ถนนสายนี้ช่างงดงามนัก


จักรยานคันแรกของผมคือ BMX ที่แม่ซื้อให้ตอนเรียนชั้น ม.๑ ผมยังจำรูปร่างหน้าตาของมันได้จนถึงวันนี้

สมัยก่อน เวลาไปเรียนตอนเช้า ก็พากันปั่นจักรยานไปกับเพื่อนๆหลายคน บางครั้งปั่นไปเอง บางครั้งอาศัยเพื่อน เวลานั่ง BMX ของเพื่อน ผมต้องนั่งบริเวณคานรถด้านหน้า หันข้างเหมือนผู้หญิงซ้อนมอเตอร์ไซค์ เอากระเป๋านักเรียนวางไว้บนแฮนด์รถ ไม่เสียแรงปั่นแต่เจ็บตูด

ผมได้ใช้ชีวิตบนรถจักรยานตั้งแต่ ม.๑ จนถึง ม.๓ โดยที่แม่ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องไปรับไปส่งที่โรงเรียนเลย 

สมัยนั้นการปั่นจักรยานไปโรงเรียนมันปลอดภัยมากๆ

จนล่วงขึ้นมาชั้น ม.ปลาย ผมก็ไม่ได้ปั่น BMX คันนั้นไปโรงเรียนอีกเลย เพราะมันพัง ต้องอาศัยขึ้นรถตุ๊กๆราคา ๓ บาทไปแทน ซึ่งชีวิตก็ดีไปอีกแบบ 

ผมต้องออกจากบ้านราว ๗ โมง เดินผ่านห้องแถวข้างบ้าน ที่ทุกครั้งเวลาที่ผมเดินออกไป ก็จะได้ทักทายกับแม่ค้าขายส้มตำ ไก่ทอด แกน่าจะชื่อป้าดา (ถ้าผมจำไม่ผิด) ครั้นผ่านหน้าบ้านน้าแดง ก็จะได้ยินเสียงแกปลุก “หมู” ลูกชายคนโตเพื่อให้รีบอาบน้ำไปโรงเรียน โดยมีผมเป็นนาฬิกาปลุก

“ไอ้หมู ตื่นเร็ว พี่แป๊ะไปโรงเรียนแล้ว” นั่นไง

ผมไปโรงเรียนด้วยรถตุ๊กๆ แต่เดินกลับบ้านทุกเย็น ที่เลือกเดินกลับบ้าน เพราะจะได้เดินคุยกับเพื่อนด้วยกัน ๓ ถึง ๔ คน มีผม ป๋อง นิ้ง และแว่น ซึ่งช่วงหลังนิ้งจะหายไปเพราะมันไปจีบเพื่อนห้องเดียวกันชื่อ “ตุ๊ก” และหายจากเรา ๓ คนไปตั้งแต่นั้น

ผมนึกไม่ออกเอาเสียเลยว่าเราทั้ง ๓ คนเดินคุยเรื่องอะไรกันบ้าง แต่คุยกันได้เสียทุกวันไม่มีเบื่อ ที่สำคัญ มันเท่มากเลยนะ ที่ได้เดินกลับบ้านพร้อมผู้หญิง แม้นไม่ใช่แฟน แต่ก็ต้องมีคนอิจฉา หึหึ ผมเชื่ออย่างนั้น

จะมีก็บางวันที่พวกเรา ๓ คนเกิดอาการเหนื่อยล้า ก็จะนั่งตุ๊กๆกลับบ้านกัน

ดีจริงๆครับ สมัยก่อนนั้น พ่อแม่แทบไม่ต้องมายุ่งเรื่องการรับส่งลูกๆเลย ซึ่งมันผิดกับตอนนี้เอามากๆ 

เมื่อกี๊ผมขับรถไปคลินิก ต้องผ่านโรงเรียนมัธยมชื่อดังของหาดใหญ่ ซึ่งไม่ใช่เส้นทางปกติที่ผมต้องผ่าน 

โอ้โห รถยนต์จอดกันระเกะระกะโดยไม่สนใจว่าตรงนั้นเป็นทางเลี้ยวโค้ง ตรงนั้นมันคือทางรถที่ต้องใช้วิ่ง เหลือช่องทางให้รถที่สัญจรเพียงพอผ่านไปได้ 

เด็กเดี๋ยวนี้นั่งรถโดยสารกลับบ้านเองไม่ได้

“หน้าโรงเรียนนี้ไม่มีรถสองแถวไงพ่อ” แป้งบอกออกมาเมื่อพ่อรำพึง

“ไม่มีสองแถวก็ตุ๊กๆไงลูก” ผมแย้งถึงทางเลือก

“เด็กพวกนี้คงขึ้นตุ๊กๆไม่เป็นเหมือนกันมั้ง” แป้งเสนอความเห็นตามมุมมองของตัวเอง

ผมนึกขำในใจ อันที่จริงผมก็รับส่งลูกสาวทั้ง ๒ เหมือนกันนั่นแหละ 

“พ่อไม่เคยไว้ใจความปลอดภัยในการเดินทางของลูกในสมัยนี้เอาเสียเลย” ผมเคยบอกลูกไว้อย่างนั้น และตอนนี้ก็เข้าใจว่า พ่อแม่นักเรียนโรงเรียนแห่งนี้เขาก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของลูกเขาเหมือนกัน แต่อาจจะต่างจากผมตรงที่เด็กเหล่านี้จะต้องถูกส่งไปเรียนพิเศษกันต่อไปมั้ง ฮ่าฮ่าฮ่า เลยต้องรีบมาแย่งกันรับลูก

....................

วันนี้ผมมาคิดถึงเจ้า BMX ก็เพราะว่า เมื่อเช้าได้ฟังข่าวทางวิทยุเรื่องการแข่งขัน BMX ที่ไหนสักที่

“มันคือรถอะไรเหรอพ่อ” พี่แป้งถามออกมา

นี่ลูกผมไม่รู้จัก BMX!

คิดแล้วก็อยากกลับไปเป็นเด็กปั่น BMX  มันคงสนุกมากเลย ตอนเด็กๆปั่นที่สุราษฎร์ฯ ตอนนี้ถ้าจะให้ปั่น ก็ต้องปั่นใน ม.อ. 

ม.อ.เป็นสถานที่ในฝันของชาว BMX เลยนะครับ นั่นเพราะ ณ ที่แห่งนี้จะมีเนินเขาขึ้นลงให้พอแตกเหงื่อ ท้องถนนมีความซับซ้อนพอประมาณ มีเนินบนพื้นถนนเพื่อชะลอความเร็วอยู่มากมาย วันเวย์ก็มีให้เลือกเยอะนะครับ แถมยังมีสิ่งกีดขวางบนถนนให้ปั่นเล่นท่าได้อีกด้วย

น่าสนุกใช่ไหม 

เอาล่ะ ผมจะพาเที่ยว

ผมนึกภาพตัวเองปั่นจักรยานมาจากบ้านแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าประตูมหาวิทยาลัยด้าน “ประตูศรีตรัง” ซึ่งจะต้องผ่านป้อมยามดีไซน์เก๋ มีเนินตัวหนอนให้ยกล้อ ๒ เนิน แต่ชะรอยเนินตัวหนอนที่ซื้อมานั้นคุณภาพอาจจะไม่ดีนัก ถูกรถเหยียบทุกวันจนเริ่มแบนแล้ว (สาธุ อย่าเปลี่ยนเลยนะ) 

ผมจะปั่นผ่านไปทางหน้าคณะ ศิลปศาสตร์ วจก. ช่วงนี้ถนนจะโค้งไปมาสวยงามมาก ป่าสุดท้ายของมหาวิทยาลัยทางด้านขวามือ มีต้นตะแบกเรียงรายที่หากปั่นช่วงเย็นแล้วนั้น แสงแดดสีทองส่องกระทบผิวต้นเมื่อใด แสงสะท้อนสีทองระเรื่อแผ่กลับออกมาสวยงามจนผมแทบจะไปยืนลูบยืนกอดมันให้ได้เสียทุกที (แค่ไม่กล้าทำ กลัวคนหาว่าบ้า) ผมปั่นเลยวงเวียนปากทางเข้าศูนย์กีฬาแล้วตรงไปต่อนะครับ ช่วงนี้ใช้แรงหน่อย เพราะขึ้นเนินและจะมีสันเนินชะลอความเร็วลูกย่อมๆดักไว้ ๑ ลูก ปั่นดีๆก็ยกล้อหรือยก ๒ ล้อโชว์สาวได้เลย ตรงนี้มีเนินลูกเดียว แหม่..น่าเสียดายจริง เพราะมันยังมีความยาวของถนนอีกมากกว่าจะไปถึงวงเวียนคณะวิศวะ มันน่าจะสร้างได้อีกสัก ๒ ถึง ๓ ลูก 

ต้องดูตัวอย่างหน้าตึกฟักสิครับ เพียงไม่ถึงร้อยเมตร เขาสร้างสันเนินไว้ตั้ง ๓ สัน 

“แมร่ม ! สวรรค์ของนักปั่น BMX ชัดๆ” ผมอุทานด้วยความตื้นตันจนน้ำตาไหล 

 ปั่นต่อไปถึงวงเวียนหน้าคณะวิศวะ ผมเลือกเลี้ยวขวา ถนนช่วงนี้ลาดยางมะตอยผิวเรียบงาม ครึ่งถนนถูกแบ่งกั้นด้วยสันปูน เพื่อไม่ให้มีการกลับรถ และไม่ให้รถอีกด้านเลี้ยวขวาเข้าคณะอย่างสะดวก ต้องไปกลับรถที่วงเวียนเท่านั้น (สร้างมาแล้ว ใช้ให้คุ้ม)

มันอาจจะเป็นความลำบากเพียงเล็กน้อยของรถยนต์ แต่สำหรับ BMX แล้วนั้น ไอ้สั้นปูนนี่ก็คือสววรค์ของการปั่นวิบากนั่นเอง

ผมปั่นมาจนถึงสามแยกที่เมื่อก่อนเคยเลี้ยวขวาลงไปผ่านหลังตึกฟิสิกส์ และโรงอาหารคณะวิทยาศาสตร์ (เดี๋ยวนี้เป็นอาคารอะไรสักอย่างที่มีดีไซน์ล้ำยุคสุดๆ และตึกหอสมุดใหม่ที่ใช้ชื่อว่า LRC กระมัง) แต่ตอนนี้มันเลี้ยวเข้าไปไม่ได้ เพราะถนนสายนี้เป็นเส้นที่ให้รถวิ่งทางเดียวจากคณะพยาบาลขึ้นมาเท่านั้น เค้าปรับให้สองข้างทางเป็นที่จอดรถยนต์ทั้งหมด จึงเหลือทางรถวิ่งเพียงเลนครึ่ง รถวิ่งสวนทางไม่ได้อีกต่อไป 

ถนนเส้นนี้แฟนตาซีที่สุดในโลกแล้ว ผมนี่อยากจะชวนเพื่อนๆไปถ่ายรูปกันให้มาก เพราะบริเวณ ๓ แยกตรงหลักตึกฟิสิกส์นั้น ถนนกว้างขนาด ๓ เลน เขาได้เอาแท่นพลาสติกสีส้มมาประดับไว้บนถนนอย่างสวยงาม มีคนบอกว่า เขาตั้งใจจะให้รถวิ่งเหลือเลนเดียว เพื่อจะได้เลี้ยวซ้ายได้อย่างปลอดภัย (มันเลี้ยวขวาลงไปคณะทรัพย์ไม่ได้ ต้องหักรถไปทางซ้ายเพื่อไปเลี้ยวที่วงเวียนคณะวิศวะเท่านั้น บอกแล้วไง สร้างมาแล้วต้องใช้ให้คุ้ม) แต่ผมกลับมองต่าง เพราะสีส้มที่ประดับบนถนนอีก ๒ เลนที่เหลือนั้น มีรูปแบบการเรียงได้โคตรเท่ ไอ้ผมก็นึกไปถึงสวนราชพฤกษ์ที่เชียงใหม่ ช่วงที่เค้ามีเทศกาลจัดดอกไม้เลย นี่ถ้าคนจัดมีหัวศิลป์สักนิด คงจะปลูกต้นไม้ได้เลยนะครับ

เห็นไหม มันถูกใจสิงห์ BMX ยิ่งนัก

เอาล่ะ เลี้ยวลงไปทางคณะทรัพย์ เดี๋ยวนี้เค้าจัดทำฟุตบาทใหม่ ตัดต้นไม้ทิ้งไปบ้าง แล้วปูกระเบื้องทางเดินสวยงามมันวาววับ เนินเขาถูกปิดทับด้วยปูนซีเมนต์ดูเรียบร้อยงามตา เวลาฝนตกหนักๆทีนึง น้ำจะได้ไม่ต้องซึมลงดิน น้ำฝนไหลบ่าลงมาเป็นสายน้ำตก ซู่ๆ สวยไปอีกแบบ ผมว่านี่มันคือกลยุทธในการสร้างสวนสาธารณะสวยๆให้พวกเราชาว ม.อ.ได้ผ่อนคลายความเครียดได้ดีมากๆ ดังนั้น เมื่อฝนตก ผมจึงเลือกผ่านเส้นทางนี้ ผมรักน้ำตก อิอิ เสียอย่างเดียว มันยังไม่มีสันเนินชะลอความเร็วให้พวกสิงห์ปั่น BMX อย่างผมได้ลองฝีเท้า ถนนยาวๆแบบนี้มันยั่วยวนใจมากๆ แต่ก็ไม่เป็นไรนะครับ เพราะกลางถนนช่วงนี้ เค้าจะประดับไว้ด้วยแท่นอะไรสักอย่างสีส้มแปร๊ดๆ โยงไว้ด้วยเชือกอีกทีพอสวยงาม ผมคิดว่าเขาคงไม่อยากให้มีการกลับรถตรงนี้อีกนั่นแหละ ถนนมันเป็นเนินชัน อันตราย เสียดายนะครับ ผมอยากจะแนะนำว่า ไอ้เชือกเหล่านั้น ขันให้แน่น แล้วเอากระถางคุณนายตื่นสายมาแขวนไว้ให้เต็ม เวลาช่วงเช้าแดดออก หูย...ไม่อยากจะนึก ว่ามันจะสวยสักขนาดไหน ผมรักคุณนายตื่นสายมากนะครับ สีสันมันแรดดี

เหนื่อย

เหนื่อเพราะพรรณาถึงความงามของถนนดอกหนา ไม่ใช่ปั่นจักรยาน

พักสักหน่อยแล้วก็ปั่นออกไปทางประตู ๑๐๙ 

ตรงนี้มีวงเวียน 

ผมจำได้ว่า เคยมีนักศึกษาของเราขับมอเตอร์ไซค์ชนวงเวียนนี้จนเสียชีวิตมาแล้ว ผมยังจำบรรดาดอกไม้ที่เพื่อนๆเขามาวางไว้ที่วงเวียนเพื่อระลึกถึงในคราวนั้นได้

(ปล. อันที่จริง เรายังเคยสูญเสียนักศึกษาอีกคนหนึ่ง ที่ขับมอเตอร์ไซค์แล้วเสียหลักล้มลงเพราะเนินตัวหนอนหน้าคาเฟตรายหนึ่ง และผมยังเคยเจอคนซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์พลัดตกจากรถเมื่อตอนที่ขึ้นสันเนินชะลอความเร็วตรงปากทางเข้า SCB นั่นด้วย)

ต่อๆๆ เหงื่อกำลังออก

ผมตรงไปยังประตู ๑๐๙ ก็ต้องผ่านป้อมยาม

ป้อมยามแห่งนี้นี่สุดยอดนวัตกรรมถนนคอนกรีตเลยนะครับ

หากเป็นทางเข้า เขาจะวางกรวยสีส้มเรียงรายไว้สวยงาม มียางตัวหนอนที่ไม่ค่อยสึกหรอวางดักอยู่ ๒ เลน หากได้ปั่นจักรยานเข้ามาทางนี้ เห็นทีต้องโชว์สกิลในการเลี้ยวปาดสิ่งกีดขวางกันสักหน่อย แบบว่า เห็นกรวยส้มที่ใดแล้วใจมันฮึกเหิม (อันที่จริงอยากลองนับมันมากเลยครับ แต่หยุดรถไม่ได้สักที น่าจะมีสักเกือยร้อยกรวย)

แต่หากเป็นด้านทางออก เขาก็จะวางกรวยส้มเบียดเนื้อถนนเข้ามา เพื่อให้รถยนต์ทยอยออกได้ทีละคัน 

ที่ว่าเป็นสุดยอดนวัตกรรมก็เพราะว่า รถจะได้ลดความเร็วก่อนถึงประตูทางออกของมหาวิทยาลัยไงล่ะครับ อีกอย่าง แหม่.. นี่ยังไม่รวมกรวยส้มที่เป็นทางออกของมอเตอร์ไซค์นะครับ น่าเอ็นดู เพราะเหล่าบรรดาน้องๆมอเตอร์ไซค์ ที่นอกจากจะต้องเบียดตัวเข้าซอกกรวยแล้วนั้นยังต้องกระแทกลูกยางตัวหนอนอีกสักจึ๊กสองจึ๊ก สนุกไม่หยอก 

อย่าลืมมาถ่ายภาพไว้นะครับ ต่อไป มันต้องเป็นหนึ่งในสถานที่ยอดนิยมของบรรดานักท่องเที่ยว และนักปั่นจักรยานวิบากแน่ๆ 

พอแล้ว 

วันนี้ผมคงมีจินตนาการปั่นได้เพียงเท่านี้ก่อน

ผมคิดถึง BMX 

ผมอยากซื้อ BMX แต่เมียคงไม่ยอม เพราะเค้ากลัวผมถูกรถยนต์สอยไปเสียก่อน 

แต่เอาเหอะ เชื่อไหม ต่อไป ม.อ. จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิต มีถนนสวยๆถูกตกแต่งด้วยกรวยส้ม หลอดส้ม แท่งส้ม ไว้มากมาย มันส้มมากมายจนบางครั้งผมก็นึกว่า สีประจำมหาวิทยาลัยผมคือสีส้มเสียอีก 

เรายังมีถนนให้ขับรถเข้าวงเวียนได้อย่างจุใจราว ๗ วง ผมว่า จัดกีฬามหาวิทยาลัยครั้งต่อไป เราน่าจะใช้สัญลักษณ์ “เจ็ดห่วง” ได้เลย

และเรายังมีสันเนินให้บรรดาสิงห์ BMX อย่างพวกผมได้โชว์สกิลอย่างไม่รู้เบื่ออีก ๑๑ เนิน

ผมนี่โคตรรักมันเลย

ธนพันธ์ ชูบุญอยากปั่น BMX

๒๑ มิย ๖๑

หมายเลขบันทึก: 648645เขียนเมื่อ 2 กรกฎาคม 2018 10:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 กรกฎาคม 2018 10:37 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

นึกถึงข้อเขียนเสียดสีการเมืองแบบสมัยก่อน อิ อิ

เคยเข้าไปใน มอ.หลายครั้ง อึม..เป็นเช่นนั้นแล….ตามนั้น….

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท