ผมจัดหาที่พักให้ลูกชายคนเล็กเป็นที่เรียบร้อย อีกเดือนสองเดือน เขาต้องเรียน ป.ตรีชั้นปีที่ ๑ ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์(วิทยาลัยนาฎศิลป์ศาลายา) อยู่ที่พุทธมณฑลสาย ๕
ห้องพักที่เช่าอยู่..ก็ถือโอกาสให้ลูกชายคนโต..ที่เรียน ป.โท ที่ ม.นครปฐมมาพักด้วยในวันเสาร์..วันนี้..จึงนัดทานมื้อเย็นพร้อมกัน คนโตบอกว่า จะเลิกเรียนเร็วกว่าปกติ..
หกโมงเย็น..ลูกโทรมาบอกว่าอาจารย์เรียกประชุม จะกลับถึงประมาณหนึ่งทุ่ม แล้วที่นัดหมายกันว่าจะไปเที่ยวชมงาน "อุ่นไอรัก..คลายความหนาว" จะทำไง? สงสัยต้องยกเลิกเพราะค่ำแล้ว..
ผมนึกถึงคำพูดของลูกชายเมื่อตอนเช้า..."..พ่อ..งานเขาจะเลิกแล้วนะ ไหนๆพ่อก็เข้ากรุงเทพฯ ก็น่าจะไป..เป็นงานของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ด้วย ในหลวงท่านมีบุญคุณกับพ่อและโรงเรียนบ้านหนองผือมากนะครับ...”
ผมเริ่มมีความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แทบจะไม่มีวี่แววว่าจะได้ไปงานอุ่นไอรัก..แต่แล้ว.ทุ่มครึ่ง..ลูกชายก็เปิดประตูห้องเข้ามา..."พ่อ..พร้อมหรือยัง?..ไปกันเถอะ..”
ลูกชายคนเล็ก ไปเรียกแท็กซี่ปากซอย ครึ่งชั่วโมงผ่านไป..เงียบเชียบ..เอาไงดี คนโตโทรหาน้อง..บอกให้น้องรอปากซอย เดี๋ยวขับรถไปรับ “ไปครับขึ้นรถ เดี๋ยวผมขับรถให้ เราขับรถไปเองสะดวกกว่า..รอแท็กซี่เดี๋ยวไปไม่ทันงาน...”
ผมมองนาฬิกาก็ปาเข้าไปสองทุ่มครึ่งแล้ว..งานนี้ เวลานี้..รู้สึกมีความมุ่งมั่นด้วย “หัวใจ”ล้วนๆเลย
รถเคลื่อนออกจากศาลายา..ผมอธิษฐานขอพระบารมี ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร..โปรดจงคุ้มครองลูกและครอบครัว..ให้เดินทางถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพด้วยเถิด...
เหมือนที่ผมเคยอธิษฐานขอพรจากท่าน..เมื่อวันที่ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๖๐ วันนั้น..ในหลวงท่านทรงมีรับสั่งให้ผู้แทนพระองค์..นำกระเช้าดอกไม้และผลไม้ ตลอดจนเสื้อพระราชทานมามอบให้ผมที่โรงเรียน..เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ซึ่งผมไม่เคยลืมเลือน...
แล้วในวันนั้น...คณะของธนาคารออมสิน จากสำนักงานใหญ่..มาร่วมให้การต้อนรับผู้แทนพระองค์ด้วย..และได้สอบถามผมถึงความต้องการจำเป็นสูงสุดของโรงเรียน ผมบอกว่าต้องการอาคารเรียนหลังใหม่..
ตอนนี้..ธนาคารออมสิน ได้อนุมัติงบประมาณสนับสนุนการก่อสร้างแล้ว เป็นจำนวนเงิน ๑,๘๐๐.๐๐๐ บาท...ทำให้ผมคิดอยู่เสมอว่า..โรงเรียน..จะต้องดีขึ้น..และก็คิดอีกว่า.."งานอุ่นไอรัก..คลายความหนาว"..ผมจะต้องมาชมงานให้ได้..
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร....ทรงทำเพื่อพสกนิกรชาวไทยทุกคน ผมมีโอกาสเข้าไปติดตามวัตถุประสงค์ของการจัดงานอุ่นไอรักในสื่อต่างๆ..รู้สึกซาบซึ้งในน้ำพระราชหฤทัยของพระองค์ท่านเหลือเกิน..
"..นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมแก่ปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยราชการในพระองค์จัดงานฤดูหนาวขึ้นภายใต้ชื่อ "อุ่นไอรัก คลายความหนาว" ซึ่งภายในงานจะมีการจัดงานในรูปแบบที่สะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไทย และมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย.."
"..งานอุ่นไอรัก คลายความหนาวจะจัดขึ้นเพื่อเผยแพร่ความงดงามของความเป็นไทยในรูปแบบต่าง ๆ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พร้อมรำลึกถึงวิถีชีวิตของคนไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และเป็นการพระราชทานความสุขให้แก่ประชาชนในช่วงปลายฤดูหนาว..."
รายได้จากการจัดงานโดยไม่หักค่าใช้จ่าย จะทรงนำไปใช้ในการพระราชกุศลบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ประชาชนผู้ได้รับความเดือนร้อนจากภัยและเหตุการณ์ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย
ลูกชาย..ขับรถไปบนถนนคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี ถึงบริเวณที่จัดงาน ณ ลานหน้าพระราชวังดุสิต..เวลา ๒๑.๐๐ น.
ผู้คน..หลายพันคนแต่งกายชุดไทยย้อนยุค เดินสวนออกมา..แต่ก็มีอีกนับร้อยคน ทยอยกันเดินเข้างาน พร้อมๆกับผม..
หนึ่งชั่วโมง..กับงานอุ่นไอรัก..คลายความหนาว เป็นช่วงเวลาที่น้อยนิด ที่มีคุณค่าสำหรับผมมากมาย ผมพยายามจะเดินให้ทั่วงานแล้วถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก..
การได้ดูจากภาพข่าวจากสื่อโทรทัศน์กับการได้สัมผัสบรรยากาศจริงๆ แตกต่างกันมาก ชื่นชมความสามารถของข้าราชการในพระองค์ ที่จัดงานได้อย่างสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อย สีสันของงานและเครื่องแต่งกายของผู้เข้าชม..ตระการตามาก
ผมยืนดู..วงดนตรีกรมประชาสัมพันธ์ เล่นเพลงลูกทุ่ง..มีคนร่วมเต้นเหมือนรำวงงานวัด เดินเลยไปเพื่อฟังเพลงที่หน้าโรงพักสามแยก..รู้สึกได้เลยว่าตำรวจไทยก็เก่งเหมือนกัน
แวะไปที่ร้านศูนย์ศิลปาชีพ อุดหนุนเสื้อกับผ้าห่มติดมือกับบ้าน จากนั้นก็ซื้อน้ำมะตูมไปนั่งดื่มหน้าเวทีคอนเสิร์ตออร์เคตตร้าวงใหญ่มาก ของ ม.รังสิต บรรเลงเพลง”กรุงเทพมหานคร” พร้อมรีวิวประกอบ..กระหึ่มเร้าใจจริงๆ
ผมชอบ..ภาพเก่าๆ สมัยรัชกาลที่ ๕ ทำให้มองเห็นความเจริญเริ่มเข้ามาสู่ประเทศไทย..ผมถ่ายภาพทั้งหมดไว้เป็นความทรงจำ..สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวงรัชกาลที่ ๑๐ ที่พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถ มีสายพระเนตรที่ยาวไกล และมีน้ำพระราชหฤทัยที่เต็มเปี่ยม เพื่อคนไทย..
จะได้มีโอกาสเห็นมรดกอันล้ำค่าของคนไทย ศิลปวัฒนธรรมที่หาดูยาก ถือได้ว่าเป็นการศึกษาเรียนรู้ที่เป็นรูปธรรม เพื่อนำไปเล่าให้รุ่นลูกรุ่นหลานฟัง..และเพื่อความรักและหวงแหนผืนแผ่นดินไทย ตลอดจน..ความสุขแบบนี้..จะอยู่ในหัวใจ..ตราบนานเท่านาน
ขอพระองค์..ทรงพระเจริญ
ชยันต์ เพชรศรีจันทร์
๔ มีนาคม ๒๕๖๑
ได้ดูได้ชมแต่ภาพจ้ะ
ขอบคุณที่นำมาให้ชม
เป็นงานที่ใหญ่มาก
อยากให้มีงานแบบนี้เช่นงาน ร 3 ที่กาญจน์ จะได้ไม่ต้องเดินทางไปกรุงเทพฯครับ