ประสบการปฏิบัติธรรม


            วัดงุยดาอูกรรมฐาน (ห่างจากด่านท่าขี้เหล็ก ๑ กิลโลเมตร) ภายในวัดจะเป็นอาคารปฏิบัตธรรม ีอาคารปฏิับัติธรรม ไม่เหมือนวัดทั่วๆไป เป็นวัดที่สร้างขึ้นเพื่อปฏิบัติธรรมโดยเฉาพะ ที่พักห้องน้ำเป็นสัปายะ(ทำให้จิตใจสงบ)อย่างมาก

           สำนักมีข้อบังคับว่า ต้องนั่งวิปัสสาบัลลังก์ละ ๑ ชั่วโมง เดินจงกรม ๑ ชั่วฉมงเป้ป็นอย่างน้อย สองวันแรกรู้สึกสบายๆ มีปวดขาท้ายลัลังก์บ้างเล็กน้อย..แต่พอวันที่ ๓ เป้นจ้ไป รู้สึเหสมือว่า่ตนเองกำหลังถูกจับทรมานให้เจ็บปวดอย่างขข้าๆ ค่อยๆ ปวดเแรงขึ้นๆ โดยเฉาพะที่ศรีษะ บีบรัดจนมึนงงไปหมด กำหนดอะไรก็ไม่ชัดเมือนมีบางสิ่งบางอย่างมาบังไว้ หรืออารมร์ทีจำกำหนดยู่ไกลมากๆ จนแทบมองไม่เห็น ยิ่งพยายามกำหนดให้ชัด อากรบนศีรษะก็ย่ิงบีบรัดแรงขึ้นๆ พอส่งจิตดูอาการปวดบนศีระษะก็ย่ิงปวดจนงง มีเส้นประสาทกระตุกเจ็บเป็นระยะ จากนันอาการทั้งหมดมาตรวมเป็นจุดเดียวกันที่หน้าผาก รู้สึกเจ็บๆ เสียวๆ ตามรากผม ย่ิงกำหนดก็เริสัน กล้ามเนื้อกระตุก รู้สึกว่าหน้าบูดเบี้ยวไม่เป็นรูป่างมึนงงจนไม่รู้ว่าตนเองนังอยู่ท่าไหน รู้สึกเหมือนตนเองนั่งเอาศรีษะลง ยิ่งกำหนดเข้าไปอีก ย่ิงรู้สึกเมือนมีเข็มแทงอยู่ที่กลางหน้าผก บางครั้งเหมือนมีน้ำเย็นๆ ฉีดใส่หน้าผากอย่างแรงอยู่ตลอดเวลา ทำใหต้องนั่งเงยหน้า แล้วคอก็เร่ิ่มสั่นแรงขึ้นๆ...ทำให้หวนคิดถึงวิธีการแก้สภาวะ ว่า ฝไสภาวะนี้เรียกว่า สภาวะติดอุปทานขั้นรุนแรง อย่างส่งจิตไปกำหนดอาการบนศีรษะ ให้กำหนดตังแต่จมูกหรือคอลงมา และกำหนดเร็วๆ ไม่ต้องจดจ่อมาก" จึงนำความไปเรียนสยาดอ ท่านก็ไม่คัดค้าน หลงจกนการกำหนดอารมร์ต่างๆ ค่อยๆ ดีขึ้น กำหนดได้ชัดและสะดวกขึ้น ทั้งๆ ที่อาการปกคคลุ่บนศรีษะก็ยังมีอยู่ แ่ไม่ใส่ใจ พยายามส่งจิตไปกำหนดอามรณ์อื่น แบบถี่ๆ เร็วๆ แรงๆ เพื่อไม่ให้จิตไปรบอรู้อาการบนศีรษะ นานๆ อาการบนศีรษะจึงจะรุนแรงทำให้มัจงงขึ้นมาสักครั้งหน่ง แต่พอดวงอาทิรย์เร่ิมลับแสงความมืดเข้าปกคลุม นั่งสมาธิรู้สักเหมือนถูกฉาบทาไว้ด้วยความมืดมิด งงๆ เคว้งคว้าง จับอารมณ์กำหนดแทบไม่ได้เลย เหมือนถูกขังในคุกมืดมาเป็นร้อยๆ ปี พอไปสอบอารมณ์ช่วงเช้า จึงขอเปลี่ยนเวลาสอบเป็นช่วงค่ำเพื่อจะได้ไม่ต้องนั่งสมาธิช่วงค่ำ

         ด้วยเหตุนี้ ทำให้ต้องเพ่ิ่มความเพียรขึ้นไปอีก เพื่อไล่ตามเพื่อให้ทน โดยสูงสุดเดินเกือบ ภ ขั่ว โมง นั่งสมาธิ ๑ ชั่วโมงขึ้นไป สูงสุด ๔ ชั่วโมง

         ปฏิบัติไปเรื่อยๆ จนครบ ๑ เพือนเต็ม สยาดอบอกว่า เข้าสังขา-รุเปกขาาณแล้ว 

        ปฏิบัติวันแรก นั่งแบบสบายๆ ไม่ปวดมากนัก ทำให้นึกระหยิ่มย้มย่องว่า นั่ง ๑ ชั่วโมงแบบนี้สบายมาก คนอื่นคงทรมานกันน่าู ..แต่พอวนที่ ๓ เป็นต้นไป เวทนาค่อยๆ แรงขึ้นๆ  พอวันที่ ๕ นั่งได้ ๓๐ นาที มีแต่สภาวะเวทนาล้วนๆ ปวดดเจ็บไปทั่วถึงเยื้อในกระพูก เห็นเส้นเอ็นขาปวดตึงแน่นเป็น้ิงๆ ผอย ยิ่งกำหนดไปเรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าอาการปวดจะลดลง ย่ิงกำหนดยิ่งปวดลึก แต่ก็พยายามนั่งกำหนดต่อไปจนครบชั่วโมง 

        ่วันที่ ๘ ของการปฏิบัตินั่ง ๕ นาที่เหมือนนั่ง ๑ ชัวโมง เจ็บปวดตึงแน่นมัจงงไปหมด ส่งจิตพุ่งตรงจี้ไปที่เวทนาที่ขาขวาแล้วกำหนดแบบไม่ยั้ง กำหนดแบบถี่ๆ เร็วๆ แรงๆ ทุกครั้งที่กำหนดพุ่งตรงไปที่เวทนาที่ขาขวา แต่ยิ่งกำหนดยิ่งปวด ยิ่งกำหนดยิ่งตึงแน่น ไม่มีทีท่าว่าจะลอลง เหมือนยิ่งกำหนดก็ยิ่งไปเพ่ิมกำลัง กำหนดจน..ผ่านไป ๓๐ นาที แต่กำหนด "ปวดหนอๆ" อย่างเดียวเอาไม่อยู่แล้ว จะออกแล้ว คิดอยากจะออกครั้งแล้วครั้งเล่่า กระทั้งมีความคิดผุดขึ้นมาในมโนสำนึก "ตาย เป็นตาย" จากนั้นพยายามนั่งต่อไปได้อีกประมาณ ๑๐ นาที ความคิดแทรกเข้ามา "นาฬิกาทำไมไม่ดังสักที" พอรู้ทันก็กำหนด "คิดหนอๆๆ" จนความคิดดับไป แล้วกำหนดเวทนาต่อ "ปวดหนอๆๆ " ความคิดก็ผุดขึ้นมาอีก "สงสัยนฆิการเสีย" พอรู้ทันก็กำหนด "คิดหนอๆๆ" จนความคิดนั้นดับไป แล้วกำหนดวทนาต่อไป  ความคิดก็ผุดขึ้นมาอีก "สงสัยนาฬาการเสียจริงๆ ออกละ" ค่อยๆ ขยับขาออก (อาการปวดหายไปโดยฉับพลันอย่งน่าอัศจรรย์ ) แล้วค่อยๆ เปิดตาขึ้นดูนาฬิกา เวลาผ่านไปเพียง ๕๐ นาที บัลลังก์ต่อมา ไม่ต่างกันเท่าไรนัก แต่นั่งได้ครบชัวโมงทุกบัลลังก์...

        http://www.vcharkarn.com/vcafe...

         

หมายเลขบันทึก: 645822เขียนเมื่อ 19 มีนาคม 2018 20:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม 2018 20:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท