การใช้น้ำผึ้งเพื่อการป้องกันการเกิดช่องปากอักเสบในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด


Effect of Honey on Oral Mucositis among Patients receiving chemotherapy regimen Folfox4 and Folfox6

บทคัดย่อ

    1.  ชื่อโครงการ การติดตามผลการใช้แนวปฏิบัติการพยาบาลโดยใช้น้ำผึ้งเพื่อการป้องกันการเกิดช่องปากอักเสบในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดสูตร Folfox4 และ Folfox6 (Effect of Honey on Oral Mucositis among Patients receiving chemotherapy regimen Folfox4 and Folfox6)

    2.  รายชื่อทีมวิจัย นางอุบล จ๋วงพานิช นางสาวสุกัญญา จันหีบ   นางสาวลาวัณย์ ดาบน้อยอุ่น นางสาวพิมพ์ชนก พันธ์หนองบัว นางสาวจุรีพร อุ่นบุญเรือง

    3.  หน่วยงาน หอผู้ป่วยเคมีบำบัด 5จ แผนกการพยาบาลบำบัดพิเศษ งานบริการพยาบาล

    4.  ความสำคัญของปัญหา  การอมน้ำแข็ง เป็นวิธีการป้องกันช่องปากอักเสบที่ดีที่สุดในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด แต่ในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดสูตร Folfox4 และFolfox6 ซึ่งมียา Oxaliplatin ห้ามอมน้ำแข็งเพราะจะทำให้เกิดอาการชาตามปลายมือปลายเท้าและเป็นตะคริว อาการจะรุนแรงถึงขั้นหลอดลมหดเกร็งขึ้นหากผู้ป่วยได้รับความเย็นมาก ในปี 2559 ผู้ป่วยที่ได้รับยาสูตรนี้ 80 ราย พบช่องปากอักเสบร้อยละ 18.75 มีการศึกษาวิจัยพบว่า การอมน้ำผึ้งกลั้วปาก 20 ซีซี เป็นเวลา 5 นาที ทุก6ชั่วโมง สามารถป้องกันช่องปากอักเสบได้ เนื่องจากน้ำผึ้งเป็นสารแอนตี้ออกซิแดนต์ยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรีย ในประเทศไทยมีน้ำผึ้งคุณภาพดี ราคาประหยัด หาซื้อได้ง่ายและผู้ป่วยทำได้ด้วยตนเอง  ดังนั้นทีมวิจัยจึงได้พัฒนาแนวปฏิบัติการพยาบาลและติดตามผลการใช้น้ำผึ้งเพื่อป้องกันการเกิดช่องปากอักเสบ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วย

    5.   วัตถุประสงค์ : เพื่อ 1) เปรียบเทียบร้อยละของการเกิดช่องปากอักเสบ ในกลุ่มผู้ป่วยที่ดูแลตามแนวปฏิบัติการพยาบาลโดยใช้น้ำผึ้งในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัดสูตร Folfox4 และ Folfox 6 ในปี 2560 กับอัตราการเกิดช่องปากอักเสบก่อนการใช้แนวปฏิบัติในปี พ.ศ. 2559  2) เปรียบเทียบความเจ็บปวดในช่องปาก ในกลุ่มผู้ป่วยที่ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการพยาบาลโดยใช้น้ำผึ้งและกลุ่มก่อนการใช้แนวปฏิบัติ 3) เปรียบเทียบจำนวนวันที่มีอาการเยื่อบุช่องปากอักเสบในกลุ่มผู้ป่วยที่ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการพยาบาลโดยใช้น้ำผึ้งและกลุ่มก่อนการใช้แนวปฏิบัติ

    6.   ระเบียบวิธีวิจัย  (กลุ่มตัวอย่าง  วิธีการศึกษา  สถานที่  ช่วงเวลา  การวิเคราะห์ข้อมูล)

         เป็นวิจัย descriptive historical study กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดสูตร Folfox4 และ Folfox6 ตามเกณฑ์ที่กำหนด คำนวณกลุ่มตัวอย่างโดยใช้โปรแกรม SSize.exe ได้ 42 คน เก็บข้อมูลช่วงเดือนกันยายน 2560 – กุมภาพันธ์ 2561 ให้พยาบาลดูแลตามแนวปฏิบัติการพยาบาลโดยใช้น้ำผึ้ง ในผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดฯ ในปี 2560 จำนวน 42 คน เพื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัดฯ  ก่อนใช้แนวปฏิบัติในปี พ.ศ. 2559 จำนวน 80 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือแบบบันทึกข้อมูลทั่วไป แนวปฏิบัติการพยาบาลฯและคู่มือฯ และแบบประเมินช่องปากของ WHO วิเคราะห์ข้อมูลทั่วไปของกลุ่มตัวอย่าง โดยหาความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานและเปรียบเทียบความเจ็บปวดในกลุ่มผู้ป่วยที่ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการพยาบาลกับกลุ่มก่อนการใช้แนวปฏิบัติโดยใช้ Mann-Whitney test และเปรียบเทียบจำนวนวันที่มีอาการเยื่อบุช่องปากอักเสบในกลุ่มที่ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการพยาบาลโดยหาความถี่ และร้อยละ  ขั้นตอนการวิจัย  คือ:- ประเมินช่องปากตาม WHO และให้ข้อมูลการดูแลช่องปาก เช่น วิธีอมน้ำผึ้ง การแปรงฟันด้วยเทคนิคบาสส์ การรับประทานอาหาร เป็นต้นและให้คู่มือการดูแลตนเองเพื่อป้องกันช่องปากโดยใช้น้ำผึ้งไว้ศึกษาและให้การพยาบาลตามแนวปฏิบัติฯ โดยก่อนยาเคมีบำบัด 15 นาที ให้ผู้ป่วยอมน้ำผึ้งครั้งละ 20 ซีซี อมกลั้วปาก 5 นาที ก่อนกลืน ให้อมน้ำผึ้งทุก 6 ชั่วโมงจนถึงเวลาก่อนนอน จนครบ 2 วัน ประเมินช่องปาก วันละ 1 ครั้ง ขณะอยู่โรงพยาบาลและโทรศัพท์ติดตามผล 1 ครั้งต่อสัปดาห์ จนกระทั่งมารักษาด้วยยาเคมีบำบัดครั้งต่อไป

      7.  ผลลัพธ์

    1. กลุ่มที่ได้รับการดูแลตามแนวปฏิบัติฯโดยใช้น้ำผึ้งไม่เกิดช่องปากอักเสบร้อยละ 92.86 สำหรับกลุ่มที่ได้รับการดูแลตามปกติไม่เกิดช่องปากอักเสบร้อยละ 81.25 ดังนั้นกลุ่มที่ได้รับการดูแลตามแนวปฏิบัติฯอัตราการเกิดช่องปากอักเสบน้อยกว่าร้อยละ 11.61  

    2. เปรียบเทียบค่าเฉลี่ยความเจ็บปวดในกลุ่มผู้ป่วยที่ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการพยาบาลฯกับกลุ่มก่อนการใช้แนวปฏิบัติโดยใช้ Mann-Whitney test พบว่า กลุ่มผู้ป่วยที่ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติการพยาบาลฯ มีความเจ็บปวดน้อยกว่ากลุ่มที่ได้รับการดูแลตามปกติอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (Z = -1.865, p-vale < 0.05)

    3. เปรียบเทียบจำนวนวันที่เริ่มมีอาการเยื่อบุช่องปากอักเสบ พบว่าผู้ป่วยที่ดูแลตามแนวปฏิบัติฯ เริ่มเกิดช่องปากอักเสบ day 5-7 ร้อยละ 2.38 สำหรับกลุ่มที่ได้รับการดูแลตามปกติ เริ่มเกิดช่องปากอักเสบ ตั้งแต่ day1 ร้อยละ 3.75  day 5 พบ ร้อยละ 11.25 day 6 พบ ร้อยละ 2.5 และday 7 พบ ร้อยละ 1.25

    8.  การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในงานประจำ   ผู้ป่วยมารับยาได้ตามแผนการรักษาของแพทย์  ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาช่องปากอักเสบในผู้ป่วยที่ได้รับยาเคมีบำบัด บุคลากรมีแนวปฏิบัติในการดูแลช่องปากโดยใช้น้ำผึ้งเป็นแนวทางเดียวกัน หอผู้ป่วยได้นำผลวิจัยไปใช้ในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดสูตร Folfox4 และFolfox6 อย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้ป่วยลดความทุกข์ทรมานจากความปวดในช่องปาก และเผยแพร่ให้กับโรงพยาบาลที่มาศึกษาดูงาน และเผยแพร่ทางเวปไซด์ gotoknow ทำให้พยาบาลในโรงพยาบาลอื่นๆนำไปใช้ได้

    9. บทเรียนที่ได้รับ  ผู้ป่วยทุกคนสามารถดูแลช่องปากโดยใช้น้ำผึ้งได้ดีและต่อเนื่อง จากการได้รับการเตรียมความพร้อมโดยให้ข้อมูลและมีคู่มือการดูแลตนเองเพื่อป้องกันช่องปากโดยใช้น้ำผึ้ง ผู้ป่วยเข้าใจปฏิบัติตามได้ง่าย จึงป้องกันช่องปากอักเสบได้ถึงร้อยละ  92.86 ลดความปวดในช่องปาก และน้ำผึ้งมีคุณภาพ ราคาไม่แพง สะดวกต่อการใช้และทำให้ผู้ป่วยมารับยาตามแผนการรักษา

    10. ปัจจัยแห่งความสำเร็จ  พยาบาลนำแนวปฏิบัติโดยใช้น้ำผึ้งไปใช้ในการดูแลผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับยาเคมีบำบัดสูตร Folfox4 และFolfox6 เป็นแนวทางเยวกัน ผู้ป่วยฯให้ความร่วมมือเนื่องจากป้องกันการเกิดช่องปากอักเสบได้อย่างแท้จริง ทำให้ผู้ป่วยไม่ทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดในช่องปาก จำนวนวันที่เริ่มมีอาการช่องปากอักเสบในกลุ่มที่ได้รับการดูแลตามแนวปฏิบัติโดยใช้น้ำผึ้งเริ่มเกิดช้ากว่ากลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามปกติ


หมายเลขบันทึก: 646532เขียนเมื่อ 19 เมษายน 2018 05:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2018 06:49 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

น่าสนใจมากพี่แก้ว

ช่วยผู้ป่วยได้มากเลย

ได้เบอร์พี่แก้วแล้วครับ

ร้องเจอรูปนี้นานมากๆๆ 

11 ปีที่แล้ว

น้ำผึ้งสามารถป้องกันช่องปากอักเสบได้ถึง 92%


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท