ตอนที่ 1 และ 2 อ่านได้ที่นี่ครับ https://www.gotoknow.org/blog/...
สิ่งแรกที่ทำคือ รีบโทรไปหาพ่อแม่ ต่อด้วยโทรหาแฟน ...ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
และคำพูดของทุกๆ คนคล้ายกันหมด คือ อยู่ในอาการตกใจ กลัว และงุนงง กับเหตุการณ์เมื่อสัก 3 นาทีก่อน.
ผมเดินออกจากรถ โทรไปเดินไป เดินวนไปรอบรถ อารมณ์ความสับสนยังวนเวียนอยู่ในจิต
เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว มันเป็นอะไรที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน มันแบบ...แบบว่า....จิตคิดครุ่นไปต่างๆ นานา
อะไรก็ตามที่เราเจอครั้งแรกอย่างฉับพลัน สมองมันมึน ไม่รู้จะตัดสินยังไง
มันไม่เคยมีข้อมูลความทรงจำเรื่องแบบนี้มาก่อน... ดีว่ายังมีสติเป็นเพื่อนแท้ยามคับขัน
.
“ขอโทษนะครับ คุณชื่ออะไร” เมื่อผมได้สติ ก็หันไปถามหนุ่มร่วมเคราะห์กรรม
ซึ่งขณะนี้ก็เดินออกมาจากรถด้วยเช่นกัน เขากำลังมองดูเหตุการณ์รอบๆ
บรรยากาศคุกรุ่นไปด้วยความงุนงง แม้จะคลี่คลายโล่งอกแล้วก็ตาม รถยังจอดกันเต็มถนน
“แทน ผมชื่อแทนครับ” เขาพูดจบ เสียงสตาร์ทรถไล่ๆ กันก็ดังขึ้น "ผม อาจารย์กล้วย นะ"
รถก็ทยอยกันเคลื่อนตัว “เอ้อ ไปด้วยกันกับผมก็ได้ครับ” ผมชวน
เราทั้งคู่ก็กลับเข้าไปในรถอีกครั้ง โดยที่ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะไปไหน
ลึกๆ ผมก็ขอบคุณที่เขาช่วยให้ความกระจ่างกับผม อย่างน้อยก็ทำให้คลายความตกใจไปได้พอสมควรเลย
.
“คุณเป็นนักวิทยาศาสตร์เหรอ...เอ้อ ขอโทษคุณจะไปไหน เผื่อผมจะไปส่งใกล้ๆ”
"อ้อ ผมจะไปแถวๆ สยามน่ะ ผมไม่ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์หรอก แต่ผมติดตามอ่านเรื่องโลกร้อนมาหลายปีแล้ว"
เขาเปิดเป้สะพาย ล้วงหยิบหนังสือ “จดจบมนุษยชาติ” ปกสีดำ เล่มหนา มีรูปโลกลุกเป็นไฟ ออกมาโชว์
“เดี๋ยวผมไปส่งที่สถานีรถไฟฟ้านะครับ” ผมมีความรู้สึกดีกับเขานะ
เขาว่า คนเราเมื่อผ่านเหตุการณ์ร้ายมาด้วยกันจะรู้สึกดีและสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว
“แสดงว่า วันนี้เกิดจากโลกร้อน...แล้วมันจะเกิดอีกไม๊ครับ” ผมรัวคำถามด้วยความสงสัยผสมกับความกังวล
.
“จริงๆ แล้ว ผมก็ไม่กล้าฟันธงหรอกมันว่าเกิดจากโลกร้อนนะครับ มันเป็นไปได้หลายอย่าง
และที่ผมบอกว่าจุดดำบนพระอาทิตย์นี่ผม เอ้อ ผมก็สันนิษฐานเอาเอง
คือจริงๆ แล้ว เราอยู่บนความเสี่ยงหลายอย่าง ทั้งโลกร้อน หรือโลกมีความเปลี่ยนแปลงด้วยตัวมันเอง
หรือพระอาทิตย์เกิดเปลี่ยนแปลง หรือผสมๆ กัน ก็เป็นไปได้ทั้งหมด ....
คงต้องรอนักวิทยาศาสตร์พิสูจน์อีกทีนึง "
เขาพูดไปก็ก้มดูไลน์ไป ผมคิดว่าป่านนี้คงเต็มไปด้วยข้อความแบบ 999+
ผมชอบเขานะ ที่เขามีความรู้และไม่ตัดสินอะไรง่ายๆ แบบที่คนทั่วไปชอบฟันธงเรื่องต่างๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้พิสูจน์
รถใกล้สถานี BTS เข้าไปทุกที “จะถึงแล้ว ผมขอแอ้ดไลน์แทนเอาไว้ก่อนนะครับ”
“รบกวนหน่อย” ผมส่งมือถือให้เขาเขาหยิบมือถือผมไปแอ้ด
“แต่ผมคิดว่า สาเหตุเพราะโลกร้อน” เขาพูดขณะส่งมือถือคืน "เพราะโลกร้อนแน่ๆ" เขาย้ำ
ผมจอดที่ฟุตบาทตรงบันใดเลื่อน “เอาไว้ผมโทรหานะครับ อยากรู้เพิ่มเติม วันนี้ ขอบคุณมากๆ
"อ้อ มีข้อมูลอะไร รบกวนช่วยส่งให้ผมด้วยนะ” ผมพูดจบ เขาพยักหน้า
ผมโบกมือให้เขาผ่านกระจกรถ เขาโบกลาตอบ
. แทน ลงไปแล้ว ผมยังคิดต่อ... มนุษย์กำลังทำลายมนุษย์กันเอง ด้วยการสร้างภาวะโลกร้อน
รถเต็มไปด้วยถนน แถวออฟฟิตผมเต็มไปด้วยโรงงาน ยิ่งฃนานไปยิ่งเพิ่มขึ้น โอ้ เมนุษย์เราคงหลงลืมอะไรไป
ลืมความฉิบหายที่จะเกิดขึ้น เพราะไม่มีการควบคุม....
ผมเปิดวิทยุฟังข่าว อยากดูไลน์เหลือเกิน แต่ว่ายังขับรถอยู่ กลัวว่า.... ปัง!! อ้าว .. โตโยต้าข้างๆ ชนท้ายฮอนด้า
ผมเหลือบไปเห็นสาวขับโตโยต้า พึ่งเงยหน้าจากมือถือ คงจะดูไลน์นี่เอง...
เฮ้อ... ถ้าเป็นวันก่อน ผมคงคิดตำหนิไอ้คนเล่นมือถือขณะขับรถ แต่วันนี้ผมไม่คิดอะไรแล้ว
.
โลกร้อน โลกร้อน โลกร้อน ...ในหัวผมเหมือนเอียเวิร์ม คืออาการคิดวนเวียนกับคำนี้ๆ
ราวกับเพลง I Have a pen ที่ร้องวนๆ อยู่ในหัว เมื่อปีก่อน
โลกร้อน ...เรื่องที่เคยฮิตพูดกันหลายปีก่อน แต่เดี๋ยวนี้มันเงียบไปแล้ว
และวันนี้เองที่มันแผลงฤทธ์ละ !!
.
ข่าวจากวิทยุก็เต็มไปด่วยเหตุการณ์เมื่อเช้า แต่ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ... และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะไทย !!!
มีบางข่าวบอกว่า มีคนเห็น UFO ด้วย !! ผมนึกขำน้อยๆ ออกแนว ฮึๆ ไอ้ที่ว่ามนุษย์ต่างดาวนี่ สงสัยจะเป็นแบบหนัง ID 4
เอ๊ะ แต่ถ้ามันจริงล่ะ... ผมหยุดขำ เริ่มคิดแตกประเด็นอีกแล้ว
แล้วคำถามที่รอคำตอบเกิดขึ้นราวกับฟองน้ำปุดๆ เวลาน้ำเดือด
มันคือโลกร้อนใช่ไหม / หรือมนุษย์ต่างดาว / มันจะเกิดขึ้นอีกไหม / เกิดอีกเมื่อไหร่ / จะแรงกว่านี้ไหม / เราจะตายไหม
และเราจะแก้ไขยังไงล่ะ ...??? ผมพึ่งรู้ตัวว่า มีเหงื่อซึมๆ ทั้งๆ ที่เปิดแอร์อยู่
ผมเร่งให้ถึงออฟฟิตเร็วๆ จะได้อ่านไลน์ และเว็บต่างๆ ...
..........
ไม่มีความเห็น