มันเป็นเรื่องยากไม่ใช่น้อยกับเวลาอันจำกัดที่จะทำกระบวนการให้ผู้คน “เปิดใจ” รับรู้รับฟัง หรือสื่อสารความในใจให้กันฟัง ทั้งในมิติการงานและชีวิต
ในเวลาไม่ถึง 30 นาที ผมตัดสินใจออกแบบเวทีการเรียนรู้เพื่อละลายพฤติกรรมผ่าน “จดหมายรัก” ในประเด็น “ขอบคุณ” และ “ขออภัย”
จดหมายรัก ถึงคนที่เรารักในองค์กรแห่งรัก
เอาจริงๆ เลยนะ ผมเป็นคนหลงรัก “จดหมาย” เป็นที่สุด ในอดีตผมชอบเขียนและอ่านจดหมาย ชอบส่งโทรเลข และชอบอ่านหนังสือ หรือดูภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากจดหมาย-โปสการ์ด
สารภาพตรงๆ นี่แหละว่าเอาความชอบส่วนตัวมาทำกระบวนการ
ใช่ครับ - เอาความชอบส่วนตัวมายัดเยียดลงในกระบวนการเรียนรู้
ผมตั้งใจมากกับกระบนการนี้ ผมตั้งใจใช้เวลาอันจำกัดแต่หวังผลอย่างมหาศาล โดยเริ่มต้นจากให้ “ทีมงาน” แจกบัตรคำให้กับทุกคน ให้แต่ละคนเขียน “ขอบคุณ” และ “ขอโทษ-ขออภัย” ถึงใครสักคน พร้อมให้แต่ละคนเขียนเรื่องราว หรือเหตุผลสั้นๆ ลงไปด้วย
นำส่งจดหมายรักถึงคนที่เรารัก
ครั้นเขียนเสร็จ ผมให้แต่ละคน
เอาจริงๆ เลยไหม ใจจริงผมอยากทำกระบวนการนี้ให้ยืดยาวและนานยาวกว่านี้มากๆ เพื่อเปิดรับเข้าสู่ “วงโสเหล่-สนทนา” ประหนึ่งร่วม “จัดการความรัก” ร่วมกัน
แต่ก็อย่างที่บอก เวลามันจำกัดมากๆ เอาเป็นว่า ผมเน้นกระบวนการมากกว่าผลลัพธ์นั่นแหละ แต่ก็ยังอหังการ์อย่างเงียบๆ ว่า กระบวนการเล็กๆ ในบริบทของเวลาอันจำกัด จะยังมีพลังพอที่จะเชื่อมร้อยผู้คนเข้าหากัน เสมือนได้เริ่มต้นที่จะช่วย “เคาะประตูใจ” กันและกันบ้างแล้ว
ท้ายที่สุดแล้ว
ผมยืนยันว่าผมคิดแบบอหังการ์เองว่ากระบวนการที่ว่านั้นดีงามพอที่จะ “เปลี่ยนแปลง” บางอย่างในตัวตนของแต่ละคนได้ ซึ่งอาจเป็นแค่เรื่องการเริ่มต้นที่จะตระหนักรู้ในเรื่องที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแล้วเราแล้วกระทบต่อคนรอบข้าง – กระทบต่องาน และองค์กร
ถึงแม้เจ้าตัวอาจจะยังไม่กล้าส่งจดหมายนั้นถึง “คนรัก” ด้วยตนเองก็เถอะ ผมก็ยังเชื่อว่าเมื่อเขาได้ขีดเขียนออกมาแล้ว อย่างน้อยก็ได้ชำระจิตใจตัวเอง ได้เสริมพลังบางอย่างให้กับตัวเองผ่านวาทกรรมง่ายๆ และงดงาม
ใช่ครับ – ง่ายๆ แต่ก็อาจจะพูดยากอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยในกระบวนการนี้ ก็ชวนให้แต่ละคนได้เริ่มต้นขึ้น (บ้าง) แล้ว
ในวันเวลาของการสัมมนานอกสถานที่ที่เหลืออยู่เพียงไม่กี่วัน ผมก็เชื่อว่าจดหมายน้อยที่ว่านี้จะนำพาใครแต่ละคนขยับเข้าหากันได้มากกว่าที่ผ่านมา หรือแม้แต่กระชับมั่นในสายสัมพันธ์แห่งรักและผูกพันกันยิ่งขึ้น
และก็ไม่จำเป็นต้องถามใครๆ ในเวทีนี้ว่าได้เรียนรู้อะไรจากกิจกรรมนี้ หรือมีอะไรเปลี่ยนแปลงในตัวเองบ้างแล้วจากกิจกรรมนี้
ผมเชื่อครับ – และยังเชื่อมั่นอย่างไม่สิ้นหวัง
อ้อ ผมไม่แน่ใจนะว่า นี่คือการรู้จักฉันรู้จักเธอในแบบบันเทิงเริงปัญญาที่ผมมักขับเคลื่อนหรือไม่ แต่เอาง่ายๆ เลยนะ ผมสุขใจที่ได้ทำกระบวนการนี้
เขียน :
วันที่ 5 กรกฎาคม 2561
ปากช่อง นครราชสีมา
ภาพ :
พนัส ปรีวาสนา
และงานประชาสัมพันธ์และสารสนเทศนิสิต
กองกิจการนิสิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ขออนุญาตนำไปใช้ในกระบวนการเรียนรู้ให้พยาบาลด้วยได้ไหมคะน่าจะทำให้เกิดประโยชน์มากมายค่ะ
ครับ พี่แก้ว
ยินดีและเป็นเกียรติครับ หลายๆเวทีผมใช่กระบวนการนี้ช่วยละลายพฤติกรรมผู้คนไปในตัว ซึ่งก็ช่วยได้เยอะ ใครไม่กล้าพูดก็ใช้การเขียนสื่อสารแทน เกิดการตามหากัน โอบกอดกัน
เป็นการเขียนเพื่อบำบัดและสื่อสารสร้างสรรค์ ผ่านเวทีนี้มาวันสองสันก็เจอจดหมายน้อยของคนติดถ้ำฯ และญาติมิตรก็พลอยมีความสุข ผมว่าเขาก็คงมองไม่ต่างกันครับ ….
“ขอโทษ” หรือ “ขอบคุณ” มันเป็นการช่วยลดทิฐิของใครสักคนที่มีต่อใครสักคนอย่างแนบเนียน ;)…
ใช่ครับ ออาจารย์วัส Wasawat Deemarn
กระบวนการนี้ง่ายงามครับ รำลึกวัฒนธรรมการสื่อสารของคนเราไปในตัวก่อนก้าวเข้ายุคไอทีอันล้ำสมัย แต่แน่ชัดเหมือนอาจารย์ฯ ว่า นี่คือกระบวนการช่วยลดทิฐืของเราและเราไปในตัว ซึ่งถ้าไม่เข้าข้างตนเองมากนัก ก็เป็นกิจกรรมหนึ่งในแบบฉบับบันเทิงเริงปัญญาที่ได้รับการตอบรับที่ดี ครับ
ขอโทษและขอบคุณ..นั้นเป็นแบบอย่างวัฒนธรรมฝรั่ง…ที่ปรากฏได้ยากในสังคมไทยแต่ที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น…"”น้ำใจ.”..นั้น..มันเปี่ยมล้น..เมื่อถูกแสดง..ออกมา…..ดังที่เห็น..เป็นครั้งคราว..!หรือ อาจจะ มีทุก ๆ นาที ที่เรา..ไม่ได้สัมผัส.ด้วยโสต.ทั้งห้า..ได้….