วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๑ ผมเข้าร่วมประชุมสามัญมูลนิธิรุ่งอรุณ ประจำปี ๒๕๖๑ และการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาและคณะกรรมการบริหารโรงเรียนรุ่งอรุณ ครั้งที่ ๑/๒๕๖๑
การทำหน้าที่กรรมการมูลนิธิถือเป็นการทำงานเพื่อสังคม หรือเพื่อผู้อื่น ในกรณีของมูลนิธิโรงเรียนรุ่งอรุณ เป็นการทำงานสาธารณะด้านการศึกษา หรือการเรียนรู้ โดยที่งานของมูลนิธิมีคุณค่าใหญ่หลวงต่อบ้านเมืองของเรา คือทำหน้าที่เป็น change agent ด้านการศึกษาหรือการเรียนรู้ให้แก่สังคม เป็น change agent ภาคประชาชน
มูลนิธินี้มีบริษัทอยู่ภายใต้ ๒ บริษัท คือ บริษัทโรงเรียนรุ่งอรุณ และบริษัทสานอักษร จำกัด โดยมูลนิธิฯ ถือหุ้นเกือบ ๑๐๐% และเป็นเจ้าของสถาบันอาศรมศิลป์ด้วย กิจการทั้งสาม น่าจะถือได้ว่า เป็นการทำ “ธุรกิจเพื่อสังคม” (social enterprise)
สังคมในปัจจุบัน มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วมาก กิจกรรมเพื่อสังคมจึงต้องดำเนินการให้ทันสมัย รายละเอียดมีอยู่ในรายงานการประชุมครั้งที่ ๑/๒๕๖๐ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ วาระที่ ๓ แผนพัฒนาโรงเรียนรุ่งอรุณ และ แผนพัฒนาสถาบันอาศรมศิลป์ ซึ่งอ่านได้จากรายงานการประชุม ๒
มาคราวนี้ วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๑ ได้รับทราบด้วยความยินดีว่า โรงเรียนรุ่งอรุณมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร ดึงคนรุ่นใหม่มาทำหน้าที่ครูใหญ่โรงเรียนอนุบาล ครูใหญ่โรงเรียนประถม ครูใหญ่โรงเรียนมัธยม รวมทั้งมีการปรับคณะกรรมการบริหารโรงเรียนรุ่งอรุณ มีคนใหม่ๆ เข้ามา และมีตัวแทนผู้ปกครองนักเรียน ๑ ท่าน คือคุณพัชรวลัย ตนานุประวัติ
การเปลี่ยนแปลงใหญ่ของมูลนิธิฯ คือการก่อตั้ง ๓ กองทุน ซึ่งที่จริงเป็นกิจการ เพื่อขยายบทบาทของมูลนิธิฯ แผ่ขยายสู่สาธารณชนมากยิ่งขึ้น เน้นด้าน การผลิตสื่อ การวิจัย การปฏิรูปการเรียนรู้ของศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัย โดย ๓ กองทุน มีดังนี้ (๑) กองทุนเพื่อการศึกษาปฐมวัย (๒) กองทุนเพื่อการศึกษาพระพุทธศาสนา (๓) กองทุนเพื่อการพัฒนาโรงเรียนในพื้นที่ทั้งระบบ
ในเรื่องการพัฒนาโรงเรียน สำนักรุ่งอรุณได้พัฒนาแนวทาง inquiry & phenomenon-based learning โดยจัดกระบวนการให้ผู้เรียนบรรลุ ๓ ด้าน คือ (๑) literacy (๒) บูรณาการสู่ชีวิต (๓) สุขภาวะกาย จิต ดู PowerPoint แสดงแนวความคิดในการพัฒนาสมรรถนะการเรียนรู้ได้ที่ ๓
ในการประชุมนี้มีศิษย์เก่าของโรงเรียนรุ่งอรุณมาร่วมประชุม ๒ คน คือนายณัฐวุฒิ ชื่นอารมณ์ ในฐานะกรรมการที่ปรึกษา โรงเรียนรุ่งอรุณ และนายสุธีพรรณ สิทธิโชติ กรรมการบริหารมูลนิธิรุ่งอรุณ ท่านหลังเป็นศิษย์เก่ารุ่น ๑ มาประชุมเป็นครั้งแรก บอกว่า ไม่ทราบมาก่อนเลยว่า โรงเรียนเป็นของมูลนิธิ ไม่ได้เอากำไรไปเข้ากระเป๋าใครเลย ทั้งสองท่านประทับในในการบริหารการเปลี่ยนแปลงของโรงเรียน ที่มีการส่งต่อความรับผิดชอบจากรุ่นสู่รุ่น รวมทั้งการที่โรงเรียนรุ่งอรุณมีส่วนสร้างการเปลี่ยนแปลงให้แก่วงการศึกษาไทย
วิจารณ์ พานิช
๑๒ มิ.ย. ๖๑
ไม่มีความเห็น