ผมและทีมงานตัดสินใจใช้ “กิจกรรมฐาน : ฐานความรู้” มาใช้เป็นกระบวนการเรียนรู้ในเวทีสัมมนาผู้นำองค์กรนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 19-21 กรกฎาคม 2561 ณ วารี วัลเลย์รีสอร์ท อำบลอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น โดยผนึกกำลังร่วมระหว่างกลุ่มงานกิจกรรมนิสิต กลุ่มงานกีฬาและนันทนาการ รวมถึงนิสิตฝึกงานฯ
เรามีเจตนารมณ์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นต้นว่า ใช้ฐานการเรียนรู้ในแต่ละฐานเป็นการละลายพฤติกรรรมในแบบ “บันเทิงเริงปัญญา” โดยหลีกหลบไปจากการละลายพฤติกรรมทั่วไปที่เน้น “ตีกลอง ร้อง เต้น” รวมถึงการสร้างสถานการณ์การเรียนรู้เพื่อให้ผู้นำนิสิตมีทักษะในการการเรียนรู้และมีทักษะในความเป็นผู้นำ-ผู้ตามที่ดี ฯลฯ
เบื้องต้น ผมมอบมายให้ทีมงานไปศึกษาค้นคว้าล่วงหน้าด้วยตนเอง ตลอดจนการให้ทีมงานได้ตัดสินใจเองว่าจะแบ่งเป็นกี่ฐาน-กี่กลุ่ม และจะใช้ฐานอะไรบ้าง
ผมยืนยันมั่นเหมาะว่าผมให้พวกเขาไปศึกษาค้นคว้ามาด้วยตนเองและตัดสินใจด้วยตนเอง เพียงแต่ให้แจ้งผมว่ามีฐานอะไรบ้างและแต่ละฐานมีนัยสำคัญของการเรียนรู้อย่างไร – พร้อมๆ กับการย้ำว่าขอให้แต่ละฐานมีความหนักแน่นในเรื่องแนวคิดและกระบวนการ เพราะต้องเข้าใจว่านิสิตผ่านการเรียนรู้ในบรรยากาศเช่นนี้มามากแล้ว สิ่งที่จะทำให้แตกต่างกว่าที่ผ่านมาก็คือ “บันเทิงเริงปัญญา” ในแบบมืออาชีพนั่นเอง
นั่นคือสิ่งที่ผมฝากและเน้นย้ำไปกับทีมงาน - ซึ่งฐานที่ทีมงานกำหนดขึ้นมาเป็นโจทย์การเรียนรู้ในครั้งนี้ ประกอบด้วยฐาน 5 ฐาน นั่นคือ
เข้าฐาน-ออกฐาน สู่การโส่เหล่แลกเปลี่ยนเรียนรู้
ด้วยความที่ผมเป็นผม ทุกครั้งที่ออกแบบกระบวนการการเรียนรู้ ผมจะค่อยๆ แจ้งคำสั่งหรือกระบวนการทีละอย่าง ไม่จำเป็นจริงๆ ก็จะไม่แจ้งว่ากระบวนการที่ว่านั้นจะเริ่มต้นและจบลงตอนไหน
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ผมปล่อยให้นิสิตแต่ละกลุ่มเข้าฐานไปตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ โดยไม่บอกว่าเสร็จจากการเข้าฐานแล้วต้องทำอะไร
เหตุผลที่ผมไม่แจ้ง ไม่ใช่เพราะคิดอะไรไม่ออก แต่เจตนาชัดเจนว่าอยากให้นิสิตมีสมาธิในการเรียนรู้ร่วมกัน มีสมาธิในการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำจริงๆ อย่างเป็นทีม โดยไม่พะวงว่าต้องจดบันทึกอะไร สังเกตอะไร จัดเก็บอะไรเพื่อนำมาสู่การสะท้อน หรือนำเสนอผลการเรียนรู้
เรียกได้ว่าปล่อยเรียนรู้ตามสถานการณ์จริงตรงนั้นเป็นหลัก ให้เรียนรู้โดยไม่กะเกณฑ์อะไรมาก เน้นย้ำเพียงให้เคารพกติกาของแต่ละฐานเป็นพอ รวมถึงการฝากเจ้าหน้าที่ผู้ซึ่งทำหน้าที่เป็น “พี่เลี้ยง” จัดการเรียนรู้ประจำแต่ละฐานมิให้เฉลยวัตถุประสงค์ หรือผลการเรียนรู้ใดๆ ให้นิสิตได้รับทราบ เพราะผมต้องการให้พวกเขาเรียนรู้และขบคิดถึงมรรคผลการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นสำคัญ แต่ฝากให้สังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนิสิตในแต่ละกลุ่ม ทั้งในเชิงบุคคลและภาพรวมของกลุ่ม -
ครั้นเสร็จจากการ “เข้าฐาน” นิสิตทุกคนก็กลับเข้าห้องประชุม ผมสังเกตว่าแต่ละคนมีความตื่นตัวสดชื่นมากกว่าจะรู้สึกเหนื่อยล้า หลายต่อหลายคนจับกลุ่มพูดคุยโสเหล่ถึงบรรยากาศที่สัมผัสมาเมื่อครู่ รวมถึงการหยอกล้อถึงพฤติกรรมของเพื่อนที่เกิดขึ้นในแต่ละฐาน -
พอกลับมาพร้อมหน้าและผ่อนพักได้พอสมควร ผมก็ให้แต่ละกลุ่มได้ล้อมวงโสเหล่สะท้อนถึงเรื่องราวที่ได้เรียนรู้ในแต่ละฐาน โดยการสังเคราะห์เป็นรายฐานประมาณว่า
เสียงจากนิสิต : มีความหมายใดในฐานการเรียนรู้
ผมให้นิสิตล้อมวงโสเหล่ในประเด็นข้างต้นเป็นกลุ่มๆ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ (พี่เลี้ยง) ขณะที่ผมเฝ้าสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้อยู่ห่างๆ ซึ่งผมให้เสรีต่อทุกกลุ่มว่าจะสนทนาในห้องประชุม หรือจะปลีกวิเวกออกไปนอกห้องประชุมก็ไม่ว่า แต่เมื่อถึงเวลาก็ต้องกลับมาตามที่นัดหมาย
ครั้นกลับมาถึงแล้ว ผมก็ประเมินงานในภาพรวม และมองว่านิสิตยังต้องใช้เวลาอีกสักนิดในการจัดระบบระเบียบข้อมูล ผมจึงขยายเวลาให้ทุกกลุ่มได้ทำงานเต็มที่
จริงๆ ผมก็ต้องการประมาณนี้อยู่แล้ว ไม่ใช่ยืดหยุ่นแบบไม่มีขอบเขต ผมเพียงอยากให้นิสิตได้ฝึกการทำงานแข่งกับเวลา ฝึกแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเป็นทีมร่วมกันเสียมากกว่า เพราะบางทีผมก็เน้นกระบวนการ บางทีก็เน้นคู่ทั้งที่เป็นกระบวนการและผลลัพธ์
และนี่คือส่วนหนึ่งที่นิสิตแต่ละกลุ่มได้สะท้อนออกมา ทั้งการบอกเล่าผ่านเวทีและเอกสารอันเป็นผังมโนทัศน์
ท้ายที่สุด : พลังของกิจกรรม พลังของการลงมือทำอย่างเป็นทีม
เดิมผมต้้งใจจะให้เจ้าหน้าที่ (พี่เลี้ยง) แต่ละกลุ่มออกเฉลยว่า "ในแต่ละฐานมุ่งบ่มเพาะเรื่องอะไรบ้าง"
แต่พอได้เห็นและได้ฟังนิสิตสะท้อนการเรียนรู้ดังข้างต้น ผมก็เปลี่ยนใจไม่ให้เจ้าหน้าที่ได้สะท้อน หรือเฉลยโจทย์ของแต่ละฐาน
เหตุผลที่ผมระงับการเฉลย ไม่มีอะไรมากมาย หรือไม่มีอะไรในกอไผ่
แต่ผมมองว่าสิ่งที่นิสิตได้สะท้อนนั้น “ดีงาม-งดงาม” แล้ว ทุกอย่างครอบคลุมในเรื่อง “ทัศนคติ” หรือแม้แต่ soft skills รวมถึงคุณลักษณะ “ผู้นำและผู้ตามที่ดี” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อีกอย่างก็คือผมตัดสินใจที่จะไม่เฉลยเพราะอยากให้มรรคผลเหล่านั้นนิ่งสงบเป็นตะกอน หรือผลึกความคิดต่อไป เพื่อให้นิสิตได้ค้นหาวิธีในการหยิบจับมาใช้ในกระบวนการเรียนรู้ที่เหลือ ทั้งในเชิงปัจเจกบุคคลและทีม ซึ่งผมและทีมงานออกแบบไว้อีกหลายกระบวนการ
กระนั้นในท้ายที่สุดผมก็กล่าวในทำนองว่า
ครับ – นั่นคือส่วนหนึ่งที่ผมเกริ่นไว้ในช่วงท้ายของกิจกรรมนี้
ส่วนจะบรรลุวัตถุประสงค์การจัดการเรียนรู้ผ่านฐานเหล่านี้หรือไม่นั้น โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่กังวล ครุ่นเครียดเลยแม้แต่น้อย เพราะเท่าที่สังเกตและสัมผัสได้ ผมว่า "ได้เกินกว่าที่คาดไว้" แจ่มชัดทั้งในแง่ของการละลายพฤติกรรม และชัดเจนในเรื่องทัศนคติและทักษะอันสำคัญในวิถีของกิจกรรมนิสิตและผู้นำนิสิต
หายเหตุ
เขียน : จันทร์ที่ 23 กรกฎาคม 2561
ภาพ : พนัส ปรีวาสนา
ไม่มีความเห็น