ระยะปีที่ผ่านมานี้ ผมเห็นมีโค้ชเกิดขึ้นมากมาย แป้ปเดียวเกิดขึ้นเยอะเลย คล้ายเป็นอาชีพที่ฮิต.
ผมเองเป็นอาจารย์ ผมมองหลายมุมนะ.
ผู้มีจิตเมตตา ปรารถนาดี อยากสอน อยากช่วยเหลือคนอื่น ก็มี.
ส่วนผู้ที่คิดว่า ได้เงินง่าย สอนแค่วันสองวันได้เงินเยอะ ก็มี
.
ผมทำอาชีพนี้ ผมพูดตรง.
คนที่จะเป็นครู เป็นอาจารย์ เป็นโค้ช เป็นวิทยากร เป็นอาชีพอะไรก็ตามที่สอนคนอื่น พูดรวมๆ ทั้งหมด.
ต้องมีจิตวิญญาณครูครับ....ผมใช้คำว่า "ต้อง"
.
อาชีพนี้ เป็นอาชีพที่เราเทอดทูน อาชีพที่สร้างคน
เราเจอครู เราก็ยกมือไหว้ แม้ครูจะเด็กกว่าเรา ศาสดาของทุกศาสนา ก็มีอาชีพครู
เป็นอาชีพที่มีเกียรติ มีคนนับถือ คนที่เป็นครู ต้องเป็น 24 ชม. ไม่มีเวลานอกทำการ
เวลาเราเห็นครูทำไม่ดี ขายยาเสพติด กินเด็ก เรารู้สึกอย่างไรล่ะครับ ?
.
ฉะนั้น คนที่ก้าวเข้ามาในอาชีพนี้ ควรถามตัวเองชัดๆ ว่า ทำเพื่ออะไร
แน่นอนทุกคนต้องทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น
แต่ ทำเพื่อตัวเองก่อน หรือ ทำเพื่อผู้อื่นก่อน ....นี่คือคำถามสำคัญที่สุด !
.
จิตวิญญาณครู คือ การปรารถนาให้ศิษย์ได้ดี มีความสุข
แต่การปรารถนาให้ตัวเองรวย คือ จิตวิญญาณของนักธุรกิจ
อย่าเอามาปนกันครับ
.
เป็นไปได้ว่า ถ้าสอนเก่งแล้วจะรวย เพราะคนเรียนเยอะ ก็ต้องได้เงินเยอะเป็นธรรมดา
แต่การอยากจะรวยแล้วมาสอน มาหาวิธีว่าทำยังไงจะได้เงินเยอะที่สุด
บางทีเก็บค่าเรียนแพงเกิน ... ผมว่าคิดผิดครับ
.
คนที่สอนด้วยจิตวิญญาณครู กับคนที่สอนด้วยจิตวิญญาณนักธุรกิจ
คนเรียนเขารู้สึกได้นะครับ
.
ผมออกมาพูดแบบนี้ แน่นอนย่อมกระทบแน่ๆ ต้องมีโค้ชที่ไม่พอใจผม
แต่เอาเถิดครับ ถ้าผมไม่พูด แล้วใครจะพูด
การที่เห็นสิ่งไม่ดีงาม แล้วเฉย เท่ากับยอมจำนน
.
แล้วคนที่ไม่พอใจผม ลองสำรวจว่า เพราะมีจิตวิญญาณแบบไหนกันครับ ? ...
....!
"คนเป็นครู" ต้องมี "จิตวิญญาณ"
เป็นเช่นนั้นจริงครับ ;)...
เงิน..เป็นค่าตอบแทน..ทำให้ จิตวิณญาณ คนหาย ไป ได้ ..เหมือนกัน
โลกธรรม ครอบงำเราได้เสมอ ต้องอย่าเผลอสติ