หนังสือ Factfulness : Ten Reasons We’re WrongAbout the World and Why Things Are Better Than You Think เขียนโดย Hans Rosling,Anna Rosling Ronnlund, และ Ola Roslingบอกว่าสถานการณ์ในโลกดีกว่าที่เราคิด และแนวโน้มในช่วงร้อยสองร้อยปีดีขึ้นมากมาย แต่เราโดนสื่อมวลชนทำให้โลกทัศน์ของเราบิดเบี้ยว
คนจำนวนมากคิดว่าโลกของเราเลวลงเพราะสื่อมวลชนประโคมและแต้มสีข่าวร้าย คำแนะนำคือ อย่าเชื่อข่าวง่ายๆ ให้ตรวจสอบความแม่นยำ และให้ฝึกมีมุมมองต่อเรื่องต่างๆแบบมองหลายมุม หรือมองจากต่างมุม หรือฝึกตีความหลายแบบ เขาใช้คำว่าให้ takemultiple perspectives ซึ่งก็คือมีmedia literacy หรือรู้เท่าทันสื่อนั่นเอง
ผมตาสว่างเรื่องสื่อเมื่อตอนเป็นผู้อำนวยการ สกว. โดนไทยรัฐลงข่าวหน้าหนึ่งเล่นงาน โดยเขียนข่าวเท็จขึ้นมาเล่นงาน มารู้ภายหลังว่ามีหมอผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อไทยรัฐเอาข้อเขียนของหมอรุ่นลูกศิษย์เอาไปให้ไทยรัฐลง และเมื่อหลายปีมาแล้วมติชนลงความเห็นของ อ. หมอประเวศเรื่องหนึ่ง ที่อ่านแล้วไม่น่าเชื่อว่า อ.หมอประเวศ จะพูดอย่างนั้น ผมถามอาจารย์หมอประเวศว่า ท่านให้ข่าวนั้นหรือ ท่านตอบว่าเปล่า
มายาเรื่องข่าว นอกจากข่าวเท็จ ยังมีข่าวลวง ข่าวตีไข่ใส่สี และปิดข่าว หรือข่าวไม่ครบ
ในหนังสือยังเอ่ยถึงการที่โลกประชาธิปไตยและทุนนิยมเสรีพยายามสร้างความเชื่อว่า การปกครองแบบเผด็จการหรือไม่ใช่เสรีประชาธิปไตยไม่มีทางเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ และเราก็ค่อนข้างเชื่อเมื่อโซเวียตรัสเซียล่มในปี ค.ศ. 1991 แต่ตอนนี้ เราเห็นชัดเจนว่าสังคมและเศรษฐกิจของจีนพัฒนาเร็วกว่าของอเมริกาอย่างเทียบกันไม่ติด
สิ่งที่ครอบงำเราคือ ความคิดผิดๆในภาพใหญ่ ที่เรียกว่า megamisconception ซึ่งสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งคือ การเหมารวม เช่น East – West,developed world – developing world
อีกสาเหตุหนึ่งของ megamisconception คือสัญชาตญาณเชิงลบ (negativity instinct) ของมนุษย์ คือเรามีแนวโน้มจะรับรู้ข่าวร้ายได้มากกว่าข่าวดี ซึ่งตรงกับสภาพในสังคมสื่อมวลชนว่า “ข่าวร้ายลงฟรี ข่าวดีเสียเงิน”
สัญชาตญาณอื่นๆที่ทำให้การรับรู้ของมนุษย์บิดเบี้ยว ได้แก่ ความกลัว (fear instinct), ขนาด (size instinct), และการมองโลกเป็นเส้นตรง (linearinstinct)
ความกลัวเป็นสัญชาตญาณเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์มนุษย์สมัยยังอยู่ในถ้ำหรือในป่า รวมตัวกันเป็นเผ่าเล็กๆรบราฆ่าฟันกันเอง และต้องระแวงภัยจากสัตว์ร้าย เวลานี้สังคมมนุษย์ได้ผ่านพ้นสภาพนั้นมาแล้ว
เรื่องขนาด มีตัวอย่างตัวเลขโดดๆ จำนวนมาก เช่น “ปีที่แล้วมีทารกตาย๔ ล้านคน” ที่เมื่อคนได้ยินแล้วก็จะตกใจ แต่หากมีอีกตัวเลขหนึ่งมาเทียบว่า ในปี ค.ศ. 1950มีทารกตาย ๑๔.๔ ล้านคน ความรู้สึกต่อตัวเลข ๔ ล้านคนจะแตกต่างออกไป
นอกจากนั้น เรายังมีความคิดผิดๆ ว่าภาพความเลวร้ายเป็นสิ่งที่ยืนยงคงกระพัน เพราะเรามองโลกเป็นเส้นตรง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมนุษย์เรามีศักยภาพที่จะเอาชนะความเลวร้ายนั้นได้
ผมตีความว่า สิ่งที่คนเราต้องระวังคืออย่าให้โดนหลอกโดยภาพลวงตา (illusion)
วิจารณ์ พานิช
๑๑ ก.ค. ๖๑
ไม่มีความเห็น