จาก CNN มิวสิกวิดีโอ ซึ่งวิพากษ์รัฐบาลทหารในประเทศไทยตอนนี้ได้มาเป็นที่นิยมในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปแล้ว เพลงจะพูดถึงความไม่พอใจสาธารณะต่อการปกครองของทหารที่มีมากกว่า 4 ปี และกำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งทั่วไป
เพลงประเทศกูมี หรือ What My Country’s Got ที่ร้องโดยกลุ่มแร็พต่อต้านเผด็จการ( Rap Against Dictatorship) ได้มีการชมมากกว่า 24 ล้านครั้งตั้งแต่การโพสต์บนยูทูปเมื่อแปดวันที่แล้ว
เนื้อหาในเพลง เช่น “ประเทศที่มีปืนจ่อที่คอหอย/ อ้างอิงถึงมีอิสรภาพ แต่ไม่มีทางเลือก” มีนัยยะถึงการคอรัปชั่น, การขาดการเลือกตั้ง, และการกดขี่เรื่องการพูดในที่สาธารณะ (free speech)---ซึ่งเป็นประเด็นนที่มีวิพากษ์ถึงนายกฯรัฐมนตรีของไทย ตั้งแต่การยึดอำนาจเมื่อปี 2014
Dechathorn Bamrungmuang ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง บอกกับ CNN ว่าพวกเขาต้องการส่งสารเพื่อบอกกับสาธารณะโดยการใช้เพลง
“จุดมุ่งหมายหลักของเราในการตั้งกลุ่มนี้ขึ้นมาก็เหมือนกับชื่อของพวกเรา แร็พต่อต้านเผด็จการ (Rap Against Dictatorship) พวกเราต้องการใช้เพลงแร็พต่อสู้กับเผด็จการ” Dechathorn กล่าว
ภายใต้การปกครองของนายกฯ นักกิจกรรมเป็นร้อยคนถูกจับและตั้งข้อหา, ห้ามกิจกรรมทางการเมือง, และขอบเขตของวาทกรรมสาธารณะก็ไม่มี สืบเนื่องมาจากกฎที่เข้มงวด ที่ห้ามการแสดงออกทางอินเตอร์เน็ท และเพิ่มการระแวดระวัง รวมทั้งการเซ็นเซอร์
ความใส่ใจที่ไม่เคยมีมาก่อน
Thitinan Pongsudhirak กล่าวว่า “มันเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดที่มิวสิกวิดีโอที่ทำเรื่องแบบนี้ในเมืองไทยจะได้รับการชมมากขนาดนี้ภายในสัปดาห์เดียว เพลงนี้กลายเป็นที่นิยมของผู้คน และเปิดให้เห็นถึงความกระวนกระวายใจ และความสับสน เนื้อหาของเพลงคือปัญหาทางการเมือง และความอยุติธรรมทางสังคมที่ประเทศไทยประสบอยู่”
เพลงนี้ต่อต้านการละเมิดสิทธิมนุษยชน, ความยากจน, การเข้าถึงปัญหาด้านสุขภาพ, และความรับผิดชอบของรัฐบาล เพลงนี้ดูราวกับว่าจะทำให้หัวหน้าทหารเกิดความโกรธ
ประยุทธ์โต้ตอบกับเพลงในวันจันทร์ที่ผ่านมา “เมื่อคุณฟังเพลงนี้ เธอคิดว่าเป็นความจริงหรือเปล่า? คุณคิดว่ามันแย่ใช่หรือไม่? คุณคิดว่าฉันเป็นเผด็จการอย่างนั้นหรือ?”
ต่อมาเขาได้เตือนในวันอังคารว่า “ใครก็ตามที่เกิดความซาบซึ้งต่อเพลงนี้จะต้องรับผิดชอบถึงเรื่องที่อาจเกิดขึ้นกับประเทศในอนาคต?”
ในขณะที่เกิดการตรวจสอบว่าเนื้อหาขัดกับกฎหมายหรือไม่ยังคงดำเนินต่อไป Srivara Ransibrahmanakul กล่าวในวันอังคารว่ามีหลักฐานที่อ่อนมากๆในการตั้งข้อหากับพวกนักร้องเพลงแร็พในตอนนี้
Dechathorn กล่าวว่า ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ไทยที่ทำให้เพลงนี้ประสบความสำเร็จ ก็คือหลังจากที่ตำรวจเริ่มตรวจสอบพวกแร็พเพอร์จึงทำให้เพลงได้รับความนิยมขึ้นมาทันที
การต่อต้านเป็นศิลปะ
ตามความคิดของ Dechathorn ชุมชนเพลงแร็พที่อยู่ใต้ดินตอนนี้กำลังเจริญเติบโตขึ้นในเมืองไทย และศิลปินหลายคนกำลังแสดงและผลิตเพลงเพื่อคุยเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของประเทศ
เขากล่าวว่า “พวกเรากำลังจะออกเพลงที่เกี่ยวกับการเมืองเพื่อคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในประเทศไทย”
และแร็พเพอร์ไม่ใช่เพียงกลุ่มเดียวในการใช้พรสวรรค์เพื่อวิพากษ์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองไทย ศิลปินกลุ่มภาพฝาพนังที่ใส่หน้ากาก (Masked graffiti) ที่ชื่อ Headache Stencil ได้ใช้ชื่อของตนเองในการวิพากษ์ถึงทหาร และนโยบายบนฝาพนังในกรุงเทพฯ
หนึ่งในบรรดาภาพที่เป็นที่จดจำมากที่สุดคือภาพประยุทธ์ซึ่งในรูปแมวโชคดี (Lucky cat) ในรูปแบบของแมวญี่ปุ่น "maneki-neko” ที่กำลังใช้อุ้งเท้าเรียกหาเงิน
การพลิกลิ้นเรื่องการเลือกตั้ง
แก่นหลักที่อยู่ตลอดเพลงประเทศกูมีคือเรื่องการเลือกตั้ง
ถึงแม้ว่าประยุทธ์จะให้สัญญาว่าจะมีการฟื้นฟูให้มีรัฐบาลพลเรือนที่เป็นประชาธิปไตยในบางลักษณะ แต่การเลือกตั้งก็ถูกผัดวันไปวันแล้ววันเล่า หลังจาก 4 ปีที่ถูกปกครองโดยทหาร การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งจะมีขึ้นในเดือน กุมภาพันธ์ ปี 2019 ซึ่งหมายถึง 8 ปีหลังจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว
ถึงแม้ว่าจะมีการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย แต่กองกำลังทหารยังคงทรงอำนาจในการตัดสินอนาคตทางการเมืองในประเทศ
รัฐธรรมนูญที่ร่างโดยทหารปี 2016---เป็นฉบับที่ 20 นับตั้งแต่การหมดไปของสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในปี 1932---มีบัญญัติในการตั้งนายกฯที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และวุฒิสมาชิกที่ถูกแต่งตั้งโดยทหาร
มีแนวโน้มสำหรับผู้สนับสนุนประยุทธ์ที่หาทางให้เขาดำรงอยู่เป็นนายกฯต่อไป ในเดือนกันยายน รัฐมนตรีที่สำคัญ 4 คน ได้สร้างพรรคการเมืองขึ้นมาพรรคหนึ่ง และในเดือนกันนั้นประยุทธ์บอกกับนักข่าวว่า “เขาสนใจในการเมือง”
ด้วยเหตุที่ทหารต้องการจะกลับมาสู่รัฐบาลที่ชอบธรรม การกดเบียดพวกแร็พเพอร์ในเรื่องเพลงที่มีชื่อเสียงอย่างมากอาจส่งผลร้ายต่อผู้ที่จะเลือกเขาก็ได้ Thitinan กล่าว
แต่การอนุญาตให้เพลงนี้ยังคงมีอยู่ คนไทยจำนวนมากจะเห็นการก่ออาการทางสาธารณะของข้อบกพร่องของรัฐบาลทหาร
Thininan กล่าวว่า “ดังนั้นรัฐบาลอยู่ในภาวะที่แย่ๆพอกัน เพราะว่ามันเป็นสื่อถึงการเลือกตั้ง และไม่ใช่รัฐบาลรักษาการที่เกิดขึ้นหลังการปฏิวัติ ถ้าเขาปราบปรามเพลงที่ก่อให้เกิดความไม่พึงพอใจเหล่านี้ ก็อาจทำให้ผู้เลือกเกิดความเบื่อ แต่ถ้าเขาอำนวยความสะดวก ข้อผิดพลาดและการปกครองที่ผิดๆอยู่จะถูกตั้งคำถาม”
เสียงของเยาวชน
นักการเมืองต่างมุ่งหวังที่จะเอาชนะเยาวชนด้วยกันทั้งนั้น เพราะเยาวชนมีอายุถึงระหว่างการรัฐประหารและอยู่ภายใต้การปกครองของทหาร
Netiwit Chotipatpaisarn ซึ่งนักเป็นนักศึกษาทำงานกิจกรรมอายุ 21 ปี มีการร้องเรียนเรื่องการปฏิรูปการศึกษา และการพูดอย่างอิสระ (free speech) กล่าวว่า “ตอนนี้เยาวชนเกี่ยวข้องการเมืองมากขึ้นระหว่างช่วง 4 ปีของการยึดอำนาจ”
เขากล่าวอีกว่า “ความมีชื่อเสียงของวิดีโอคือหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าการควบคุมประชาชนเป็นสิ่งที่ยากเสียแล้ว หากประชาชนถูกจับเพื่อการตั้งข้อหา ผู้ที่ไม่พอใจจะเสียใจมากกว่าที่เคยเป็น”
ประยุทธ์ในวันอังคารที่ผ่านมาว่าการไม่ให้แสดงกิจกรรรมทางการเมืองจะถูกยกเลิกในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลเพิ่มความกดดันในหมู่นักกิจกรรมตามความเห็นของโพล
ในเดือนกันยายน มีห้าคนถูกจับด้วยข้อหาการปลุกระดม หลังจากที่ตำรวจได้รับเสื้อ T-shirt ซึ่งถูกกล่าวหาว่าต่อต้านกษัตริย์ เพราะมีการเขียนว่า “ขบวนการสหพันธรัฐไทย” (Thai Federation)
นักกิจกรรมกล่าวว่า ข้อหาปลุกปั่นหรือปลุกระดมเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่รัฐบาลทหารใช้ในการกำราบพวกไม่พอใจ และต้องติดคุกถึง 7 ปี
ข้อหาอื่นๆคือการประกอบอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ซึ่งให้อำนาจอย่างมากมายกับเจ้าหน้าที่ในการจำกัดการพูดทางออนไลน์ และกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งห้ามการวิพากษ์ครอบครัวของพระมหากษัตริย์
เมื่อปีที่แล้ว ศาลทหารตัดสินให้จำคุกชายคนหนึ่งถึง 35 ปี เพราะได้แบ่งปันวิดีโอ และภาพที่เกี่ยวกับครอบครัวของพระมหากษัตริย์ในเฟซบุ๊ก และนักกิจกรรมที่เป็นนักศึกษา Jatupat Booyapatraksa ถูกจำคุกถึง 2 ปี 6 เดือนในการแบ่งปันข่าวที่ปรากฏในเฟซบุ๊ก BBC ซึ่งเปิดเผยให้เห็นถึงความน่ารังเกียจในองค์พระมหากษัตริย์
Netiwit กับพวกอีก 38 คน ถูกตั้งข้อหาปลุกปั่นในเรื่องการห้ามไม่ให้มีการชุมนุมสาธารณะ (public assembly) ยังกล่าวอีกว่า มีความกังวลระหว่างนักกิจกรรมในเรื่องที่รัฐบาลทหารจะปฏิเสธการให้อำนาจแก่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง “ผมเกรงว่าพวกเขากำลังจะทำอะไร”
ตามที่ Thininan กระแสคลื่นของแร็พเพื่อการต่อต้านเผด็จการในหมู่มหาชนเปิดเผยให้เห็นถึงจุดของความไม่พอใจที่มีชื่อเสียงเป็นสาธารณะ
“เราสามารถเห็นได้ว่าแก่นของเพลงเป็นรอยเลื่อนในการเลือกตั้งครั้งหน้า มันอาจเป็นการโหวตให้ หรือโหวตเพื่อต่อต้านรัฐบาลทหารก็ได้”
แปลและเรียบเรียงจาก
Helen Regan. How a rap video could become the fault line of Thailand's long-awaited elections
https://edition.cnn.com/2018/11/03/asia/thai-rap-junta-intl/index.html?no-st=1541420477
ไม่มีความเห็น