วันนี้หลายคนคงได้พาพ่อไปเที่ยว ได้พูดคุยกับพ่อ หรือได้กอดพ่อ สำหรับดิฉัน พ่อได้จากไปไม่มีวันกลับ 3 ปีแล้ว ถึงแม้พ่อจะจากไปแต่ดิฉันก็คิดว่าพ่อยังอยู่ใกล้ๆกับตัวดิฉันเอง ด้วยความที่อายุน้อยกว่าพวกพี่ๆ 6 ปี ทำให้ดิฉันอยู่ใกล้ชิดพ่อมากกว่าคนอื่น ตอนเช้าพ่อไปส่งที่โรงเรียนระหว่างนั่งรถ พ่อก็จะให้อ่านหนังสือพิมพ์ให้ฟัง ซึ่งดิฉันมารู้ตอนหลังว่าคือกุศโลบายของพ่อที่จะฝึกให้ดิฉันอ่านหนังสือให้ถูกหลักไวยกรณ์ไทย และทำให้ดิฉันเป็นนักอ่าน พ่อให้อ่านหนังสือทุกประเภทตั้งแต่การ์ตูน จนถึงหนังสือเรียน ถ้าขอเงินซื้อหนังสือพ่อมักจะให้ และพอเวลาว่างพ่อจะให้ไปเล่นกีฬา อีกทั้งมักจะชวนไปทำสวนปลูกต้นไม้สารพัด ทั้งที่มีผลและไม่มีผล เป็นการใช้เวลาว่างให้มีประโยชน์อาจเป็นเพราะพ่อเป็นลูกชาวนาและยังมีความสนใจในเรื่องเกษตรกรรม และเป็นการเตรียมตัวเมื่อถึงวัยเกษียณราชการ พ่อมีสวนปลูกผลไม้เตรียมไว้ และพ่อยังสอนให้เรารู้จักประมาณตน ทำอะไรไม่เกินตัวของเราเอง ค่อยทำไปทีละขั้นตอน รู้จักอดออม และต้องมีความกตัญญู รู้บุญคุณคน และมักจะใช้สุภาษิตที่ว่า "เห็นช้างขี้อย่าขี้ตามช้าง" มาสอนดิฉันเสมอ ทุกคำพูดของพ่อดิฉันยังจำได้เสมอ ถึงแม้วันนี้ไม่มีพ่อให้กอดอีกแล้วก็ตาม พ่อจากดิฉันไปเมื่อายุ 65 ปี ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าพ่อจะจากเราไปเร็ว ภาพของพ่อที่ทุกคนเห็นคือ คนที่แข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว และก่อนที่พ่อจะจากไป พ่อเตรียมมางานรับปริญญาของดิฉันซึ่งถึงแม้พ่อไม่สบาย(ตอนนั้น)แต่สีหน้าพ่อมีความสุขมาก
สำหรับใครที่ยังไม่บอกรักพ่อ ให้บอกพ่อเลยนะคะไม่รู้ว่าท่านจะอยู่กับเราอีกนานเท่าไร และพาท่านไปตรวจสุขภาพด้วยนะคะเพื่อท่านจะได้อยู่กับเรานาน
โดยปิยะวดี ฉาไธสง
เป็นอีกคนหนึ่งที่ไม่มีพ่อให้กอดอีกแล้ว...หากนับวันเวลาก็ล่วงเลยมาประมาณ 9 ปี แต่ลูกๆทุกคนก็ยังคิดถึงและนึกถึงคำสอนของพ่อเสมอ ซึ่งก็คงคล้ายกันกับพ่อของแมว ไม่ว่าจะเป็นการประหยัดอดออม การหัดให้เป็นคนชอบอ่านหนังสือ และอื่นๆอีกมากมาย