ผมทำงานตามปกติ..ในแบบฉบับของผม ซึ่งไม่รู้สึกลำบากหรือผิดปกติ ที่สำคัญ คือไม่ได้ผิดระเบียบแต่อย่างใด..
ครั้งหนึ่ง..เคยเป็นผู้บริหารโรงเรียนในระดับกลาง ๆ เวลาที่ครูผู้ทำหน้าที่การเงิน ไปธนาคาร..ที่อำเภอ ก็จะฝากครูข้างห้องให้ช่วยดูเด็ก และแน่นอนที่สุด เด็กนักเรียนก็จะได้เรียนรู้ไม่เต็มที่..
เจ้าหน้าที่การเงิน..ต้องไปธนาคารทุกสัปดาห์ อย่างน้อยก็ ๕ วัน/ครั้ง เพื่อเบิกเงินอุดหนุนและเงินในโครงการอาหารกลางวัน..
ทำไม?..ไม่ให้ธุรการโรงเรียนไปเอง ตอบได้เลยครับ เพราะไม่มีธุรการตัวจริง ธุรการจริงๆ จะมีอยู่ในโรงเรียนบางโรงเท่านั้น
และครูธุรการ..จะไม่มีอำนาจเบิกเงิน ถ้าผู้บริหารไม่ได้มอบอำนาจ หรือไม่ให้มีชื่ออยู่ในระบบบัญชีของธนาคารนั้นๆ
ผมมาอยู่โรงเรียนขนาดเล็กเกือบ ๑๒ ปีแล้ว มาอยู่ปีแรก ผมก็ปรับเปลี่ยนระบบทันที ให้มีชื่อผู้มีอำนาจเบิกเงินจากธนาคารฯอย่างน้อย ๒ คน.ผมเป็นหนึ่งในนั้น
บัญชีธนาคาร..ของโรงเรียน..ประกอบด้วย..เงินอุดหนุนการศึกษารายหัว..เงินโครงการอาหารกลางวัน และเงินรายได้สถานศึกษา
เงินอุดหนุนการศึกษา..จะมีเงินมากที่สุด มากกว่าทุกบัญชี เพราะมีงบประมาณหลายก้อนรวมกันอยู่ ส่วนใหญ่จะเป็นงบประมาณ”เรียนฟรี”
ทุกวันนี้..การเงินและงบประมาณ ตรวจสอบได้ง่ายมาก ว่าใช้ไปเท่าไหร่ ใช้ไปในเรื่องใด และใช้เมื่อใด โดยฝ่ายตรวจสอบภายในของเขต จะขอดูหลักฐานทุกเดือน
หลักฐานในที่นี้ก็คือ..รายงานเงินคงเหลือของทุกเดือน พร้อมภาพถ่ายเอกสารบัญชีธนาคารหน้าสุดท้ายของแต่ละเล่ม ที่มีเงินเคลื่อนไหว...
และช่วง ๑ – ๒ ปี..ฝ่ายตรวจสอบภายในจะเข้าตรวจงานทะเบียนและบัญชีของทุกโรงเรียน เพื่อดูเอกสารหลักฐานการซื้อและการจ้างทั้งหมด
ดังนั้น..ในยุคนี้..การเงินของโรงเรียนต้องยึดระเบียบและทำให้ถูกต้อง รวดเร็วและโปร่งใส..จึงจะไม่เกิดปัญหาต่อบุคคลและองค์กร..
วันนี้..ผู้จัดการธนาคาร..คนใหม่..ทักทายผม พอทราบว่าผมเป็นผู้บริหารโรงเรียน ท่านรู้สึกแปลกใจที่ผมทำหน้าที่เบิกเงินเอง ส่วนใหญ่ท่านจะพบว่า..เป็นครู
ผมอธิบายสั้นๆ ให้ท่านเข้าใจว่า..ทำตามระเบียบทุกอย่าง และมีอำนาจเบิก ที่สำคัญต้องการมาเอง..เพื่อให้ครูอยู่กับเด็ก ทำหน้าที่สอนในห้องเรียนให้เต็มที่..
ในฐานะผู้บริหาร คิดว่าน่าจะทำหน้าที่นี้ได้เป็นอย่างดี มีความรอบคอบและคล่องตัวกว่าครูผู้สอน..
ผมทำในทางตรงกันข้ามกับที่สังคมวิจารณ์การศึกษาในยุคปฏิรูป ที่มองว่า..ครูทำหน้าที่เพื่อหน้าที่น้อยเกินไป..ครูเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องมากเกินไป..
รวมทั้ง..ผู้บริหารโรงเรียน..ควรแบ่งเบาภาระครูบ้างไม่มากก็น้อย มิใช่มีหน้าที่ออกคำสั่งและเดินทางไปประชุมอย่างเดียว..อันนี้ คือบทสรุปของการศึกษาไทย..
ผมทำหน้าที่แทนครูมาสิบกว่าปี..ถ้าเป็นงานวิจัย ก็ถือว่าได้ผลดี เป็นเป็นตามวัตถุประสงค์หรือสมมุติฐานที่ตั้งไว้ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ..
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ในภาพรวมสูงขึ้น การอ่านการเขียนดีขึ้นเป็นลำดับ..ครูไม่รู้สึกเบื่อหน่ายในงานการเรียนการสอน และผู้ปกครองพึงพอใจ
วันนี้..ทางร้านเครื่องเขียนก็ทักว่า ผอ.เหนื่อยแย่เลย ต้องมาสั่งของที่เป็นสื่อการเรียนการสอนให้ครู ในโครงการพัฒนาคุณภาพฯตามแผนปฏิบัติการฯ
ผมก็เลยบอกผู้จัดการร้านค้าให้เข้าใจว่า ครูเขาทำเรื่องจัดซื้อเองและเขียนใบสั่งซื้อกันเอง ผมแค่บริการมาส่งให้ที่ร้าน..ครูจะได้ไม่ต้องเดินทางมาด้วยตนเอง
เรื่องที่ผมทำแบบนี้..เพราะทำแล้วสบายใจ ทำแล้วไม่ต้องลำบากใจ ไม่ต้องคิดว่าทำมากทำน้อย ได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่ต้องคิดเรื่องเกียรติและศักดิ์ศรี ตลอดจนไม่ต้องยึดติด..
ผมคิดว่า..การเปลี่ยนวิธีคิด ไม่ได้ทำให้ชีวิตเปลี่ยนอย่างเดียว องค์กร..ก็เปลี่ยนด้วย
ชยันต์ เพชรศรีีจันทร์
๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑
ไม่มีความเห็น