สงกรานต์ปีนี้ครอบครัวเรายังรักษาประเพณีที่สืบทอดกันมาแต่ตั้งเดิม เริ่มจากวันที่ 12 เมษายน นำญาติ พี่น้อง ลูก หลาน ไปไหว้อัฐิบรรพบุรุษที่วัดใกล้บ้านเกิด แล้วไปทานอาหารด้วยกันที่บ้านเก่าของพ่อแม่(บ้านเกิด) ตอนนี้น้องสาวคนเล็กเป็นผู้ดูแลอยู่ จึงเป็นแม่งานทำอาหารเลี้ยงพวกเรา แต่ละครอบครัวที่แยกย้ายกันไปอยู่ต่างถิ่นก็พาลูกพาหลานมารวมกัน นำข้าวของมาฝากกัน พูดคุยสารทุกข์สุกดิบกันด้วยความคิดถึง
จากนั้นก็ให้ลูกหลานได้รดน้ำขอพรจากผู้ใหญ่ ถือเป็นการได้อบรมสั่งสอนลูกหลาน ให้กำลังใจพวกเขา เพื่อให้เขาเป็นคนดีของสังคม รวมทั้งให้ลูกหลานทุกคนได้รู้จักกัน ผูกพันกัน ดูแลกัน และดูแลบุพการีของตน แม้ไม่มีเราแล้วก็ขอให้สืบทอดประเพณีตลอดไป ...แปลกมากที่ลูกหลานรุ่นนี้ล้วนเป็นผู้ชายทั้งหมด ไม่มีผู้หญิงเลย
เผลอไม่ทันไรเราก็เกือบจะได้นั่งหัวโต๊ะเป็นผู้ใหญ่สุดให้พวกเขารดน้ำกันแล้ว ตอนนี้พี่ๆก็ทยอยจากไป 3 คนแล้ว เหลือกันอีก 4 คนไม่รู้ว่าใครจะไปก่อนใคร
บ่ายคล้อยเมื่อเราแยกย้ายจากกัน เราสองคนก็เดินทางไปวัดที่เคยไปเป็นประจำซึ่งอยู่ในจังหวัดเดียวกัน ได้กราบหลวงตาเจ้าอาวาส ทำบุญ ชำระหนี้สงฆ์ ลงทะเบียนเข้าพักที่วัด 2 คืน
คืนแรกได้ร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิวิปัสสนา วันต่อมาซึ่งเป็นวันสงกรานต์(13 เมย.) ตื่นตีสี่ มานั่งสมาธิวิปัสสนาในพระอุโบสถ แล้วร่วมสวดมนต์ทำวัตรเช้า ต่อจากนั้นมากวาดใบไม้ในลานวัด รอใส่บาตรพระ ร่วมกิจกรรมถวายภัตตาหารพระ และร่วมพิธีถวายบังสุกุลแก่บรรพบุรุษ จากนั้นก็ไปก่อพระทรายที่ลานวัด บ่ายสองโมงร่วมสรงน้ำพระ เย็นก็ร่วมสวดมนต์ทำวัตรเย็นนั่งสมาธิภาวนา ค้างคืนอีกคืน
เช้าวันที่ 14 ก็ปฏิบัติกิจกรรมยามเช้าเหมือนทุกวันคือ นั่งสมาธิภาวนาตอนตี 4 ทำวัตรเช้า กวาดลานวัด ใส่บาตรพระ เดินจงกรม แล้วเดินทางกลับบ้าน
กิจกรรมช่วงสงกรานต์ของครอบครัวเราก็เป็นเช่นนี้ทุกปีแล...
เป็นประเพณีที่ดีงามของคนไทย ที่ประเทศใดก็ไม่เหมือนบ้านเราค่ะ