หน้าที่อันภูมิใจยิ่งอย่างหนึ่งในบทบาทการเป็นอาจารย์ คือ การเป็นกรรมการบริหารหลักสูตรสร้างครูวิทยาศาสตร์ เมื่อวาน (๑๓ มิ.ย. ๖๒) มีโอกาสได้ไปร่วมเป็นกรรมการสัมภาษณ์รับนิสิตที่ต้องการจะมาเรียนเป็นครูวิทยาศาสตร์ทั่วไป ในหลักสูตร กศ.บ. วิทยศาสตร์ทั่วไป เราตั้งคำถามเพื่อตรวจสอบเจตคติเบื้องต้น ทักษะความถนัด และความรู้ที่จำเป็นสำหรับการเป็นครูวิทยาศาตร์หลายคำถาม ส่วนใหญ่เป็นคำถามที่ควรเก็บไว้แลกเปลี่ยนเฉพาะอาจารย์สัมภาษณ์ด้วยกัน แต่ก็มี ๒-๓ คำถาม ที่อยากจะแบ่งปันและชี้ให้เห็นบางอย่างที่น่าสนใจ ดังนี้ครับ
ถามเพื่อฝังเป้าหมายไว้ในใจก่อนเข้าเรียน
เราต้องการจะตั้งคำถามนี้ไว้ในลักษณะ BAR ก่อนมาเรียน (หากเขาผ่านการคัดเลือก) ซึ่งเป็นคำถามที่ไม่มีคำตอบตายตัว ถูกหรือผิด และแน่นอนว่า เราไม่ได้เอามาคิดพิจารณาเป็นคะแนนได้ตกอะไร แต่ต้องการจะฝังไว้ในใจเขา เพราะตลอด ๔ ปีต่อไปนี้เขาจะต้องฝึกฝนและพัฒนาตนเองให้ได้ตามเป้าหมายนั้น ....มี ๒ คำถาม โดยตามต่อกันทันที ได้แก่
สำหรับคำถามแรก นักเรียนส่วนใหญ่จะตอบทันทีว่า ครูที่ดีต้องเอาใจใส่นักเรียน ต้องรู้จักนักเรียน มีความรู้ดีในเรื่องที่จะสอน สามารถสอนให้นักเรียนเข้าใจได้ และเป็นแบบอย่างที่ดี ส่วนคำถามที่ ๒ ส่วนใหญ่จะตอบว่า ต้องมีเหตุผล ไม่มีใครที่อธิบายความแตกต่างระหว่างครูวิทย์ฯ กับครูสาขาอื่นอย่างไร แต่ถ้าซักลึกต่อไป จะได้คำตอบว่า ต้องมีความรู้วิทยาศาสตร์ดีกว่า
ถามเพื่อตรวจสอบทักษะกระบวนการและวิธีการทางวิทยาศาสตร์
ทักษะพื้นฐานที่สำคัญของผู้ที่ควรเป็นครูคือ สามารถอธิบายได้ดีในเรื่องที่ตนเองมีความรู้ ส่วนหัวใจสำคัญของการเป็นครูวิทยาศาสตร์คือการเป็นผู้มี "จิตวิทยาศาสตร์" ผู้ที่มีจิตวิทยาศาสตร์คือมีทักษะกระบวนการและกระทัศน์แบบวิทยาศาสตร์ (ผมเคยเขียนเสนอไว้ที่นี่) การถามในขั้นตอนนี้จึงเป็นคล้าย ๆ กึ่งสัมภาษณ์นักเรียนไปด้วย ... ผมตีความจากคำตอบของนักเรียนส่วนใหญ่ ได้ข้อค้นพบที่น่าสนใจดังนี้
ผมเข้าใจว่า กระบวนการคัดเลือกนักเรียนเข้าสู่มหาวิทยาลัยนั่นเอง ที่เป็นกลไกสำคัญส่งผลต่อวิธีการจัดการเรียนการสอนในโรงเรียน ถ้ามีแต่สอบข้อเขียน ทดสอบเน้นไปทางรู้จำและทำโจทษ์ในกระดาษแบบปัจจุบัน การัดการเรียนการสอนด้วยกระบวนการวิทยาศาสตร์ก็จะค่อย ๆ หายไป นักเรียนก็จะหวังแต่จะไปโรงเรียนติว เตรียมตัวสอบ ดังที่เห็นและเป็นอยู่ ... เด็กบ้านนอกคอกนา พ่อแม่ไม่มีปัญญาส่งไปติวหรือห้องเรียนพิเศษ ก็จะลดหมดโอกาสไปในระบบนี้ หรือไม่พ่อแม่ก็ต้องก่อหนี้เกินตัวเพื่อส่งลูกสู้ ....
ขอจบห้วน ๆ แบบนี้ล่ะครับ
ไม่มีความเห็น