ฉันใส่ชุดนอนพร้อมออกเดินทางไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ลงมาถาม Font ว่าจะไปตลาดสดไปอย่างไร
แผนของฉันคือใช้เวลาส่วนตัวประมาณ 1.30 ชม. และกลับมาโรงแรมเพื่ออกเดินทางพร้อมเพื่อนในเวลา 09.00 น.
น้องตอบ : รถสองแถว ฉัน : มีวินไหม
น้องสบตาฉันแล้วถามว่า : พี่ขี่มอไซด์เป็นไหม ฉัน: สบาย
น้อง: อ๊ะ-พี่ เอากุญแจไป แถมตามมาส่งถึงรถดูหมวกกันน๊อคให้ แล้วบอกทาง
ฉัน: เอาบัตรประชาชนไว้ไหม....ค่าเช่าหล่ะ น้อง: ยิ้ม-ไม่....ไม่คิด
ฉัน: ยิ้มมมมมมมมมกว้างงงงงงง โบกมือบ๊ายบาย แล้วบอก... เดี๋ยวพี่มา
นานแล้วไม่ได้ขี่มอไซค์ การขี่มอไซค์ได้นี่ถือเป็นสมรรถนะ ระดับ A+ ของการท่องเที่ยวเลยนะ...มันทำให้เรามีโอกาสมากกว่า
ฉันรู้สึกตื่นเต้น จังหวัดทางใต้นะเฟ้ย มีแต่ชาวมุสลิม สตูลเป็น 1 ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้บ้างก็มีข่าวในทางไม่ดีโผล่มา (จริงๆ มันมีแค่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้)
ถนนหนทางก็ไม่คุ้น แต่ฉันก็เร่งเครื่องออกตัวรถ...ยังไงก็ยังไง มาแล้วนี่นะ
มอเตอร์ไซค์พาฉันผ่านไปมัสยิดใหญ่กลางเมือง ศูนย์รวมของชาวมุสลิม สัมผัสได้ถึงจิตวิญญาณ
จากสารสนเทศที่อ่านพบว่า สร้างตั้งแต่สมัยเจ้าเมืองสตูล โดยช่างจากมะละกา
ผ่านมาถึงสามแยกศาลเจ้า เห็นชาวบ้านรอตักบาตรพระอยู่หน้าบ้าน เป็นภาพที่คุ้นชินในวัยเด็ก แต่ห่างเหินไปในปัจจุบัน
แวะศาลเจ้าจีน เจอพี่ผู้ชายมีอายุหน่อยกวาดลานอยู่ เพื่อดูว่าไม่เป็นการบุกรุก ฉันเอ่ยปากว่า หนูมาทำบุญค่ะ
แล้วก็เดินเข้าไปในศาล ฉันรู้สึกกังวลเล็กน้อย ด้วยความแปลกถิ่นและศาลเจ้าช่วง 6 โมงเช้านั้นเงียบนักแล
คุณพี่คนนั้นเดินตามมา ไถ่ถามและอำนวยความสะดวกให้ฉันในการจัดธูปและปักธูปไหว้เจ้า
ซึ่งตามธรรมเนียมจีนนั้นมีขั้นมีตอน ไหว้ 7-9 จุดนี่แหล่ะ ธูปเกือบ 30 ดอก
จึงเป็นการมีน้ำใจอย่างมากที่พี่เค้ายอมละทิ้งงานที่ทำอยู่มาช่วยดูแลฉัน
เวลาที่จำกัดฉันจึงล่ำลาพี่ที่เฝ้าศาล พี่เค้าออกมาส่งหน้าศาลเจ้าแล้วบอกทางไปตลาดให้อีกครั้ง
ระหว่างทางบ้านเรือน ร้านค้ายังไม่เปิด ดูเป็นเมืองสำหรับคนเดินช้า รถราไม่เยอะ
ถึงตลาด ฉันจอดรถลงและมีความกลัวในใจว่า จะจอดอะไรยังไง เฮ้ยรถของฉันจะเป็นไบค์บอมพ์ไหม๊....จะจอดตรงไหนดี
ความคิดแบบนั้น มังคงทำให้ฉันคงเป็นบ้าไปแล้ว....คนที่นี่อยู่อย่างสงบ ฉันแค่ผ่านมา
...ก็ทำใจให้สงบ คิดได้ดังนั้นก็ล๊อครถ ยิ้มให้คนที่ผ่านไปมา แล้วเดินเล่นตลาด
มุมมองจากหลังตลาด มองเห็นชุมชนที่สงบ อากาศเย็นสบายในเช้าแห่งวัน
ตลาด คือ การเป็นอยู่คือ ของปรุงสุก ของสด น่าสนใจมาก
ปลาซาบะย่าง พร้อมน้ำจิ้ม ขายตัวละ 50-60 บาท สดใหม่...พ่อค้าปากหวาน
สาหร่ายทะเล ที่เวลาจะกินเอามาล้างน้ำสะอาด แล้วกินกับน้ำจิ้มซีฟู้ด...แม้ไม่เคยกินแต่แค่ฟังก็น่าสนใจ
รายการนี้ไม่ได้มีของทุกวัน มีขายเป็นบางวัน
ดอกกระเจี๊ยบสีสันสดใส ทำให้ตลาดเช้าน่าเดินมากขึ้น
แม้มีเวลาน้อยแค่ชั่วโมงกว่าๆ ฉันก็ดีใจที่ได้มาสัมผัส ตลาดเช้าแห่งสตูล
เดินดูของสดก็เพลินดีนะ ของทะเลเยอะ แถมผู้คนดูมีอัธยาศัย
แมงดานา มีมากเหมือนอีสานบ้านฉัน
ลูกเหนียงงอก เอาไปกินกับน้ำพริก หรือขนมจีน พบได้ทั่วไปในจังหวัดภาคใต้...วัตถุดิบสัมพันธ์กับวัฒนธรรมการกิน
ฉันขอใช้เวลาให้คุ้ม ด้วยการลิ้มลองอาหารปรุงขายสำเร็จที่ชาวบ้านร้านตลาดเค้าซื้อกิน
มองหาของกินแบบนั่งกินในตลาด ฉันเห็นไม่มากนักหรือเดินไม่ทั่ว อยากกินกาแฟ-ชาร้อนกะปาท่องโก๋ แต่โต๊ะเต็ม
ฉันเดินต่อมาเจอแม่ค้าขนมครก ที่มันกะทิได้ใจ แคะจากเต้ากะทะร้อนๆ จิ้มน้ำตาลทราย
ฉันยืนกินหน้าเตาไป 2คู่ แม่ค้าบอก...กะทิแท้นะหนู ไม่ปนแป้ง
จริงคะ มันนุ่มและหอม ฉันซื้อไปฝากน้องที่โรงแรมอีก 2 กระทง
ระหว่างนั้นก็แคะขายให้ลูกค้ามือเป็นระวิง พร้อมคำทักทายสารทุกข์สุขดิบ....ที่ตอนนี้ไม่ค่อยพบเห็นในเมืองใหญ่...เพราะคนเมืองใหญ่ไม่รู้จักกัน
ฉันซื้อขนมครกแบ่งให้ไอ้ดำไปอีก 2 คู่ ด้วยสายตาออดอ้อน...มันสุภาพมาก แต่แม่ค้าก็ส่งเสียงไล่ให้เพราะกลัวรบกวนลูกค้า
ฉันไม่กลัวหมา แต่กลัวโรคพิษสุนัขบ้า
แวะทานข้าวยำจานเล็กๆ อีกจานนึง แล้วก็รีบจรลี กลับไปโรงแรม เพราะจะ 8 โมงแล้ว
ความเก่งกาจของฉันต้องจบลง เมื่อจากตลาดจะกลับโรงแรม แล้วมาเจอวันเวย์ 5555 แบบเคยมาทางไหนก็จะกลับทางนั้น
เมื่อเห็นวันเวย์ชักแปลกตา เกิดอาการไม่มั่นใจ เลยต้องถามรถมอไซค์ที่จอดติดไฟแดงที่อยู่ข้างๆ
เค้าหันมามองแปลกๆ แล้วบอกตามผมมา...5555+
ฉันก็ใจง่ายขับตามมา เมื่อเจอหอนาฬิกาเท่านั้นฉันก็อ๋อ มอไซค์ที่นำมาก็ชี้มือกลับให้ ไปทางโน่น #คนสตูลใจดี
ก่อนกลับฉันแวะเติมน้ำมัน 20 บาทเติมไหมคะ เค้าบอกเราเติมขั้นต่ำ 30 ค่ะ ฮร่า
นับว่าฉันเป็นคนมีมรรยาท ยืมรถเค้ามาใช้...อย่าให้เจ้าของรถต้องเดือดร้อน
ระหว่างทางกลับ ขอแวะศาลากลาง ที่เห็นตั้งแต่วันที่มาพิพิธภัณฑ์แล้ว
สตูลยังรักษาอาคารหลังเก่าไว้ ส่วนหลังใหม่สร้างต่อไว้ด้านหลังดูสวยงามดี เลยแวะไปแชะรูปไว้เป็นที่ระลึก
ก่อนจะเหยียบคันเร่งด้วยความเร็ว 40 กม/ชม. กลับโรงแรม
นำรถมาคืน ตอนนี้ 8.15 ฉันรีบขึ้นไปอาบน้ำและเก็บกระเป๋าลงมาในเวลา 08.40 น.
5555+ ยังไม่บอกใช่ไหมคะว่าฉันเป็นคนอาบน้ำแต่งตัวเร็ว
ขึ้นรถโค้ทเพื่อเดินทางกลับ ฉันยังรู้สึกได้ถึงสายลมเย็นๆ ในช่วงเช้าที่พัดผ่านตัวฉัน รอยยิ้มของชาวเมืองที่ฉันแว๊นส์มอไซด์ผ่าน กลิ่นควันธูปและไมตรีของคนที่ศาลเจ้า เรื่องราวที่ฉันพูดคุยกับแม่ค้าขนมครก คำแซวของพ่อค้าย่างปลาซาบะ สายตาขี้อ้อนของเจ้าดำและคำไล่ที่เจือด้วยความปราณีของแม้ค้า ไป๊ดำไป อย่ากวนลูกค้า .... และน้ำใจของน้องๆพนักงานของ The one Hotel อย่างนี้ไม่เรียกว่า ฟิน จะเรียกว่าอะไร
ไม่มีความเห็น