อำนาจที่แท้จริงอยู่ที่ใด?


ความเข้าใจของคนส่วนใหญ่เกี่ยวกับอำนาจ ก็คือ...
ยิ่งเรามีตำแหน่งสูงขึ้น อำนาจของเราก็จะยิ่งมากขึ้น
แต่นั่นอาจเป็นความเข้าใจที่ไม่ครบถ้วน!

จริงอยู่...

ไม่ว่าตำแหน่งอะไรก็ตาม ก็ย่อมมี "อำนาจ" ของตำแหน่งนั้นๆ
เราเรียกอำนาจชนิดนี้ว่า..."อำนาจตามตำแหน่ง"
แต่อำนาจแบบนี้จะอยู่กับคุณเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ยามใดที่คุณพ้นจากตำแหน่งแล้ว อำนาจของคุณก็จะสูญสิ้นตามไปด้วย

แต่มี "อำนาจ" อีกชนิดนึง ที่ไม่ได้ขึ้นกับตำแหน่งใดๆ
อำนาจชนิดนี้ เราเรียกมันว่า..."อำนาจที่แท้จริง"

"อำนาจที่แท้จริง"...
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานภาพใดๆ และไม่สำคัญว่าคุณจะเป็นใคร 
เมื่อใดที่คุณได้ทำบางสิ่งบางอย่างให้ผู้อื่นด้วยความจริงใจ
คุณก็จะได้รับอำนาจบางอย่างจากเขา
ยิ่งคุณทำให้ผู้อื่นมากเท่าไหร่ 
คุณก็จะยิ่งได้อำนาจกลับคืนมามากขึ้นเท่านั้น

เมื่อไม่เข้าใจใน "อำนาจที่แท้จริง" หลายคนจึงหลงทาง...
บางคนพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งที่ต้องการ
โดยไม่สนใจว่าวิธีการให้ได้มาซึ่งตำแหน่งนั้น จะถูกหรือผิด
ทำได้แม้กระทั่งใส่ร้ายป้ายสีคู่แข่งของตน เพื่อให้ตนดูดีขึ้นในสายตาผู้อื่น
ใช้ข้อมูลที่บิดเบือนโจมตีเพื่อทำให้คู่แข่งหมดความน่าเชื่อถือ
หรือใช้เงินเพื่อที่จะซื้อตำแหน่งนั้นมา

แต่เขากลับหารู้ไม่ว่า...

การทำแบบนั้น ยิ่งทำให้เขาดูแย่ลงในสายตาผู้อื่น
และทำให้ผู้คนเริ่มคลางแคลงใจในการกระทำของเขา
เขาอาจจะได้ "อำนาจตามตำแหน่ง" มา
แต่เขากลับสูญเสีย "อำนาจที่แท้จริง" ไป

มีตัวอย่างมากมายของผู้มีอำนาจที่แท้จริง 
ที่อำนาจของเขานั้นมิได้มาจากตำแหน่งหรือสถานะของเขา
แต่อำนาจที่เขามีนั้น เป็นอำนาจที่ผู้อื่นมอบให้เขาด้วยความรักและศรัทธา

มหาตมะ คานธี...

เป็นแค่ทนายความธรรมดาชาวอินเดียคนหนึ่ง
แต่สิ่งที่เขาทำเพื่อชาวอินเดียทั้งประเทศนั้นเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มาก
เขาต่อสู้กับจักรวรรดิอังกฤษเพื่อเรียกร้องอิสรภาพให้กับประเทศอินเดีย
เขาต้องเสียสละหลายสิ่งหลายอย่าง 
ต่อสู้ด้วยวิธีที่เรียกว่า "สันติอหิงสา" หรือ "สัตยาเคราะห์"
เพื่อไม่ต้องการให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อของทั้งสองฝ่าย
คานธีถูกจับหลายครั้ง แต่เขาก็ยังคงมุ่งมั่นทำเพื่อประชาชนชาวอินเดีย
และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ชาวอินเดียให้การสนับสนุนเขา 
ทำให้เขามีอำนาจที่จะต่อรองกับประเทศอังกฤษได้
จนกระทั่ง ประเทศอังกฤษต้องยอมให้ประเทศอินเดียเป็นเอกราชในที่สุด

ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์...

ศาสนาจารย์ชาวอเมริกันผิวสี
ที่ต่อสู้เพื่อเรียกร้องเรื่อง "การเหยียดสีผิว" ให้กับชาวผิวสีในอเมริกา
เขาเลือกใช้การต่อสู้ด้วยการประท้วงที่ไม่ใช้ความรุนแรง
จนในที่สุด ศาลฎีกาได้ตัดสินว่าการแบ่งแยกที่นั่งตามสีผิวบนรถเมล์
เป็นเรื่องที่ขัดกับรัฐธรรมนูญของประเทศ
เขากลายเป็นตัวแทนการเรียกร้องสิทธิพลเมืองที่รู้จักไปทั้งประเทศ
เขาถูกจับและคุมขังมากกว่า 20 ครั้ง 
เขาและครอบครัวถูกข่มขู่และทำร้ายนับไม่ถ้วน
เขาทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย 
เดินทางเป็นระยะทางกว่า 6 ไมล์ กล่าวสุนทรพจน์ 250,000 ครั้ง 
เขียนหนังสือ 5 เล่ม และบทความอีกมากมาย

ในจำนวนสุนทรพจน์ทั้งหมดที่ด๊อกเตอร์คิงเคยกล่าว 
ไม่มีอันใดเป็นอมตะไปกว่าสุนทรพจน์ “ข้าพเจ้ามีความฝัน” (I Have a Dream) 
ที่กล่าว ณ ขั้นบันไดของอนุสาวรีย์ลินคอล์นอันเป็นสัญลักษณ์ ในปี 1963 
ต่อหน้ามวลชนกว่า 250,000 คน ทั้งผิวขาวและผิวสี

เขากลายมาเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลทางความคิดมากในสหรัฐ 
จนกระทั่งนิตยสารไทมส์ ยกย่องให้เขาเป็น “บุรุษแห่งปี” ในปี 1963
อำนาจที่เขาได้รับจึงมิใช่ได้มาเพราะตำแหน่ง 
แต่เกิดจากสิ่งที่เขาทุ่มเททำให้ชาวอเมริกันทุกคน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช...
แม้พระองค์จะดำรงสถานะเป็นพระมหากษัตริย์ของประเทศ
แต่พระองค์ก็มิได้ปฏิบัติเยี่ยงกษัตริย์ประเทศอื่นๆ
ที่เสวยราชสมบัติอย่างสุขสบายอยู่แต่ภายในวัง

สิ่งที่พระองค์ปฏิบัติตลอด 70 ปีแห่งการครองราชย์
ก็คือ การบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชนคนไทยทุกหย่อมหญ้า
ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน ไม่ว่าจะลำบากเพียงใด
พระองค์ก็จะดั้นด้นไปแก้ไขปัญหาให้กับราษฏร์ของพระองค์ในทุกถิ่นที่ 
แม้ว่าในบางพื้นที่อาจจะต้องเสี่ยงภยันอันตรายก็ตาม
ทั้งในยามที่พระพลานามัยแข็งแรงหรือในยามที่ทรงประชวร
พระองค์ก็ยังทรงงานเพื่อประชาชนชาวไทยตลอดเวลา
ดังจะเป็นได้จากโครงการพระราชดำริต่างๆ ที่มีถึง 4,741 โครงการ

ถึงแม้พระองค์จะมีพระราชอำนาจอยู่บ้างในฐานะกษัตริย์
แต่พระราชอำนาจที่แท้จริงของพระองค์กลับมิได้เกิดจากสถานะนั้น 
มันเกิดจากความรักและศรัทธาที่ประชาชนมอบให้พระองค์ต่างหาก
จากพระราชกรณียกิจทั้งหมดที่พระองค์ได้ทรงทำไว้อย่างเอนกอนันต์

"อำนาจที่แท้จริง"...

ไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่งหรือหน้าที่ 
เป็นอำนาจที่ยิ่งใหญ่และยั่งยืน ไม่สามารถยกให้ผู้อื่นได้
ไม่สามารถหยิบฉวยหรือช่วงชิงไปได้
ใช้ทรัพย์สินเงินทองแลกมาก็ไม่ได้
และการจะทำลายอำนาจนี้ให้หมดไป ก็ทำได้ยากยิ่ง

ดังนั้น หากคุณต้องการเป็นผู้ที่มีอำนาจอย่างแท้จริงแล้วล่ะก็ 
มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ คุณต้องสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวคุณเอง
ด้วยการทำสิ่งที่มีประโยชน์หรือมีคุณค่าต่อผู้อื่น
ยิ่งทำมากเท่าไหร่ อำนาจของคุณก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
"กําแพงเมืองจีนไม่ได้สร้างเสร็จภายในวันเดียว"
ฉันใด
"อำนาจที่ยิ่งใหญ่"
ก็ไม่สามารถสร้างขึ้นในเวลาอันสั้นได้ฉันนั้น
เราจำเป็นต้องใช้เวลาในการสร้างมันขึ้นมาอย่างช้าๆ
ขอเพียงมีความมุ่งมั่นและตั้งใจ ทำไปอย่าได้ท้อ
ทำเพื่อผู้อืน ทำเพื่อองค์กร ทำเพื่อสังคม และทำเพื่อประเทศชาติ
แล้ววันนึง ผู้คนจะมอบ "อำนาจที่แท้จริงและยิ่งใหญ่" ให้คุณเอง

นิวัฒน์ ลีวงศ์วัฒน์
10 เมษายน 2562

ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก th.wikipedia.org

<p></p>

หมายเลขบันทึก: 661030เขียนเมื่อ 10 เมษายน 2019 23:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 10 เมษายน 2019 23:12 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท