แบตก้อนโต


แบตก้อนโต

      ชีวิตในเมืองของฉัน คงยากที่จะได้ยินเสียงไก่ขัน คงมีแต่นาฬิกาปลุกนี่แหละที่เป็นเสียงปลุกในทุกเช้า

ฉันออกเดินทางไปอำเภอแม่แตง อากาศยามเช้าเย็นสบาย มีหมอกจางๆ ฉันลดกระจกรถทั้งสองข้างลง ลมพัดหน้าฉันเบาๆสองข้างทางเต็มไปด้วยทุ่งนาสีเขียวขจี พอเข้าปากทางหมู่บ้าน สองข้างทางปลูกต้นกล้วยเรียงรายสวยงาม ขับรถเข้ามาเจอตลาดสด วางขายกล้วยเป็นเครือ เป็นหวี มีกล้วยทอด กล้วยฉาบ กลิ่นหอมโชยจากกระทะทอดกล้วย ฉันเดาว่าที่นี่คงจะเป็นแหล่งปลูกกล้วยแน่ๆ

       ฉันมาถึงแล้ว ฉันขับรถเข้าสู่ประตูรั้วขาวเขียว บ้านเป้าวิทยาคาร เด็กน้อยตาดำๆ แต่งกายชุดลูกเสือ ยืนสองข้างทาง ยกมือวันทยาหัตถ์ทำความเคารพฉัน แววตาเด็กน้อยแวววาว ระยิบระยับ ฉันขับรถช้าๆค่อยๆผ่านเด็กน้อยไป ฉันมองจากกระจกด้านหลัง เด็กน้อยกระโดดโลดเต้นดีใจ เย้ๆๆ   พอฉันลงจากรถ เด็กน้อยสะกิดกันทั้งโรงเรียน “แม่นก่ครูจีน แม่นก่ แม่นล่ะก้า” บางคนวิ่งไปเรียกเพื่อนให้มาดูฉัน “ครูจีนมาแล้ว ไข้หันก่ ฮาหันล่ะ ขาวขนาด”


       แปดนาฬิกา สนามหญ้าที่กว้างใหญ่ มีนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงมัธยมศึกษาปีที่3ยืนเข้าแถว เป็นระเบียบเรียบร้อยดี  

ฉันเดินออกไปพูดด้านหน้าเสาธง แนะนำตัวเองเป็นภาษาจีน พูดยังไม่ทันจบ นักเรียนก็ส่งเสียง“โค๊ะ โค๊ะ ฟังบ่ฮู้เรื่อง”ฉันก็แปลเป็นภาษาไทยให้นักเรียนฟัง “สวัสดีท่านผู้อำนวยการ คณะครูอาจารย์ นักเรียนที่น่ารักทุกคนค่ะ ดิฉัน นางสาวจินตหรา ปัญญาแก้ว ขอขอบพระคุณที่ให้โอกาสดิฉันมาสอนวิชาภาษาจีนที่โรงเรียนแห่งนี้ และยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนค่ะ ขอบคุณค่ะ” นักเรียนก็ยิ้มปนหัวเราะ “อี้ก่ะ อี้ก่ะ ครูจีนอู้ไทยได้”

       ฉันเดินดูอาคารต่างๆในโรงเรียน ที่นี่มีอาคารเรียนอยู่ 3 หลัง หลังแรกเป็นอาคารเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ อาคารสองชั้นถัดมา เป็นห้องเรียนประจำของแต่ละระดับชั้นที่ทุกคนต้องช่วยกันรับผิดชอบ มีเวรทำความสะอาดดูแล อาคารสุดท้าย เป็นอาคารเรียนศิลปะ ดนตรี พลศึกษา และภาษาจีน

รั้วบ้านเป้าแห่งนี้ มีผู้อำนวยการ ครูอาจารย์ที่ดีและเก่ง ให้ความเมตตาฉัน ให้อิสระในการสอน คอยแนะนำในสิ่งที่ฉันไม่รู้ ไม่เคยทำ ไม่ถนัด หรือยังทำได้ไม่ดี ให้โอกาสฉันได้มีส่วนร่วมในการพัฒนานักเรียนด้านการฟ้อนรำ คฑากร เต้น กิจกรรมในวันสำคัญต่างๆ

       ในวันกีฬาสี ฉันรับผิดชอบแต่งหน้าทำผมให้เชียร์ลีดเดอร์ของแต่ละคณะสี จึงนัดหมายนักเรียนตอนเช้าตรู่ ฉันเดินทางมาจากในเมืองเชียงใหม่ และมาถึงโรงเรียนบ้านเป้าเป็นคนแรก โรงเรียนไม่มีแสงไฟสักดวง มืดสนิท ด้วยความกลัว ฉันจึงส่งข้อความทางเฟสบุ๊คไปหานักเรียนอยู่หลายคน “มีใครอยู่แถวนี้ไหม เหล่าชือถึงแล้ว  ”ไม่ถึง 5 นาที ก็มีรถมอเตอร์ไซด์ขับเข้ามาในโรงเรียน ฉันได้ยินเสียงตะโกนเรียกฉัน “เหล่าชือ มีไหนครับ” ฉันลงจากรถ นักเรียนยังอยู่ในสภาพชุดนอน เขานั่งรอจนเพื่อนๆหลายคนมาถึง เขาจึงขอกลับไปอาบน้ำแปรงฟัน ฉันรู้สึกซึ้งใจมาก ที่นักเรียนห่วงใยเรา

       ปัจฉิมมาเยือน ถึงวันต้องร่ำลา ฉันร้องไห้ น้ำตาที่ไหลเป็นน้ำตาแห่งความปิติยินดี เห็นความพร้อมของนักเรียนที่จะก้าวสู่โลกที่กว้างใหญ่ขึ้น และฉันมีความเชื่อว่านักเรียนจะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า ดูแลตัวเองได้ ตอบแทนคุณพ่อแม่ และเป็นคนดีสร้างประโยชน์แก่สังคมในระหว่างทางจนถึงปลายทาง Xièxiè lǎoshī lǎoshī Zàijiàn

 


หมายเลขบันทึก: 653472เขียนเมื่อ 22 กันยายน 2018 21:07 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 กันยายน 2018 21:11 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)

เด็กร้ายกาจเหมือนกันนะ 555

เป็นความทรงจำที่น่าประทับใจ สร้างต่อไปครับ ได้สร้างคน ได้สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ครับ

ใช้ภาษาเขียนแล้วนึกถึงภาพออกเลย น่ารักค่ะ

อ่านแล้วนึกภาพตามเลยค่ะ เรื่องราวน่ารักมากค่ะ Xièxiè lǎoshī lǎoshī Zàijiàn ได้พูดคำนี้บ่อยๆตอนที่เคยเรียนภาษาจีนค่ะ:)

น่ารักค่ะเป็นความทรงจำที่น่าประทับใจ

เด็ๆน่ารักมากเลยคะ ^^

เด็กๆน่ารัก คุณครูก็น่ารักค่ะ

เด็กๆน่ารักอีกหนึ่งเสียงครับ

เด็กนักเรียนน่ารักมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท