คำว่า พุทธศาสนานั้น ในยุคโบราณชาวชมพูทวีปเรียกว่า ธรรม สุดแล้วแต่เป็นคำสอนของใครก็เอาชื่อมาต่อท้าย เช่น ธรรมของตถาคต ธรรมของพระพุทธเจ้า ธรรมของสมณโคตมะ เป็นต้น
กาลต่อมาเรียกว่าพุทธศาสนา ทำให้เกิดการขยายวงพุทธกว้างออกไปมากโดยมีทั้งของจริงของปลอมผสมกันอยู่ในคำสอน คนเรียนเอาตามจริตตนชอบอย่างไรก็มีความเชื่ออย่างนั้นจนเกิดเป็นวิชาต่าง ๆ ในพุทธศาสนา ดังนั้นผู้เรียนคำสอนทางศาสนาพึงรู้จักแยกแยะเลือกเอาส่วนที่เป็นหัวใจสำคัญของพุทธศาสนา
ด้วยชาวโลกเป็นโรค 3 อย่างคือ โรคทางกายแบ่งย่อยเป็น 2 อย่างคือ โรคทางร่างกายและโรคทางประสาท อีกโรคหนึ่งคือโรคทางจิต การเป็นโรค 2 อย่างทางกายนั้นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล คุณหมอให้ยาคนป่วย แต่โรคทางจิตคือเกิดจากอำนาจกิเลสครอบงำสติปัญญาให้เกิดความคิดเห็นไม่ถูกต้อง พูดไม่ถูกต้องและทำไม่ถูกต้อง โรคอย่างนี้ชาวโลกเป็นกันทุกคนสุดแท้แต่ใครจะเป็นมากหรือน้อย นี่ละต้องใช้ธรรมกำมือเดียวของพุทธศาสนาเป็นยาแก้ไข
ทีนี้หันมาดูชาวโลกส่วนมากไม่รู้ว่าตนเองเป็นโรคนี้อยู่ แต่แสวงหายาคือธรรมจากสำนักนั้นสำนักนี้เราลองคิดดูทีว่าจะวุ่นวายขนาดไหนละ จริงอยู่ถ้าโลกนี้มีคนสมประกอบสังคมก็สันติสุขมีสันติภาพ เมื่อรู้ตัวว่าเป็นคนมีโรคอย่างนี้การหายาแห่งธรรมมาแก้ไขคงไม่ยากที่มันยากเพราะคนไม่รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้อยู่ไงละ.
ไม่มีความเห็น