บทความจากรายการวิทยุ Human Talk ประจำวันที่ 6 พฤษภาคม 2561


ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับแฟนแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันไม่ถึงอันตรายแต่เขาต้องไปผ่าตัด อายุ 76ปีแล้ว แต่บางคนอายุเท่านี้ก็ยังแข็งแรงอยู่น่าจะเป็นเส้นเลือดในสมองแตกหรือข้างแต่เขาก็บอกว่า ปลอดภัยเข้าโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว แม้ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ จะไม่ใช่แฟนแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดแต่ติดตามการแข่งขันของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเสมอเพราะเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เป็นแบรนด์ของโลกและประสบความสำเร็จ เป็นโค้ชที่มีความสามารถหลายอย่าง ท่านตัดสินใจลาออกก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไร ยังไม่ได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกหลายปีแล้ว จบไปแล้วท่านก็ไปเขียนหนังสือ ตามปกติคนเขียนหนังสือน่าจะเป็นนักเขียนหรือนักวิชาการแต่นักกีฬาทำได้ในขีดจำกัด ที่ฮาร์วาร์ดก็ต้องเรียนหนังสือเล่มนี้ด้วย คนก็คิดว่าศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เป็นนักกีฬาเก่าแต่ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ก็เล่นกีฬาบ่อย บางคนที่ไม่รู้จักศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ก็นึกว่าศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เป็นหนอนหนังสือ ถูกมองว่าเป็นนักวิชาการโตมาที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จริงๆแล้วกีฬาช่วยได้มาก อยากฝากบทเรียนเพราะพูดถึงเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ก็ไปค้นมาว่าศักยภาพของเขาที่ทำงานประสบความสำเร็จมีเรื่องอะไรบ้าง แลกเวลาที่เขาบริหารทีมของเขาไม่ได้บริหารแค่กีฬาในสนามแต่รวมถึงนอกสนามด้วยเวลาที่เขาได้เด็กเก่งมา บางคนอายุแค่ 18 ปีก็ซื้อรถปอร์เช่ได้แล้ว เด็กได้เงินเร็ว เขาจึงติดตามมองไปดูว่าเด็กพวกนั้นทำอะไรเมื่อซ้อมเสร็จ ถ้ากินเหล้ามาก ก็ไม่ประสบความสำเร็จ น่าสนใจสำหรับ Coach ในเมืองไทย เวลาฝึกเด็กแทนที่จะฝึกแค่ในสนาม ก็ต้องฝึกนอกสนามด้วย การดูความสำเร็จของมนุษย์จะดูแค่ที่ทำงานไม่ได้ ต้องดูว่าตอนเลิกงานแล้วเขาทำอะไร คนเราต้องมีความสมดุล มีความสุขที่บ้านแล้วก็ไปที่ทำงานด้วย ก็จะทำงานประสบความสำเร็จ ถ้ามีความทุกข์ อยู่บ้านก็เถียงกับลูกและเมียก็ไม่มีความสมดุลในชีวิต งานก็สำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ชอบมากที่เขาบอกว่า เขาเป็นผู้นำที่ไม่ได้สอนกีฬาแต่เขาเป็นผู้นำที่จะสร้างแรงบันดาลใจสำคัญมาก เวลาศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ไปพูด ถ้าศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ไม่สามารถสร้างบรรยากาศให้คนที่เขาอยากเป็นลูกศิษย์ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ มีพลังขึ้นมางานของศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ที่ทำอยู่ก็ไม่สำเร็จเพราะคนไม่สนใจ ถ้าเขามีพลังอยากสร้างความรู้สึกใหม่ ตื่นเต้นกับการที่เราได้เป็นอาจารย์ลูกศิษย์กัน นี่คือข้อแตกต่างระหว่างอาจารย์ที่น่าเบื่อกับอาจารย์ที่มีพลังกับการดึงเอาความเป็นเลิศของเขาออกมา เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันสนใจเรื่องแรงบันดาลใจมาก

คุณวิชัย วรธานีวงศ์ กล่าวว่า เขาเป็นตัวจริงของการเป็นครูคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นครูในหน้าที่ตำแหน่งแต่เป็นครูในชีวิตจริงเพราะความสำเร็จของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันดูแลอยู่นั้น วินัยของนักเตะกลายเป็นตัวอย่างที่ดีของหลายๆทีม

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ กล่าวว่า หนังสือของเขาแม้จะหลายปีแล้วก็มีแปลภาษาไทย นักกีฬาที่เก่งวันนี้ นอกจากรายได้สูง มีรถสวย แฟนสวยก็ควรจะอ่านหนังสือบ้าง ถ้าเขาได้อ่านหนังสือบ้าง ก็เป็นความสุขของเขา กีฬาของเราก็จะยั่งยืน โค้ชที่ดีก็ต้องอ่านหนังสือ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เองก็ได้ประโยชน์จากการที่เป็นนักกีฬาสมัยศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อยู่เทพศิรินทร์ วันนี้ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ยังศึกษาเรื่องกีฬาอยู่เป็นประจำ ศึกษามาแล้วก็ต้องแบ่งปันความรู้ ขอแสดงความเสียใจด้วย แต่หวังว่าท่านคงหาย แต่ว่าการผ่าสมองก็ต้องทำให้ทัน ท่านจะกลับมาเหมือนเดิมหรือเปล่าก็ไม่ทราบ เส้นโลหิตในสมองแตก

คุณวิชัย วรธานีวงศ์ กล่าวว่า แม้ว่าผ่าสมองแล้วจะไม่เหมือนเดิมแต่ก็ยังได้ใช้ชีวิตบั้นปลายให้นานกว่านี้สักหน่อย

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ กล่าวว่า ก็ขอให้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันหายเร็วๆ เพิ่งผ่านิดเดียว 

อาทิตย์ที่แล้วก็ได้ไปประชุมที่เขื่อนป่าสัก ที่ลพบุรี คนที่เชิญศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์  ก็เป็นผู้ใหญ่ที่นานๆก็เชิญทีหนึ่ง ศ.ดร.จีระหงส์ลดารมภ์ก็นำลูกน้อง ไป 3 คน เมื่อไปถึงก็ไปเจอผู้บริหารของอาชีวะ วันนี้อาชีวะบางแห่งก็เรียนปริญญาตรีแล้วก็เป็นทั้งดีและเสียเพราะว่าบางทีทำทางด้านวิชาชีพยังไม่ดีแต่ว่าเดี๋ยวนี้เขาเรียกตำแหน่งนายกสภาเหมือนมหาวิทยาลัยมีนายกสภาของอาชีวะหลายแห่งมีผู้อำนวยการมาพบกับศ.ดร.จีระหงส์ลดารมภ์ จำนวนประมาณ 100 กว่าคน ขอให้ศ.ดร.จีระหงส์ลดารมภ์ พูดถึงเรื่องอนาคตอาชีวศึกษาซึ่งจะต้องทำงานร่วมกับต่างประเทศเขามองดี และเขาก็รู้ว่า ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เคยเป็นประธานเอเปคเคยเดินทางไปต่างประเทศ ทำงานทางด้านต่างประเทศมาก่อน จึงอยากสรุปให้ฟัง 2เรื่อง กรณีศึกษา 2 เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาชีวะโดยตรงแต่ถ้าวิจารณ์ออกมาแล้วก็อาจจะเกี่ยวอันแรกก็คือสมัยพระนารายณ์ การบริหารแผ่นดินของท่านใช้ต่างประเทศเป็นหลัก ซึ่งศ.ดร.จีระหงส์ลดารมภ์ ก็ไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้แต่ว่าก็ได้ทราบว่ามีชาวต่างประเทศมาช่วยงานท่านแล้วก็มีหลายคนบอกว่า การปฏิรูปในยุคนั้น ก็ได้ความร่วมมือของชาวต่างประเทศทำให้เราสำเร็จไปหลายด้านด้วยกัน เพราะฉะนั้นสมัยพระนารายณ์ก็มีความสำเร็จ ตอนที่ศ.ดร.จีระหงส์ลดารมภ์ เริ่มเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนนั้น ดร.ป๋วยอึ๊งภากรณ์ยังเป็นคณบดีอยู่ท่านได้นำอาจารย์ที่มีความสามารถมาจากต่างประเทศมาเป็นอาจารย์ประจำช่วยสอนช่วงหนึ่งถึง5-6 คน  ตอนนั้น ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เป็นอาจารย์รุ่นใหม่จึงได้มีโอกาสได้ไปคุยกับเขา ทำให้ได้เปรียบเทียบว่า เขาเก่งอะไร เรามีความสามารถอะไรบางครั้งก็ไปเล่นกอล์ฟด้วยกัน บางคนเกษียณไปนานแล้วแต่ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ฉลาด ช่วงนั้นมีโครงการปริญญาโทภาคภาษาอังกฤษ แล้วต้องเขียนวิทยานิพนธ์คล้ายปริญญาเอกด้วยในประเทศไทยยุคนี้ แม้จะเจริญขึ้นมา แต่ก็ไม่ควรละเลยที่จะนำต่างประเทศเข้ามาการที่เราจะไปเชื่อมโยงกับต่างประเทศมีปัจจัยที่สำคัญหลายเรื่อง ศ.ดร.จีระหงส์ลดารมภ์ จึงได้กระตุ้นให้เขาคิด สรุปได้ 3 เรื่องดังนี้

ต้องมีโอกาสสร้าง Network กับเขา เช่น กระทรวงศึกษาธิการหรืออาชีวศึกษาก็ต้องมีคนที่รู้จักสถานทูตต่างๆเช่น เกาหลี อังกฤษ อเมริกา แล้วก็มาดูงานที่ประเทศไทยถ้าเรามีอาชีวศึกษาที่มีคุณภาพ ถ้าเราไม่รู้จักเขา แล้วเขาจะมาช่วยเราได้อย่างไรเราก็ต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน สมัยที่ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อยู่ที่สถาบันทรัพยากรมนุษย์ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ได้รับเชิญไปพบกับคนเหล่านี้อยู่แล้วเพราะเราอยู่ในแนวทางที่เขารู้จักเรา ความจริง สถานทูตต่างๆในกรุงเทพถ้าอาชีวะอยู่ต่างจังหวัดก็ไม่ได้หมายความว่า ไม่เกี่ยวข้องกับสถานทูต อันที่จริงแล้วนักการทูตยุคใหม่ก็อยากจะมีความร่วมมือกับสถาบันเหล่านี้ นี่เป็นสูตรของศ.ดร.จีระหงส์ลดารมภ์ เรียกว่าผู้นำยุคต่อไปต้องมีทุนทางสังคม Social Capital หรือ networking เวลาไปสอนเขา เขาก็คิดว่าไม่เกี่ยวกับเขา ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ คิดว่ามันมีการประชุมในโลกมากมายเช่น การประชุมอาเซียน ประชุมเอเปค เราก็อาจขอข้อมูลกระทรวงการต่างประเทศว่าเขามีการประชุมเรื่องนี้ยังไง ถึงเราไม่ของบประมาณเขาเราก็มีงบประมาณส่งตัวแทนไปประชุม สมัยศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อยู่ธรรมศาสตร์ ศ.ดร.จีระหงส์ลดารมภ์ ได้โครงการต่างประเทศแบบนี้มากมาย ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ร่วมประชุมกับเขาศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ไม่รอให้เขาเชิญ แต่ขอเขาไป เราก็นำเงินของมหาวิทยาลัยไปพอไปแล้ว ก็ได้แต่เห็นว่า เขาทำอะไรกัน เขามีโครงการอะไร ถ้าเราไม่รู้จักเขาแล้วเขาจะมารู้จักเราได้อย่างไร

คุณวิชัย วรธานีวงศ์กล่าวว่า เราต้องเป็นฝ่ายเดินหน้าไป

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์กล่าวว่า ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ก็เลยเล่าให้เขาฟังว่ามันมี 2ช่วงคือช่วงก่อนที่เขาจะมารู้จักเรา กับช่วงที่เรารู้จักเขาแล้วและจะทำโครงการร่วมกัน อย่างวันนี้ ก็มีโครงการที่เกิดขึ้นแล้ว อย่างธุรกิจ เช่น Hondaหรือธุรกิจอื่นๆ ที่มีความต้องการแรงงานอาชีวะก็มาร่วมกันแบบทวิภาคีแต่ยังมีอีกมากมายที่ต่างประเทศมี อาชีวะที่เยอรมนี อาชีวะที่ตะวันออกกลางเรื่องพลังงานและเรื่องต่างๆเราต้องเชิญเขาเข้ามาแล้วก็มีความสัมพันธ์เป็นสัญญาร่วมกันแล้วก็ทำให้มันเกิดผลขึ้น เพราะยุคต่อไป ยุคโลกาภิวัฒน์นี่อาชีวะของเราต้องมีทักษะภาษาต่างประเทศดีด้วย แล้วก็ต้องทำให้นักเรียนไทยทันสมัยไม่ใช่เป็นช่างกลึงอย่างเดียวแล้วก็รู้เฉพาะเรื่องช่างความจริงรัฐบาลนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชาก็เอาจริงเรื่องการศึกษามันอยู่ที่ทัศนคติของผู้นำ วันนี้คนที่เป็นผู้นำ เช่นเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาจะทำตัวแบบไหนถ้าเขาทำตัวเป็นผู้นำและสามารถเน็ตเวิร์คกับคนนอกได้สนับสนุนสภามหาวิทยาลัยของอาชีวะในกรณีที่เขาต้องการความช่วยเหลือจากศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์  ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ก็ยินดีจะแนะนำเขาเพราะต้นทุนของศ.ดร.จีระหงส์ลดารมภ์ ไม่แพง ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ รู้จักเขาอยู่แล้วบางทีผู้อำนวยการเหล่านี้ก็มองอะไรที่มันแคบ บอกว่าอาชีวะของฉันอยู่ในประเทศแต่การที่เขาตั้งโจทย์นี้ขึ้นมามันเป็นการเปิดประเด็นบางประเด็นทำให้เขาได้เปิดโลกทัศน์ จริงๆแล้วกระทรวงศึกษาของเรา มันอยู่ที่โลกทัศน์ต้องกว้างขึ้น เรื่องนี้น่าจะมีความสำคัญต่อประเทศไทยต่อไป

คุณวิชัย วรธานีวงศ์กล่าวว่า น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ ไม่ได้มีการส่งเสริมอาชีวศึกษาอย่างจริงจังไปให้ความสำคัญกับใบปริญญาบัตร ทำให้ประเทศไทยขาดช่างฝีมือมากมาย ช่วงที่ประเทศต้องการช่างฝีมือต้องการคนเก่ง แต่แรงงานสายอาชีพกลับมีไม่พอ เพราะฉะนั้น ณวันนี้ยังไม่สายถ้าหากผู้บริหารอาชีวะหันมาเป็นผู้นำแบบ 4.0ที่ทำตามที่อาจารย์บอกแม้ไม่ได้ทำตามที่อาจารย์บอกแต่ก็เชื่อมั่นว่าจะสามารถยกระดับพัฒนาคุณภาพอาชีวะของไทยได้คนไทยเก่ง เด็กไทยเก่ง ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้ชาวต่างชาติมากมายทึ่ง

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์กล่าวว่า ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ช่วยอาชีวศึกษามานานแล้วตั้งแต่อยู่ที่ธรรมศาสตร์คือ ทัศนคติของเขายังคงเป็นระบบราชการเพราะเรายังอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการในโอกาสที่เขาเปิดกว้าง ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ก็จะเข้าไปได้เป็นครั้งคราวอันนี้อาจจะไปกระตุ้นเขาว่า มันมีความร่วมมืออยู่มากมายแล้ว สุดท้ายศ.ดร.จีระหงส์ลดารมภ์ ได้แนะนำเขาอีก 2 อย่างสมมุติว่ามีการร่วมมือขึ้นมาจริงๆสิ่งสำคัญที่สุดคือความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันเรียกว่าทฤษฎี เรียกว่า Trustความไว้เนื้อเชื่อใจกันว่าเราชนะด้วยกันทั้งสองฝ่าย เขาก็ช่วยเรา เราก็ช่วยเขาผลประโยชน์ตอบแทนคล้ายๆ mutual benefits การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจกันและกันทำให้เกิดความยั่งยืนเรื่องนี้ก็สำคัญ ส่วนอีกอันหนึ่ง วันนี้เราต้องแสวงหา Value Diversity คือการที่มีต่างประเทศเข้ามาเขาก็จะมีมุมมองที่หลากหลายไม่เหมือนกับเราฉะนั้นเราต้องมีสิ่งที่เรามีและสิ่งที่เขามีมาร่วมกันความจริงการศึกษาไทยยุคต่อไป มันอยู่แบบเดิมไม่ได้อยู่ในกะลาครอบหรือ InsideThe box ไม่ได้ และต้องอยู่นอกกรอบ คนที่เชิญศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ อดีตเขาเป็นนักการเมืองชื่อคุณอุบลศักดิ์บัวหลวงงามท่านเป็นนักการเมืองคร่ำหวอดแต่เนื่องจากท่านจบนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ท่านก็เลยเห็นศ.ดร.จีระหงส์ลดารมภ์ ทำงานต่อเนื่องที่สถาบันทรัพยากรมนุษย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่านให้ศ.ดร.จีระหงส์ลดารมภ์ ไปแนะนำเขาว่ามีความเห็นอย่างไรบางเรื่องที่เราคุยกันก็เป็นประโยชน์ต่ออาชีวศึกษาเพราะฉะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในอนาคตของการศึกษาไทยมันทำได้แต่ว่าทำเป็นหรือเปล่า เพราะว่าวันนี้โลกไร้พรมแดนอันนี้เป็นกิจกรรมที่เป็นกรณีศึกษา สุดท้ายจริงๆ หลักสูตร 2 หลักสูตรที่ศ.ดร.จีระหงส์ลดารมภ์ เล่าให้ฟัง เต็มหมดแล้วโครงการนี้มีคนมาร่วมประมาณ 60 คนเราจะไปทำสองอย่าง หนึ่งคือเรื่องศาสตร์พระราชาพูดถึงเรื่องความยั่งยืนแล้วก็เอาเรื่องเศรษฐกิจ 4.0 ไปดูงานด้วยกันและวิธีการเรียนของศ.ดร.จีระหงส์ลดารมภ์ เหมือนเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันที่สร้างแรงบันดาลใจ เขาได้คิดและทำ workshopร่วมกันคือใน 9 วัน เราจะปะทะกันทางปัญญาสำหรับท่านที่เป็นลูกศิษย์ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ในวันนี้แม้จะยังไม่ได้ไปก็ติดตามในคอลัมน์ของเราหรือรายการวิทยุด้วยถ้ามีโอกาส

สุดท้ายคือควันหลงจากคิมจองอึน กับมุน แจ-อิน วันเสาร์ที่ 5 พฤษภาคม 2561 ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ จึงเขียนบทความถึงเขา ก่อนจะเขียนจึงบอกว่า คนไทยน่าจะติดตามเหตุการณ์ระดับโลก ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะคนไทยเก่งในประเทศ มี Competency เฉพาะด้าน เช่น เป็นนักบัญชีที่เก่ง เป็นหมอที่เก่ง แต่ว่าความกว้างหรือ Macro บางทีอาจจะไม่มี ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ จึงกระตุ้นให้คนไทยติดตามข้อมูลข่าวสารอันนี้ ในบทความศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์  เขียนไว้ 12 เรื่อง

1.จุดเริ่มต้นมาจากกีฬาโอลิมปิก ถ้าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานำกีฬาไปแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม

2.มุน แจ-อินเคยเป็นเลขาส่วนตัวของประธานาธิบดี Roh Moo-hyun ซึ่งเคยไปพบกับผู้นำเกาหลีเหนือมาแล้วในการประชุมสุดยอดแบบนี้เมื่อ 11 ปีที่แล้ว ประสบการณ์ของเขาทำให้เขารู้ว่า เมื่อพบแล้วต้องสร้างความสำเร็จ เป็นการปรับ Mindset ของตนเอง มุน แจ-อินโชคดีที่เคยเป็นเลขาส่วนตัวของประธานาธิบดีคนนี้ จากทฤษฎีของศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ Chira Way เรียกว่า Learning from Pain ในการปรับ Mindset ต้องเรียนรู้จากความล้มเหลวเป็นหลัก

3.ยกย่องน้องสาวของคิมจองอึน ซึ่งตอนที่เขาส่งไปที่เกาหลีใต้ ผู้หญิงคนนี้ก็มีบทบาททำให้บรรยากาศการทำงานของ 2 ประเทศคือเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เป็นไปได้ด้วยดี

4.อย่าประมาทโดนัลด์ ทรัมป์ ภาวะผู้นำของเขามีทั้งดีและไม่ดี เขาเป็นผู้นำแบบ Unpredictable ไม่มีใครทายถูก วันหนึ่งพูดถึง Fire and Fury วันหนึ่งพูดถึง Little Rocketman ว่า เขาจะจัดการ เพราะปุ่มด้านนิวเคลียร์ของเขาใหญ่กว่า วันหนึ่งมาเล่นบทการทูตซึ่งโอบามาทำไม่ได้ โอบามาเหมาะเป็นนักวิชาการ แต่ไม่เหมาะเป็นผู้นำ ไม่ได้หมายความว่าทรัมป์ดีทุกอย่าง แต่ในเรื่องนี้ดี ต้องยอมรับว่า ตัวละครหลายคน เช่น สีจิ้นผิง สหประชาชาติ อาเบะ ในการผลักดันการคว่ำบาตร ทำให้บทบาทประเทศเกาหลีเหนือเริ่มเห็นด้วย

สรุปแล้ว ครั้งนี้จะไปสู่ความสำเร็จจริงหรือไม่ เพราะเกาหลีเหนือมีลูกเล่นมาก เคยมีการประชุมแบบนี้บ่อยแต่ว่า ก็เลื่อนออกไป ในความเห็นของศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ตอนสุดท้าย ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปมาก เกาหลีเหนือลงทุนไปมากแล้ว เมื่อลงมาก ความอดอยากและการคว่ำบาตรของรัฐบาลในโลกทำให้เกาหลีเหนือยากจน ประชากรก็ลำบาก ในอนาคตข้างหน้าอาจจะถึงเวลา เหตุการณ์ต่างๆก็อาจจะเปลี่ยนไปตามเวลา ถ้าทั้งสามหรือสี่ฝ่าย ในการประชุมครั้งต่อไปที่จะมีขึ้นระหว่างทรัมป์กับคิม ถ้าทุกอย่างเป็น win-win โอกาสความสำเร็จก็จะสูงขึ้น ซึ่งก็จะต้องดูกันต่อไป

คุณวิชัย วรธานีวงศ์ กล่าวว่า หวังว่าการพบกันครั้งนี้คงประสบความสำเร็จ ตอนนี้เกาหลีเหนือเริ่มยอมรับความจริง ดูประเทศจีนเป็นแบบอย่าง จีนนั้นเติบโตและยิ่งใหญ่ด้วยเศรษฐกิจ เมื่อเศรษฐกิจดี ประชาชนอยู่ดีกินดี จีนจึงมีเงินมาลงทุนในกิจการกลาโหม การที่เกาหลีเหนือมีขีปนาวุธที่รับมือกับสหรัฐอเมริกาได้เขาก็อุ่นใจในระดับหนึ่ง แต่จากนั้นไป ถ้าปล่อยสถานการณ์เป็นแบบนี้อีก ตำแหน่งผู้นำของเกาหลีเหนืออาจจะสะเทือนได้ในอนาคต เพราะฉะนั้นต้องปรับท่าทีใหม่

ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ กล่าวว่า บทความศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ ก็พยายามกล่าวว่า เกาหลีเหนือก็ต้องแน่ใจว่า คุณคิมจะอยู่ได้ แต่เขาสร้างความเชื่อมั่นโดยการซ้อมยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ ถ้าเขาจะอยู่ได้ถึง 10 ปีข้างหน้า ประชากรเกาหลีเหนือถึงจะถูกปิดกั้น แต่ถ้าไปเทียบกับมาตรฐานการครองชีพ การดำรงชีวิตของคนเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้มันผิดกันราวฝ้ากับดิน อันที่จริงแล้วคนคนเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้มีสมองไม่แพ้เกาหลีใต้ ถ้าพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ไม่ดี ก็ทำนิวเคลียร์ไม่ได้ บุคลิกของคิมจองอึนก็น่าสนใจ ในมุมหนึ่งก็เป็นคนโหดเหี้ยม ฆ่าทุกคนที่ขวางหน้าเพื่อความอยู่รอดของเขา แต่ขณะเดียวกันเขาก็เล่นบทบาทด้านสันติภาพได้ดี มีเพื่อนหลายคนและญาติพี่น้องของศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์  เวลาดูบุคลิกเขาในการประชุม เขาก็เป็นตี๋เล็กคนหนึ่งที่น่ารัก ทรงผมและการแต่งตัวของเขา การมีมารยาทของเขา เช่น วันแรกที่เดินมาพบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ก็เข้ามาในเกาหลีใต้ก่อนแล้วก็ชวนให้ประธานาธิบดีเกาหลีใต้กลับไปเกาหลีเหนือ เป็นการทูตที่เป็นผู้ใหญ่ (Mature) แม้ว่าเขาจะมีอายุ 33 ปีก็ตาม เขาก็เลยกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เราไม่ควรดูข่าวอย่างเดียว แต่ควรมีการวิเคราะห์ วิจารณ์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกีฬา น้องสาว สถานการณ์ เศรษฐกิจ รวมแล้วเป็นการเรียนรู้ที่ดี

โปรดคลิกที่ลิ้งค์นี้เพื่อดูภาพประกอบ

https://cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/296/108/original_Human_Talk_06052018.pdf?1526905142

ที่มา: บทความจากรายการวิทยุ Human Talkประจำวันที่ 6พฤษภาคม 2561 

 

หมายเลขบันทึก: 647509เขียนเมื่อ 21 พฤษภาคม 2018 19:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม 2018 19:24 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท