วันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๖๑ ผมประชุมเรื่อง DHS KM ที่ สคส. ได้เรียนรู้ความก้าวหน้าในการจัดการสุขภาวะของคนไทย โดยมีการออก ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับพื้นที่ เป็นการสร้างระบบที่เป็นทางการของการบูรณาการกิจการต่างๆ ในระดับพื้นที่ (อำเภอ หรือเขตใน กทม.) ในการจัดการสุขภาวะหรือคุณภาพชีวิตของผู้คน
เราประชุมหารือกันเพื่อหาทางเอาเครื่องมือ KM 4.0 ไปหนุนความสำเร็จของกิจการที่มีคุณค่ายิ่งนี้
ในการประชุมมีผู้ให้ข้อมูลว่า เดิม สปสช. ให้เงินสนับสนุนการก่อตัวของ DHS (District Health System) นี้ แต่ต่อมาทาง สตง. ชี้ว่า กิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้และพัฒนาระบบสุขภาพ ไม่ใช่หน้าที่ของ สปสช. เพราะไม่มีเขียนไว้ใน พรบ. ของ สปสช. ทำให้ สปสช. ต้องยกเลิกการสนับสนุนกิจการสร้างสรรค์เพื่อลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาวะ จากการที่มีการจัดการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคบูรณาการในกิจการดำรงชีวิตของผู้คน
ผมตีความว่า สตง. ใช้วิธีตีความตามตัวหนังสือ ไม่ได้ตีความตามผลประโยชน์ของสังคม ไม่มองว่า การจัดการระบบสุขภาวะของคนต้องมีการเรียนรู้ และปรับตัวให้เหมาะสมยิ่งขึ้นอยู่ตลอดเวลา
สตง. ใช้ Fixed mindset ในการตีความการใช้งบประมาณของส่วนราชการต่างๆ ในทำนองว่า ต้องเขียนไว้ในกฎหมายจึงจะใช้งบประมาณได้ ไม่มี Growth mindset ว่าการทำงานไม่ว่าเรื่องใด ต้องมีการสร้างสรรค์พัฒนาจากการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา
หากราชการไทยสมาทาน Fixed mindset ก็ยากที่ประเทศไทยจะก้าวไปสู่สภาพ “ประเทศไทย ๔.๐”
วิจารณ์ พานิช
๒๑ มี.ค. ๖๑
It seems that Thailand Public organizations are operating by the book because the top (executive) managements are not skilful, conversant or innovative with societal aspirations - to put it another way 'they are there for mere self-interests' - without thoughts of 'common good'.
This may be said to politicians, educators, commercial entrepreneurs and so on.