
ผิวถนนเรียบ ทางเท้าสะอาด น่าชื่นชมมาก ที่ป้ายสี่แยกบอกทางไปห้วยยอด นครศรีธรรมราช กระบี่ วิ่งไปอีกหน่อยผมก็ระลึกชาติได้ นี่คือถนนหมูย่างตรังนี่นา เมื่อประมาณ ๒๐ ปีมาแล้วผมมาขับรถนอนที่ตรัง ตอนเช้าขับรถมาหาร้านหมูย่างสุดอร่อยกินที่ถนนนี้ วิ่งไป ดูป้ายซอยริมถนนไป จึงรู้ชื่อถนน ว่าชื่อถนนห้วยยอด และผ่านร้านโกหลั่น กำลังสับหมูย่าง ก็รู้สึกอยากกินขึ้นมา แต่ใจก็บอกตัวเองว่า อย่ากินมาก จะอายุสั้น คนที่จำกัดอาหาร จะอายุยืนกว่าคนที่กินแบบไม่ยั้ง นสพ. เดอะ เนชั่นเมื่อวานลงบทความว่าลิงกังที่เลี้ยงแบบจำกัดอาหารแค่ ๗๐% ของปกติ เมื่ออายุ ๒๗ ปี ซึ่งนับว่าแก่มาก จะมีท่าทาง "แก่อย่างสง่า" กว่าลิงกังที่กินอาหารตามปกติ อย่างเทียบกันไม่ติด
วิ่งไปได้ ๑๕ นาที ก็พบโรงเรือนเก่าขนาดใหญ่คลุมเนื้อที่เป็นไร่ สูงหลายชั้น ผมบอกตัวเองทันทีว่านี่คือโรงรมยางเก่า ตอนไปอยู่ที่หาดใหญ่ใหม่ๆ ปี พ.ศ. ๒๕๑๗ - ๑๘ ขับรถผ่านถนนที่ผมลืมชื่อไปแล้ว จากสามแยกคอหงษ์ เข้าเมือง จะผ่านโรงรมยางที่ลักษณะเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน เราจะได้กลิ่นจำเพาะของยาง เราเรียกว่ากลิ่นเหม็น วันนี้พอตาเห็นอาคารนี้ผมก็ระลึกกลิ่นนั้นขึ้นมา
อาคารเก่าสร้างด้วยไม้ ซึ่งสมัยก่อนถือเป็นบ้านคนธรรมดา บ้านคนรวยต้องสร้างด้วยปูน ที่เรียกว่าตึก แต่เดี๋ยวนี้เฉพาะคนรวยเท่านั้นที่สร้างบ้านไม้ได้ บ้านไม้เก่าจึงกลับมาดูสง่างามมีราคาขึ้นมา สะท้อนถึงอนิจจังด้านค่านิยมในสังคม เชื่อมโยงกับความร่อยหรอของทรัพยากรธรรมชาติ
ผมวิ่งออกกำลังครึ่งชั่วโมง พร้อมกับชื่นชมธรรมชาติ และศิลปะและวัฒนธรรมรอบตัว และถ่ายรูปไปด้วย ได้รับความสุข ความพอใจในชีวิต อย่างพอเพียง
วิจารณ์ พานิช
๗ พย. ๔๙
โรงแรมธรรมรินทร์ ธนา จ. ตรัง
นึกออกแล้ว โรงรมยางเก่าที่หาดใหญ่ชื่อ เต๊กบี๋ห้าง ครับ
วิจารณ์