เราเริ่มงานจากประเด็นการเงินชุมชน จากจุดเล็กๆระดับหมู่บ้านด้วยการปรึกษาหารือกันในกลุ่มคุณเอื้อเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2548 ด้วยความใส่ใจและแบ่งปันกัน จึงเกิดการเรียนรู้ขึ้น
จาก 3 หมู่บ้านขยายเป็น 3 ตำบล
เราจัดวงเรียนรู้เป็น 3 วง โดยมีวงเรียนรู้คุณอำนวยเป็นแกนกลาง
เรียนรู้กันอย่างเข้มข้น ได้ความรู้ สนุก ได้ความรักและได้เพื่อน
จาก3ตำบล เราขยายพื้นที่เป็น400หมู่บ้าน ด้วยแนวร่วมที่กำลังเดินทางสู่เป้าหมายเดียวกัน ทั้งกพร. สคส. จังหวัด เครือข่ายยมนา และอื่นๆ เราได้ใช้โอกาสเหล่านั้นผนึกกำลังด้วยการจัดทัพเป็นวงเรียนรู้ต่างๆเพื่อสร้างภาพฝันร่วมกัน พร้อมๆกับสร้างทีมเรียนรู้ ซึ่งค่อยๆคืบหน้ามาตามลำดับ
เมื่อลงลึกลงไป สิ่งที่เราต้องการคือ แบบแผนจิตสำนึก และการเป็นนายเหนือตนเองที่มีวินัยและความมุ่งมั่นที่จะทำงานใหญ่เพื่อสร้างประวัติศาสตร์เมืองนครศรีธรรมราช ซึ่งต้องการความสามารถในการคิดเชิงระบบของคนทำงาน ทั้งคุณเอื้อ คุณอำนวย และแกนนำคุณกิจ
2องค์ประกอบแรก เราได้เป้าหมายที่คมชัดคือ
ชุมชนอินทรีย์ เมืองแห่งการเรียนรู้ พอเพียง น่าอยู่ และยั่งยืน
เราค่อยๆสร้างทีมเรียนรู้จากความสัมพันธ์แนวดิ่งมาเป็นเพื่อนร่วมงาน จัดสรรบทบาท หน้าที่กันโดยเคารพในคุณค่า ความสามารถของแต่ละคนด้วยความใส่ใจ และแบ่งปัน เรียนรู้จากกันและกัน
อีก3องค์ประกอบ เป็นคุณลักษณะของคนทำงานที่พร้อมจะทำงานหนักที่ท้าทายเพื่อร่วมในประวัติศาสตร์การพัฒนาเมืองนครศรีธรรมราช
แบบแผนจิตสำนึก(ความมุ่งมั่น จดจ่อ ใส่ใจอย่างต่อเนื่อง จิตตะสมาธิ)
เป็นนายเหนือตนเอง(สัจจะ วินัย ฉันทะ)
การคิดเชิงระบบ(มองเห็นความเชื่อมโยง อิทัปปัจจยตา)
เมื่อก้าวเข้าสู่องค์กรเรียนรู้ หรือชุมชนอินทรีย์
แบบแผนจิตสำนึกบุคคลก็กลายเป็นวัฒนธรรมเรียนรู้ขององค์กร/ชุมชน
การคิดเชิงระบบก็เป็นธรรมชาติขององค์กร/ชุมชนที่จะดำเนินการ/ดำรงอยู่โดยคำนึงถึงปัจจัยเกี่ยวเนื่องที่มิใช่มีเพียงเราเท่านั้น
เหลือเพียงสิ่งพื้นฐานของการฝึกฝน ซึ่งสำคัญสูงสุดคือ
การเป็นนายเหนือตนเอง เอาชนะใจตนเองได้ ในความอ่อนแอ อิจฉาตาร้อน อยากเด่นอยากดัง แสวงลาภ ยศ สรรเสริญ ซึ่งเป็นด้านลบ และในด้านบวกคือ ความยินดีในความสำเร็จ เป็นต้น
ก็จะ หลุดพ้นจาก หลุมดำ