พระพุทธนิมิตรวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์ไตรโลกนาถ.....
พระคันธารราช....
เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาลูกสาวโอปอกับคุณแม่ได้ชวนผู้เขียนไปเที่ยวอยุธยา โดยตั้งใจว่าจะไปทำบุญไหว้พระ ช่วงปิดเทอม หลังไม่ได้ไปมานานแล้ว แต่ไม่ได้ไปเพราะกระแสออเจ้า หรือไหว้พระเก้าวัดอะไรหรอกนะครับ ไปเพราะอยากไปไหว้พระจริงๆ
ยอมรับว่าอยุธยาเมืองเก่าของเราแต่ก่อนเนี่ยมีวัดวาอารามมากจริงๆเฉพาะวัดเก่าก็คงยังไปไม่ครบทุกวัด แต่คราวนี้มีวัดหนึ่งที่ผู้เขียนเพิ่งได้ไปครั้งแรก วัดนั่นคือ วัดหน้าพระเมรุ
พระคันธารราช คือพระพุทธรูปที่ทำให้ผู้เขียนตะลึงแปลกใหม่และศรัทธาไปกับความงดงามขององค์พระ เป็นพระพุทธรูปสมัยทวารวดี ปางปฐมเทศนา เนื้อศิลาเขียว ประทับบัลลังก์นั่งห้อยพระบาท ประดิษฐานอยู่ในวิหารศรีสรรเพชร ผู้เขียนไม่เคยเห็นพระพุทธรูปทรงนี้มาก่อนจึงอดไม่ได้ที่จะทึ่งในความงาม และให้สนใจค้นหาประวัติของวัดนี้ต่อไปอีก
ข้างกันนั่นเป็นพระอุโบสถหลังใหญ่ทรงสำเภาไม่มีหน้าต่างแต่เจาะผนังเป็นช่องลม เพื่อให้แสงสว่างและระบายอากาศถ่ายเทได้ไม่อับ เป็นลักษณะของพระอุโบสถในสมัยอยุธยาตอนต้น หน้าบันเป็นไม้แกะสลักรูปนาราย์ทรงครุฑเหยียบเศียรนาค ล้อมรอบด้วยหมู่เทพพนม 26 องค์ ภายในมีเสาเหลี่ยม 2 แถวๆละ 8 ต้น เสามีลายพุ่มข้าวบิณ มีบัวหัวเสา เพดานเป็นไม้แกะสลักรูปดวงดาวสลับซับซ้อน สวยงาม
เป็นพระอุโบสถที่หลงเหลือจากข้าศึกสมัยสงครามกับพม่า ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดหน้าตักกว้าง 6 ศอกเศษ สูง 6 เมตรเศษ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ทรงเครื่องกษัตริย์ ลักษณะงดงามมากองค์หนึ่ง
วัดหน้าพระเมรุ เป็นพระอารามหลวงชั่นตรี สร้างในสมัยพระรามาธิบดีที่ 2 นามเดิมประทานนามว่า วัดพระเมรุราชิการาม แต่ประชาชนเรียกกันว่า วัดหน้าพระเมรุ
วัดหน้าพระเมรุเป็นวัดที่สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ทรงใช้เป็นสถานที่เจรจาสงบศึกเมื่อ พ.ศ. 2106 และอีกครั้งที่สมเด็จพระเจ้าอะลองพญามาตีกรุงศรอยุธยา พ.ศ.2303 พม่าเอาปืนใหญ่มาตั้งที่วัดเมรุราชิการามและวัดหัสดาวาส(วัดช้าง) พระเจ้าอะลองพญาทรงบัญชาและจุดปืนใหญ่ด้วยพระองค์เอง ปืนใหญ่ได้แตกต้องพระองค์จนประชวรหนัก และสิ้นพระชนม์ในระหว่างทาง
จึงเชื่อกันว่าด้วยบุญญาธิการอันศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธนิมิตรวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์ บรมไตรโลกนาถ ทำให้กรุงศรีอยุธยารอดพ้นจากข้าศึกตลอดมา
.......
ไม่มีความเห็น