ขณะที่ภาพรอบกำลังตัวเลือนราง
แต่มีภาพบางคนเกิดขึ้นในมโนสำนึก....
ภาพของ พ่อ แม่ และแฟน เกิดชัดเจนและรวดเร็วสลับกัน
เหมือนดูคลิปตัวอย่างหนังแอ็คชั่น เปลี่ยนเร็ววูบวาบ
เวลากำลังรู้สึกว่าจะตาย ผมว่าสิ่งสุดท้ายที่จะคิด
คือความเป็นห่วงคนที่เรารัก.....
.
.... สติ !
ผมพยายามเรียกสติกลับมา
เพื่อนคนเดียวที่จะอยู่กับเราจนลมหายใจสุดท้ายคือ สติ
"หาทางเอาตัวรอด" พลันเสียงในหัวตะโกนขึ้นมา
"อย่าพึ่งคิดเรื่องอื่น" เสียงจากสติ ย้ำอีกที
ผมหันซ้ายขวา หาที่ปลอดภัย ก็พุ่งเข้าหารถ
พร้อมทั้งดึงหนุ่มแว่นคนนั้นที่กำลังเอ๋อ
ดันเข้าไปในรถด้วยกัน ...ปิดประตูปัง
.
ผมหันไปมองหน้าซีดๆ ของเขา
ภาพของหนุ่มแว่นชัดขึ้น เมื่ออยู่ในรถ ไม่เป็นหมอก
"คุณเป็นใคร" เออ ...เสียงตัวเองก็ฟังชัดเหมือนกัน
เขายังไม่หายเอ๋อดี...
"ขอโทษๆๆ ผมถามใหม่ ..คุณๆๆๆ คุณเป็นนักวิทยาศาสตร์เหรอ"
"ใช่ไม๊ๆๆ" ...ผมทวนคำพูดซ้ำๆ เพื่อเรียกสติเขา
.
"ไม่ใช่ครับ" เขาเริ่มตอบ พร้อมหายใจยาว
ตาของเขายังมองออกไปนอกรถ ผมมองตาม
ภาพข้างนอกเหมือนเป็นหมอกหุ้มห่ออยู่รอบคัน
"ขอโทษนะ คุณรู้ได้ยังไงว่าพระอาทิตย์ผิดปกติ"
ผมพยายามเคลียร์สมองตัวเอง
ถ้าจะตาย อย่างน้อยก็ขอตายแบบไม่เอาความงงติดตัวไปด้วย
.
ผมเริ่มเห็นเงาลางๆ ของคนอื่นกำลังวิ่งขึ้นรถเหมือนกัน
เขาหันมาพูดว่า "ผมอ่านพบเรื่องวันสิ้นโลก..."
มนุษย์เราอยู่บนความเสี่ยงโดยที่ไม่รู้ตัว
เราไม่รู้ว่าพระอาทิตย์มีความเปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ
และความเปลี่ยนแปลงที่ดูเล็กน้อย
แต่มันอาจมีผลทำให้โลกเปลี่ยนอย่างร้ายแรง
.
เขาลดสปีดการพูดช้าลง
ผมรู้สึกว่าเขามีสติมากขึ้น เขาขมวดคิ้ว
พยายามระงับอารมณ์ตื่นตกใจ
และพยายามสื่อสารให้ผมเข้าใจ
ผมรู้สึกขอบคุณเขา
.
"ดวงอาทิตย์มีรังสีที่เป็นอันตรายมากมาย
แต่เรามีชั้นบรรยากาศป้องกันไว้เหมือนร่ม
แต่มนุษย์ทำโลกร้อน เพิ่มขึ้นๆ
ก็ยิ่งทำให้บรรยากาศบางลง
เหมือนเรากำลังหุบร่ม ที่ป้องกันรังสีเหล่านั้น
.
รังสีที่น่ากลัวที่สุดตอนนี้ เกิดจากจุดดำบนดวงอาทิตย์
จุดดำมันส่งอิเล็คตรอนออกมา
แล้วช่วงนี้ก็ส่งมาแรงผิดปกติด้วย !
...ผมทำหน้างง "เพราะอะไรเหรอครับ"...
ไม่ทราบครับ ไม่มีใครทราบ รู้แต่ว่ามันแรงมาก....
ถ้าเปรียบเทียบก็เหมือนดวงอาทิตย์
กำลังรัวปืนกลมายังโลก อย่างไม่ยั้ง....
กระสุนอิเล็คตรอนพวกนี้มันอาจไม่ได้ฆ่ามนุษย์โดยตรง
แต่แค่ทำให้ไฟดับ และสื่อสารกันไม่ได้ เราก็แย่แล้ว !
.
และวันนี้ผมว่ามันเลวร้ายกว่านั้นเยอะ
มันกำลังทำลายการเห็นและการได้ยินของเราด้วย"
"แค่จุดดำเล็กๆ บนดวงอาทิตย์แค่นั้นเหรอ" ผมถาม
"จุดดำที่ว่า มันใหญ่กว่าโลกอีกครับ !!" ผมตาโตทันที
ผมเริ่มถึงบางอ้อ ...เริ่มเชื่อตามที่เขาพูด ด้วยใจระทึก
เรากำลังถึงจุดวิกฤติ... !!!
.
มรณานุสติ การระลึกถึงความตาย เกิดขึ้นในจิตทันที
ผมได้ฝึกระลึกไว้เสมอๆ มันก็เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
เมื่อเรามีสติ และรู้ว่ากำลังจะหนีความตายไม่พ้นแล้ว
เอ้า จะตายก็ตายละวะ ไม่ตายวันนี้ ...วันอื่นก็ต้องตายอยู่ดี
เป็นธรรมดาของชีวิต ปลงก่อน ทำใจให้สงบดีกว่า
หลับตา ขอตายอย่างสงบ ไม่ตายอย่างร้อนรน
ผมคิดในใจ...ด้วยสติ ไม่อยากถามต่อแล้ว
.
"คุณๆ" .....เขาสะกิดผม
ผมลืมตา เอ๊ะ หมอกมันหายไปแล้ว
ท้องฟ้าสว่าง ภาพนอกรถกลับมาชัดเหมือนเดิม
ยิ่งกว่านั้นผมได้ยินเสียงเครื่องยนต์
ผมหันไปยิ้มกับเขา เพราะอะไรไม่รู้
เคยไหมครับ ที่รู้สึกเหมือนยกอะไรหนักๆ ออกจากอก
.
ผมปาดเหงื่อ สตาร์ทรถทันที ติดชึ่งเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ
กดเปิดมือถือทันทีครับ ไฟหน้าจอแสดงว่ากำลังบู้ทเครื่อง
"มันหายไปแล้ว".... ผมหันไปพูดกับเขา สีหน้าเขาดีขึ้น
ก่อนจะพูดอะไรอีก....
พลันเสียงไลน์จากมือถือดังรัวๆ ...ต๋อกๆๆๆๆๆๆๆ
ไลน์เข้าจนโทรศัพท์แฮ้งค์ โห...
จนผมต้องกดรีบู้ทมือถืออีกครั้ง!!.
.
.
อ่านตอนที่ 1 และ 3 ที่นี่ครับ https://www.gotoknow.org/blog/complain
.
ไม่มีความเห็น