รำพึงรำพันไป เมื่อย่างสู่วัย 69


     31 มีนาคม 2562นี้  ก็จะย่างเข้า 69 ปีแล้วสินะเรา  วันเวลาผ่านไปเร็วเหลือเกิน  นี่คือกฏธรรมชาติ นี่คือความจริงที่เราไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
วิถีการดำเนินชีวิตหลังเกษียณของแต่ละคน ชีวิตของใครก็ชีวิตของคนนั้น จะเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ ต่างก็เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยที่แต่ละคนมี  สำหรับผมมีเพื่อนๆถามว่า "ตอนนี้ทำอะไรบ้าง"  ก็ตอบเขาไปว่า "ยังคงทำเรื่องหลักๆ 5 เรื่อง คือปลูกต้นไม้ ปฏิบัติธรรม  ออกกำลังกาย  ไปท่องเที่ยว และช่วยเหลือสังคมตามโอกาสอำนวย คล้ายตอนหลังเกษียณใหม่ๆ  แต่หลายเรื่องทำลดลงไปตามเรี่ยวแรงที่ถดถอย แต่บางเรื่องก็ทำมากขึ้น"
วันเกิดปีนี้จึงขอรำพึงรำพันสัก 5 เรื่องที่ได้แลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆมาเล่าสู่กันฟังตามประสาคน สว.ครับ
  1.เรื่องการปลูกต้นไม้ที่บ้านสวนหลังน้อยตอนนี้ก็เพลาๆลงไปบ้าง ไม่หักโหมเหมือนเมื่อก่อน  ต้นไม้ใหญ่ก็เติบโตออกดอก ออกผลไปแล้ว ไม่ต้องดูแลอะไรมาก แต่ก็ต้องคอยไปรดน้ำ ตัดแต่งกิ่ง ตัดหญ้า ทำความสะอาดทั้งบ้านทั้งสวนให้คงสภาพงดงามน่าอยู่เหมือนเดิมอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง  ทำงานเสร็จก็ขับรถกลับ เพราะไม่สะดวกอยู่พักค้างคืนเหมือนเมื่อก่อน เมื่ออายุมากขึ้น ก็ต้องอยู่ใกล้หมอใกล้โรงพยาบาลมากกว่า ก็คิดเหมือนกันว่า แล้วเราจะปลูกไว้ทำไมให้ต้องเป็นภาระคอยเป็นห่วง ปลูกสร้างเขาไว้แล้วก็สงสารเขาจึงต้องดูแลเขาไปไม่ให้ชำรุดทรุดโทรม(เหมือนคนเลี้ยงสุนัขก็ต้องดูแลเขาไปจนตลอดชีวิต) แต่ก็ถือเป็นกิจกรรมที่ทำให้คลายเหงาได้อย่างหนึ่ง แถมยังใช้เป็นสถานที่ต้อนรับเลี้ยงดูเพื่อนฝูง ลูกศิษย์ลูกหาอยู่บ่อยๆ ได้ถ่ายรูปบ้าน ต้นไม้ ดอกไม้ สวยๆแชร์ทางเน็ตอวดเพื่อนฝูงได้ชื่นชมกันด้วย    แต่อีกใจหนึ่งก็อยากผ่องถ่ายให้คนที่เขารักต้นไม้จริงๆ รักความสงบอยากใช้ชีวิตอย่างพอเพียงมาดูแลต่อจัง  คิดไปถึงคนที่เขามีที่ทาง มีสมบัติพัสถานเยอะๆเขาคงทุกข์มากกว่าเราหลายเท่า   
ส่วนต้นไม้ที่บ้านพักในเมืองจะเน้นปลูกไม้ดอกและ พืชผักกินได้ ทั้งปลูกลงในกระถางและปลูกลงดินหลายชนิด ซึ่งสามารถดูแลรดน้ำได้ทุกวัน ที่ริมรั้วบ้านก็ปลูกผักไว้ทานเอง เช่น จิงจูฉ่าย คื่นช่าย  วอเตอร์เกรส โหระพา สะระแหน่ คะน้า ฯลฯ เด็ดยอดมาทานสดๆได้ทุกวัน หมุนเวียนกันไป  ริมถนนฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นที่สาธารณะก็ปลูกมะตูมแขก  มันปู  มัลเบอรี่ พริก มะเขือพวงไว้หลายต้นให้ชาวบ้านเก็บไปทานกัน ถัดไปก็เป็นซุ้มแจกต้นไม้ที่เป็นกิจกรรมเล็กๆทำมาเกือบสิบปี ก็ยังทำต่อเนื่อง มีต้นไม้ในซุ้มแจกไม่ขาด เป็นไม้ทั่วๆไปหลายประเภทที่เพาะขึ้นเองบ้างและตอนหลังเพาะชำไม่ค่อยไหว