คำนิยม
หนังสือ บันทึกคุณแม่นักอ่านนิทาน
วิจารณ์ พานิช
....................
ในงานทำบุญประจำปีให้แก่พ่อแม่และบรรพบุรุษของครอบครัวของผม ที่จังหวดชุมพร วันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๐ ซึ่งตรงกับวันแม่พอดี โบ (ธิดา พานิช) หลานสะใภ้ของผม เอาหนังสือ บันทึกคุณแม่นักอ่านนิทาน ที่จัดพิมพ์แบบง่ายๆ มาให้หนึ่งเล่ม พร้อมปรารภว่า อยากหาผู้จัดพิมพ์
ผมกลับมากรุงเทพและเริ่มอ่านหนังสือเล่มนี้ ก็ตระหนักในความสามารถในการเขียนของโบ สมกับเรียนจบปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อด้วยปริญญาโทสาขาจิตวิทยาพัฒนาการ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร และมีประสบการณ์ทำงานทำหนังสือมานานตามที่เธอเล่าในหนังสือเล่มนี้ โดยที่เธอทำด้วยความรักและหลงใหลการอ่าน จุดเด่นของหนังสือคือเขียนแบบบันทึกจากประสบการณ์ตรง นำมาตีความด้วยความรู้จากแหล่งความรู้ที่หลากหลายมาก เป็นหนังสือที่อ่านได้สบายๆ ทีละตอน
ความรักการอ่าน รักการเขียน และรักลูก มาบรรจบกันในหนังสือ บันทึกคุณแม่นักอ่านนิทาน เล่มนี้
หลังอ่านจบ ผมเอาต้นฉบับหนังสือไปให้คุณปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ผู้จัดการมูลนิธิสยามกัมมาจล อ่าน พร้อมกับบอกว่า ผู้เขียนเขาอยากหาสำนักพิมพ์สำหรับพิมพ์เผยแพร่ และผมอ่านแล้วมีความเห็นว่าเขียนได้ดีมาก เป็นประโยชน์ต่อพ่อแม่ในการเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นคนแข็งแรง เป็นคนเต็มคน เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองหากมีโอกาสได้เผยแพร่ในวงกว้าง
หลังจากนั้นไม่นาน คุณปิยาภรณ์ก็บอกผมว่า มูลนิธิสยามกัมมาจลจะพิมพ์เผยแพร่เอง เพราะเป็นหนังสือที่มีคุณภาพ และสาระตรงกับเป้าหมายการทำงานของมูลนิธิฯ ที่มุ่งพัฒนาเยาวชน เน้นที่การพัฒนาลักษณะนิสัย
หนังสือ บันทึกคุณแม่นักอ่านนิทาน เล่มนี้ เล่าเรื่องราวจากประสบการณ์ตรงในการเลี้ยงลูกสองคน สอดแทรกวิธีการสำหรับพ่อแม่ใช้ในการเลี้ยงลูกเล็กให้สั่งสมการเชื่อมโยงใยประสาทในสมอง วิธีการดังกล่าวจะค่อยๆ ปูพื้นฐานการมี “สมองดี” ไปโดยปริยาย เวลานี้ ความรู้ทางประสาทวิทยาศาสตร์ และจิตวิทยาการเรียนรู้ที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วบอกว่า สมองดีสร้างได้ และวิธีการที่เล่าในหนังสือ บันทึกคุณแม่นักอ่านนิทาน เป็นวิธีการที่สอดคล้องกับหลักการดังกล่าว
“สมองดี” มีหลายมิติ มิติหนึ่งที่หน้าต่างแห่งโอกาสในการพัฒนาเปิดกว้างในวัยทารกและเด็กเล็ก คือ การพัฒนา Executive Functions & Self-Regulation (เรียกย่อๆ ว่า EF) ซึ่งเป็นสมองส่วนควบคุมจิตใจ ควบคุมอารมณ์ และควบคุมพฤติกรรมของตนเอง รวมทั้งการทำหน้าที่คิด ที่เรียกว่า working memory พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกตามแนวทางที่แนะนำในหนังสือเล่มนี้จะเท่ากับฝึก EF ให้แก่ลูกไปในตัว โปรดอ่านตอนที่ชื่อว่า “ลูกชิ้นไม้นั้นกับการยับยั้งชั่งใจ”
ในส่วนของการอ่านนิทานให้ลูกฟังนั้น นอกจากเป็นการปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้แก่ลูกแล้ว ยังเป็นการกระตุ้นจินตนาการ และเป็นกิจกรรมที่สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างลูกกับพ่อแม่ ที่เรียกว่า socialization ซึ่งจะช่วยให้เกิดพัฒนาการด้านจิตใจ ที่เรียกว่า attachment ซึ่งเป็นพื้นฐานการพัฒนาอารมณ์ของตนเอง และพัฒนาปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เด็กที่มี attachment มั่นคง จะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นใจในตนเอง และมีความมั่นคงทางอารมณ์
ท่านผู้อ่านจะสังเกตเห็นว่า วาวา ลูกสาวคนโตของโบ มีคลังคำอยู่ในสมองมากจนผู้ใหญ่ตกใจ ว่าเด็กอายุน้อยขนาดนั้น สามารถพูดคำที่มีความหมายลึกซึ้งถึงขนาดนั้นได้เชียวหรือ นี่คือตัวอย่างจริงของผลลัพธ์ที่เกิดจากการฟังนิทานที่คุณแม่อ่านให้ฟัง
หนังสือ บันทึกคุณแม่นักอ่านนิทาน เล่มนี้ เล่าเรื่องราวการเรียนรู้และเติบโตของลูก ผ่านการสังเกตของแม่ พร้อมๆ ไปกับการเรียนรู้และเติบโตของแม่ นำออกมาเผื่อแผ่แก่คุณพ่อคุณแม่หรือว่าที่คุณพ่อคุณแม่ สำหรับเป็นแนวทางเลี้ยงลูกให้เติบโตขึ้นเป็นคน “สมองดี” ซึ่งหมายความว่า ดีทั้งด้านสติปัญญา และด้านบุคลิก อารมณ์ และปฏิสัมพันธ์ โดยที่หนังสือเล่มนี้ เน้นด้านการพัฒนาด้านบุคลิก อารมณ์ และปฏิสัมพันธ์ ที่หนังสือ เลี้ยงให้รุ่ง เสนอว่า มีความสำคัญต่อความสำเร็จในชีวิตมากกว่าความฉลาด หรือสติปัญญา
วิจารณ์ พานิช
๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
ไม่มีความเห็น