งานของดิฉันหนักไปทางการติดต่อ ประสานงาน..."ด้วยปาก" ดิฉันหวลคำนึงถึงอดีต...ตอนเรียนจบใหม่ๆ....ดิฉันเดินที่สนามหลวง.....มีหมอดูมาลากมือดิฉันไปที่ใต้ต้นมะขาม...ดิฉันตกใจมาก..เด็กบ้านนอกนี่คะ..."ขี้กลัว"(กลัวถูกเสียเงินค่าดูหมอ)...แกใจดีค่ะประกอบกับว่างๆ ง่วงนอนเลยเรียกดิฉันไปนั่งเป็นแบบฝึกหัดให้....
เขียนวันเดือนปีเกิด ในนี้
......หนูนี่ ใจไม่แข็ง
......หนูนี่ ต้องเดินทางบ่อย....
......หนูนี่ ผู้ใหญ่อุถัมภ์....
......หนูนี่ ต้องรับราชการดี....
ขอมือดูหน่อยหน่อย
......หนูนี่....ทำงานต้องใช้ปาก....
ดิฉันมาสะดุดเอาคำหลังนี่หล่ะ เนื่องจากวันเกิดที่ดิฉันให้ไปไม่รู้ตรงหรือเปล่า....พ่อกับแม่บอกคนละวันกัน....ไม่รู้จะเชื่อใครดี...
ตรงมั๊ยหนู.....จะถามอะไรมั๊ย....ถ้าถามคำถามละ 50 บาท....แกคงเดาว่าวัยอย่างดิฉันคงอยากถามเรื่องความรัก...เนื้อคู่...กระมัง...หรือเรื่องการงาน......ไม่ล่ะคะ....ขอบคุณนะคะป้า....แล้วดิฉันก็จากมา สิ่งที่ติดในหัวดิฉันมาด้วยคือ....ทำงานต้องใช้ปาก..ในวันนั้นขากลับบนรถเมล์ดิฉันนึกถึงคำพูดของหมอพยายามเชื่อมโยงอาชีพที่ต้องใช้ปากครูบาอาจารย์..เป็นไปไม่ได้....เราไม่ได้เรียนครูนี่นา....นักร้อง.....นักร้องก็ต้องสวย ......อาชีพอะไรอีกหนอ....หรือโชว์.....จูบ....(ทะลึ่งคิด)
ช่างเถอะ.....ว่าไปแล้วทุกอาชีพต้องพูดทั้งนั้นแกคง ทายมั่วๆ.....
วันนี้....ดิฉันมีอาชีพที่ต้องใช้ปาก...จริงๆ ค่ะ เดินทางบ่อย...ก็จริงค่ะ
ผู้ใหญ่อุปถัมภ์.....ไม่ชัดนัก......รับราชการดี....ไม่ชัดนัก
หมอดู....มักพูดเชิงบวกและใช้หลักสถิติในการทำนายเสมอ.....
คุณเมตตายังอธิบายไม่หมดเลย
หนูนี่.....ใจไม่แข็ง แล้วจริง ๆ เป็นไงคะ
มา ขำ ขำ ...คุณสมพรค่ะ จริงๆ ใจแข็งค่ะ...คุณรัตติยาคะ ..."ผีขนุน"เป็นไงเหรอคะดิฉันไม่กลัวหรอกเพราะดิฉันชอบกินขนุน ค่ะ
โห อารายอะ ไม่รู้จักผีขนุนหรอคะ
อิอิ
แต่เดี๋ยวนี้สนามหลวงคงไม่มีหมอดูแล้วมั้งคะ เพราะแป้นไปมาเมื่อต้นเดือน มีแต่เด็กขายอาหารนกพิราบเต็มไปหมด