คนที่เขามีต้นไม้เห็นเจตนาเราก็เลยเข้าร่วมนำต้นไม้มาวางแจกให้เต็มซุ้ม แม้เป็นไม้ธรรมดาทั่วๆไปคนไม่ค่อยสนใจนัก แต่ก็แสดงถึงน้ำใจของผู้ที่อยากจะนำมาแบ่งปัน เห็นแล้วก็ชุ่มชื่นใจ  ถัดจากซุ้มต้นไม้ก็ปลูกต้นทองอุไรเป็นแนวยาว โดยได้แพร่พันธุ์ให้บ้านอื่นช่วยกันปลูกต่อไปตามริมถนน ออกดอกเหลืองสะพรั่งตลอดปีรับกับชบาหลากสี พวงครามและพยับหมอกฝั่งริมรั้ว มีคนมาเซลฟี่ถ่ายรูปกันบ่อยๆ
  2.เรื่องปฏิบัติธรรม เพื่อฝึกจิตให้มีสติสัมปะชัญญะ ลดละ ขจัดกิเลสที่สะสมมา เป็นการสั่งสมบุญกุศลให้ตนเองและเตรียมตัวตายในช่วงเวลาที่เหลือน้อยเต็มทีอย่างไม่ประมาท  ก็ทำไปแบบสบายๆ ไม่ได้เร่งรีบ บีบบังคับใจให้ต้องทำ เพียงแค่เฝ้ามองดูรับรู้สิ่งที่มากระทบกายกระทบจิต  เห็นการเกิดการดับโดยไม่ต้องทำอะไรกับมัน ธรรมะ(ธรรมชาติ)ก็จะจัดการให้ใจเป็นสุขเอง และคอยเตือนตนเองเสมอไม่ให้บกพร่องในศีล จนตอนนี้การปฏิบัติธรรมกลายเป็นกิจวัตรหนึ่งของชีวิต ทั้งตื่นเช้าและก่อนนอน ครั้งละราว 30 นาทีถึงหนึ่งชั่วโมง   รวมทั้งได้จัดสรรเวลาไปชาร์ทแบทเพิ่ม ร่วมปฏิบัติธรรมกับผู้อื่นตามหลักสูตรทั้ง 10 วัน  8 วัน  3 วัน 1 วัน หรือ group sitting (ครั้งละ 2 ชั่วโมง)ตามโอกาสอำนวย  สิ่งที่เห็นการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับตนเองชัดเจนคือ  อารมณ์โกรธ ขึ้งเครียดลดน้อยลง(จนแทบจะไม่ปรากฏ)  มองผู้อื่นในแง่ดี  มีใจที่เมตตา คิดแต่จะให้ผู้อื่น ไม่คิดอยากได้อะไร มีสติอยู่กับตัวมากขึ้น ไม่ฟุ้งปรุงแต่งออกไปนอกตัวนานๆเหมือนเมื่อก่อน  หายใจโล่งโปร่งสบาย เป็นต้น
       3.เรื่องการออกกำลังกาย ยังคงทำเป็นกิจวัตรควบคู่กับการปฏิบัติธรรม แต่ก็ทำอย่างเบาๆผ่อนคลายไปตามอายุที่มากขึ้น ไม่บ้าระห่ำเหมือนเมื่อก่อน  แต่ก็มีความสม่ำเสมอ  ทำเป็นประจำในตอนเย็นคือปั่นจักรยานอยู่กับที่ ดูทีวีไป ปั่นไปแกว่งแขนและทำท่าบริหารส่วนบนหลายๆท่าไปพร้อมๆกัน ประมาณ 30 นาที  รวมทั้งการออกกำลังกายที่ทำไปพร้อมกับการทำงานปกติ เช่น การปลูกต้นไม้  การเดินไปโน่นมานี่ เป็นต้น คิดว่าเท่านี้ก็น่าจะพอเพียงแล้ว
      4. เรื่องการไปท่องเที่ยว เราจะพยายามจัดสรรเวลาไปเที่ยวภายในประเทศพร้อมกันทั้งครอบครัว ถ้าลูกหลานไม่ว่างไปด้วย เราก็ไปกันสองคนตายายส่วนใหญ่จะไปวัดกันเสียมากกว่า ค้างสักคืนสองคืนก็ขับรถกลับ  ผมจะพยายามขับรถเองตลอด ตามรอยผู้ใหญ่ที่ผมนับถือ เพราะท่านอายุย่างเข้า 90 ปีแล้วยังไม่เลิกขับรถ ท่านบอกว่าเลิกขับเมื่อไรก็จะทำอะไรไม่เป็น  อีกอย่างหนึ่งคือเราชอบสรรหาร้านอาหารอร่อยไปทานกัน ถ้าร้านไหนอร่อยจริงก็จะพาคนอื่นไปทานกัน นอกจากนี้เรายังชอบขึ้นรถไฟฟ้าไปไหนมาไหนกัน ตอนนี้เขามีสวัสดิการให้แก่ผู้อาวุโสหลายอย่าง เป็นสว.ก็ดีอย่างนี้แหละ  
สำหรับการเที่ยวต่างประเทศระยะหลังเริ่มไปกันน้อยลงประมาณปีละครั้ง เราอาจจะไปกันมามากแล้วและอายุมากขึ้น  มีความรู้สึกว่าไปที่ไหนๆก็ยังงั้นๆ เห็นแล้วก็ผ่านๆไปไม่มีอะไรให้ตื่นเต้น  แต่กิจกรรมที่เราทำร่วมกันทุกปีคือการรวมญาติในช่วงสงกรานต์เพื่อให้ลูกหลานมาพบกันและแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ
       5. เรื่องการช่วยเหลืองานสังคมก็ยังคงทำต่อเนื่องตามโอกาสที่เหมาะสม เพื่อตอบแทนหลวงที่ให้บำนาญเลี้ยงชีวิตเราอย่างพอเพียงโดยไม่ต้องเบียดเบียนลูกหลาน และด้วยสำนึกความเป็นมนุษย์ที่ดี เราจึงต้องดำรงชีวิตให้มีคุณค่าต่อสังคม แต่งานที่ทำต้องทำด้วยความสบายใจ ไม่ติดยึดประโยชน์ที่จะได้รับ และไม่ต้องทำด้วยความเกรงใจใคร เพราะตอนนี้เราไม่มียศมีตำแหน่งให้ใครปลดได้แล้ว ขณะนี้ผมยังเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอยู่หลายคณะ  งานที่ต้องขอปฏิเสธทุกครั้งเมื่อถูกเชิญคืองานที่ให้ไปร่วมคิดร่วมตัดสินใจเกี่ยวกับคน เงิน และวิชาการ รวมทั้งงานที่ต้องรับผิดชอบผูกพันยาวนานด้วย แม้เขาจะเสนอค่าตอบแทนที่ดีก็ตาม อะไรที่ทำแล้วเครียดและผูกพันจะไม่รับเด็ดขาด เราต้องรู้ตัวเอง  มีผู้บริหารหลายคนคิดว่าผมยังเก่ง มาเชิญไปเป็นวิทยากรบรรยาย ก็ต้องขอปฏิเสธไป เพราะสงสารเด็กๆรุ่นใหม่ที่จะต้องมาทนฟังคนแก่บ่นเรื่องราวเก่าๆวนไปวนมาและจำใจต้องกล่าวชื่นชมยกย่องอย่างไม่ตรงกับใจ ถ้าเป็นการล้อมวงแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันแบบสุนทรียสนทนาก็ว่าไปอย่าง
       เรื่องที่ตนเองทำแล้วมีความสุขตอนนี้คือการอ่านหนังสือบันทึกเสียงให้คนตาบอด โดยเชื่อว่าแม้ตัวเองจากไปเสียงของเราก็ยังเป็นครูคงอยู่อีกยาวนาน  ตอนนี้อ่านจบไปแล้วหลายเล่ม   รวมทั้งยังคงทำงานที่ตนเองถนัดและเป็นอิสระกับตนเองคือ การเขียนหนังสือ ตอนนี้ยังมีคอลัมน์ประจำให้เขียนตีพิมพ์ต่อเนื่อง  หนังสือเป็นเล่มหลังสุดที่เพิ่งตีพิมพ์จบไปเมื่อปลายปีที่แล้วคือ "รักที่หลุดพ้น" แม้จะเป็นนวนิยายอิงธรรมะที่หนักไปนิดแต่ก็ได้รับการตอบรับที่ดีพอสมควร แจกเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ขอขอบคุณผู้มีน้ำใจช่วยสนับสนุนค่าพิมพ์ให้พอมีกำลังใจเขียนต่อ  ตอนนี้เล่มนี้ยังพอมีวางจำหน่ายอยู่ที่ศูนย์หนังสือจุฬา หนังสือเล่มใหม่ที่เพิ่งเขียนเสร็จยังไม่ได้ตีพิมพ์คือเรื่อง "บุญถึง" เขียนเสร็จลองให้เพื่อนฝูงและคนใกล้ตัว5-6 คนที่ปากกับใจตรงกันอ่าน เขาบอกว่าสนุกกว่าเรื่องแรก  ผมเองก็ว่ายังงั้นเหมือนกัน  อ่านไปก็ชมตัวเองไปว่า"ทำไมเราเขียนดีจัง"  ว่าจะพิมพ์แจกงานศพตัวเองก็ไม่ได้แล้วเพราะบริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่ให้โรงพยาบาลจัดการไปแล้ว จะได้ไม่เดือดร้อนลูกหลานและเพื่อนฝูงเมื่อจากไป
       พูดถึงสุขภาพร่างกาย แม้ตัวเองไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มกาแฟ ดูแลตัวเองค่อนข้างดีมาตลอด แต่ก็ยังมีโรครุมเร้าเครื่องเคราสึกหรอไปให้ต้องดูแลซ่อมแซมรักษามากมาย(อาจเป็นกรรมเก่าที่ติดตัวมาก็ได้) ทั้งไต ปอด ต่อมลูกหมาก ลำไส้ กระดูก ความดัน  ไขมัน มากันเป็นขบวน ทานยาเป็นอาหารเสริมเป็นกำๆ   เคยเผลอไผลหกล้มหัวฟาดพื้นมาสองครา แต่สมองแข็งรอดมาได้ เคยต้องผ่าตัดใหญ่มาสองรอบ เห็นเวทนาที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจิ๊บๆ  ก็ต้องดูแลเขาไปเพราะอาศัยร่างเขาอยู่มานาน อยู่กันจนกว่าจะสูญสลายจากกันไปนั่นแหละ โดยภาพรวมสุขภาพยังแข็งแรงดี โรคภัยทั้งหลายตอนนี้ก็คุมอยู่ในระดับปกติทุกโรค หน้าตายังผ่องใส ใครๆเห็นก็ไม่เชื่อว่ามีโรคภัยเบียดเบียน แต่ก็ยังไปพบหมอทานยาคุมไว้ทำตามที่หมอกำหนดทุกอย่าง จึงไม่เคร่งเครียดและไม่วิตกกังวลใดใดในเรื่องนี้
     กิจกรรมที่ต้องทำกันบ่อยๆของเรา(ตากับยาย)สองคนคือจูงมือกันไปโรงพยายาลผลัดกันไปหาหมอตามนัด  ถือเป็นกิจกรรมผ่อนคลายได้ออกไปเที่ยวนอกบ้านสวีทหวานกันในบ้ันปลายชีวิต เพลิดเพลินดีออก  ได้เจอเพื่อนร่วมโรค ได้พูดคุยกัน แต่ไม่นานเพื่อนเหล่านั้นก็ทยอยหายหน้าหายตาไป เดาเอาว่าคงไปที่ชอบๆกันแหละ ต่อไปเราก็คงเป็นเช่นนั้นเหมือนกัน
  ตอนนี้ผมมีเพื่อนช่วยคลายเหงาอยู่หลายกลุ่ม อาทิ  เพื่อนร่วมรุ่น(ร่วมสถาบัน)  เพื่อนที่เคยร่วมงาน เพื่อนบ้าน  เพื่อนร่วมปฏิบัติธรรม  เพื่อนร่วมโรค  เพื่อนเฟส ลายน์ บล็อก  และเพื่อนคู่ชีวิต  โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนร่วมรุ่นต่างๆ เป็นกลุ่มที่เหนียวแน่นพบกันมิได้ขาด ซึ่งก็ทยอยเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ แล้วก็จากกันไป  เราก็ตามไปส่งเพื่อนที่เมรุกัน ถือเป็นการรวมรุ่นเพื่อนที่ยังเหลืออีกวิธีด้วย   แต่เพื่อนแท้คู่ชิวิตยามชราจริงๆก็เป็นตากับยายเราสองคนนี่แหละ ลูกๆหลานๆเขาก็ออกไปมีชีวิตครอบครัวของเขา เราก็ไม่อยากไปผูกติดและเป็นภาระให้เขา แค่ดูแลถามไถ่ทุกข์สุขช่วยเหลือกันอยู่ห่างๆจะดีกว่า ถ้าผูกพันเขามากก็จะคิดถึงเขามากและทุกข์ใจไปเปล่าๆ
      ครบรอบวันเกิดปีนี้ ขอส่งความรักความปรารถนาดีให้เพื่อนๆและผู้ที่เคารพนับถือ ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลาย ขอให้ทุกท่านพ้นจากความทุกข์ และพบกับความสงบสุขอันแท้จริง  รวมทั้งขอให้ตนเองมีพลังใจที่ตั้งมั่นในทาน ศีล สมาธิ ภาวนา ลดอุปาทานที่ยึดมั่นในขันธ์อันประกอบขึ้นมาเป็นตัวเราให้ลดน้อยลงไป รวมทั้งไม่กลัวความตายที่จะเข้ามาเยือน เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานและดับขันธ์ไปอย่างสงบสุข สาธุ สาธุ สาธุ
                                  ธเนศ  ขำเกิด
      

หมายเลขบันทึก: 660778เขียนเมื่อ 28 มีนาคม 2019 18:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 30 มีนาคม 2019 08:34 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท