การท้าทายคือการอยากทำ อยากชนะ อยากสร้างคนให้มีปัญญา นโยบายก็เป็นเพียงลมพัดผ่าน แค่เราทำยังไม่ทันเสร็จก็เปลี่ยนแล้ว อย่างนี้คงปลูกได้แค่ถั่วงอก จะปลูกไม้ใหญ่โตยาก มีคำถามว่า What is a University..? อาจตอบว่า สถานที่มีสรรพศาสตร์ สถานที่ชุมนุมของคนเก่ง สถานที่ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ สถานที่น่ารื่นรมย์ สถานที่เหมือนสวนสาธารณะที่พักผ่อนหย่อนใจ สถานที่มีอากาศสดชื่น ฯลฯ นึกถึงภาพพระพุทธเจ้าทรงดำเนินชีวิตอยู่ในสวนป่าถูกท้าทายว่าทรงตรัสรู้อะไรบ้าง..?
การท้าทายในมหาวิทยาลัยคือ จริงไหมในมหาวิทยาลัยไม่สามารถจะหาความรู้ใหม่ได้..?และทิศทางของมหาวิทยาลัยชัดเจนแค่ไหน..?
ในอดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยคนแรกคือ พลาโต้ ท่านสอนลูกศิษย์โดยใช้ห้องเรียนธรรมชาติคือบริเวณสวนมะกอก นั่นคือทุกมหาวิทยาลัยที่ดัง ๆ ในปัจจุบันเน้นสิ่งแวดแวดล้อมทางการศึกษา เพื่อเสริมสร้างวิถีชีวิตผู้เรียนให้มีคุณค่ามีคุณภาพและมาตรฐาน และทุกมหาวิทยาลัยต่างก็ชัดเจนในเรื่องความคาดหวังให้ครูคือผู้ออกแบบ ทำให้คนเป็นมนุษย์
อย่าลืมนะว่าทุกสิ่งล้วนเชื่อมสัมพันธ์กัน ( อิทัปปัจจยตา ) ด้วยความสุขของเราก็เชื่อมโยงสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับผู้อื่น ทำนองเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว
ปัจจุบันมีสิ่งหนึ่งเกิดขึ้นมาในมหาวิทยาลัยคือ มคอ. ( มัดคออาจารย์ ) จะดิ้นหลุดหรือไม่มันต้องเกิดการเชื่อมโยงกัน อย่าลืมนะว่าอดีตเป็นปัจจุบันมันอยู่ที่ช่วงรอยต่อเท่านั้น
แง่คิดช่วงพระนางชูสีไทเฮาประเมินข้าศึกพวกอังกฤษที่นำกองเรือรบเข้ามาประชิดจีนว่า อย่าไปสนใจเหล็กรอยน้ำได้อย่างไร..? เมื่อค้นดูแผ่นที่อังกฤษก็แค่ลูกชิ้นลอยน้ำเล็กนิดเดียวจะกลัวทำไม..? เราคือหนึ่งเดียวอัตตาสูงมากผลเป็นไงละ ประเทศออสเตเรีย มีคนหลากหลายเข้าไปอยู่ทั้งคนเก่งทั้งกองโจร ประเภทกูเก่งประเทศกูดีเลิศไม่ต้องพึ่งพิงใคร ๆ จนไม่มีใครคบหา ต่อมาเริ่มแปลกใจเริ่มทบทวนตนว่า ข้าหลงผิดไปแล้วอยู่พักหนึ่ง คือไม่คบใคร จำเป็นต้องเปิดประตูสู่โลกกว้าง สุดท้ายเราต้องคบเพื่อน เราต้องใจกว้าง เราต้องลดอัตตาตนเองลงเราต้องยอมรับในความแตกต่างสิ
มหาวิทยาลัยเราเหมือนเรือที่ออกวิ่งตามหลัง ด้วยรัฐไม่นิ่งเราจะนิ่งได้อย่างไร ผมว่ารื้อแนวคิดแค่มหาวิทยาลัยให้อาจารย์จงสร้างคนให้ได้เหมือนเป็นสัปปุริสธรรม ดูมหาวิทยาลัยนันยางที่สิงคโปร์ติดอันดับต้น ๆ ของโลกเขาหันมาตรวจดูข้อสอบเพื่อรู้อะไรบางอย่าง
แง่คิด...หัวนั้นมันแพ้ใจนะครับ มีศาสตราจารย์เดินทางมาพบท่านถามว่า ที่คุณอยู่เรียนประเทศเรานั้น 5 ปี คุณได้อะไรบ้าง..? มหาวิทยาลัยในปัจจุบันในอนาคตท้ายที่สุดแล้วจะเหลือวิชาอะไร..?
อันคนคิดเป็นนั้นแค่ตั้งคำถามไม่เกิดการเรียนรู้ดอก ต้องตั้งคำถามที่จะก่อให้เกิดการเรียนรู้สิ จริงอยู่เราอาจเกิดความเคยชินเหมือนลูกนกอ้าปากหนอนก็มาอยู่ในปากที่แม่มันป้อนเหยื่อให้ พอลูกนกน้อยเจอเจ้าหนอนตัวจริงก็คอยแต่อ้าปาก แต่ไม่มีหนอนตัวใดไต่มาเข้าปากมันไงละ นี่คือการเลี้ยงลูกไม่ให้รู้จักช่วยเหลือตนเอง นี่คือเราไม่ได้ถูกฝึกให้เป็นคนกล้าคิด ชีวิตตั้งแต่เด็กมาแล้วมักถูกหลอกให้กลัวนั่นกลัวนี่อยู่ตลอดเวลา บางครั้งมหาวิทยาลัยต้องเข้มแข็งในจุดตน เตือนให้ผู้เรียนระลึกเสมอว่า ทุกคนที่เข้ามาเรียนคือคุณอยากมาเรียนเองนะ
ภาวะความเป็นครู บางครั้งต้องโหดด้วยความกรุณาและขอทิ้งท้ายว่า...ทุกคนต้องมีหลักปักตั้งไว้ให้เป็นเหมือนเช่นขอบฟ้า ถามว่าแล้วมีขอบฟ้าเอาไว้ทำไม ตอบว่า...เอาไว้หลอกล่อให้คุณเดินตามไงละ..ฮา ๆ.
......................................................
ขอบคุณครับ ผมได้สะเก็ดมุมคิดนี้จาก ท่านวิทยากรคือ รศ. ดร. สุนทร โสตถิพันธุ์ อดีต อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, อดีตอธการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา .
ไม่มีความเห็น