ชื่อนั้นสำคัญไฉน?
ดร.ถวิล อรัญเวศ
รอง ผอ.สพป.นครราชสีมา เขต 4
ชื่อนั้นสำคัญไฉน? มีหลายคนที่มีพลังศรัทธาความเชื่อในเรื่อง “ชื่อ” และ “สกุล” ถึงกับยอมเปลี่ยนชื่อสกุลก็มี และบางคนบอกว่า เปลี่ยนชื่อ หรือสกุลแล้วชีวิตรุ่งโรจน์ พบแต่สิ่งดีงามหลายอย่างเข้ามาในชีวิต (ยกเว้นผู้หญิงเปลี่ยนสกุลตามสามี เพราะภูมิปัญญาไทยสมัยโบราณ เมื่อแต่งงานกันแล้ว สกุลต้องเป็น “หนึ่งเดียว” ซึ่งได้กำหนดให้ใช้สกุลสามี เพราะประเพณีไทยเราให้เกียรติ สามี ยกให้เป็นหัวหน้าครอบครัว ส่วนภรรยาให้เกียรติเป็น “แม่บ้าน” หมายถึงผู้เป็นใหญ่ภายในบ้าน (ก็ไม่เบานะครับ ได้ตำแหน่งทั้งเจ้าบ่าวเจ้าสาวเลยทีเดียว)
สำหรับเรื่องชื่อนี้ก็เคยมีคนคิดจะเปลี่ยนมาแล้วตั้งแต่สมัยพุทธกาล (คือสมัยที่พระพุทธเจ้ายังทรงมีชีวิตอยู่) โดยมีเรื่องเล่าว่า
สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้า ประทับอยู่ ณ วัดพระเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี ทรงปรารภพระภิกษุ ผู้หวังความสำเร็จโดยชื่อ รูปหนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธกว่า...
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ อยู่ในเมืองตักกศิลา มีลูกศิษย์คนหนึ่งชื่อว่า “บาป” เขาคิดว่าชื่อของเขาไม่เป็นมงคลเลย จึงเข้าไปหาอาจารย์ และขอให้อาจารย์ตั้งชื่อให้ใหม่ อาจารย์จึงบอกให้ไปเที่ยวแสวงหาชื่อที่ตนเองชอบใจมาแล้วจะทำพิธีเปลี่ยนชื่อให้
นายบาปได้ฟังอาจารย์พูดเช่นนั้นก็ได้ออกเดินทางไปแสวงหาชื่อใหม่ จนถึงเมืองหนึ่ง เดินผ่านขบวนชาวบ้านหามศพคนตายไปยังป่าช้า
นายบาป : นั้นเขาหามอะไรกันครับ ?
ชาวบ้าน : หามศพคนตายไปยังป่าช้าครับ
นายบาป : เขาชื่ออะไรครับ ?
ชาวบ้าน : เขาชื่อ “เป็น” ครับ
นายบาป : ชื่อเป็นทำไมจึงตาย ครับ
ชาวบ้าน : จะชื่อเป็น หรือชื่ออยู่ ก็ตายได้ทั้งนั้นแหละครับ เพราะชื่อเป็นเพียงบัญญัติสำหรับเรียกกันเท่านั้น
นายบาป ก็เดินทางไปเรื่อยๆ ตามที่อาจารย์ได้แนะนำ พอเดินเข้าไปในเมือง พบเห็นชาวบ้านกำลังมุงดูพวกนายทุนจับนางทาสีเฆี่ยนตีด้วยเชือกอยู่ จึงถามความนั้นว่า
นายบาป : นั้นทำไมเขาจึงเฆี่ยนตีผู้หญิงคนนั้นเล่าครับ ?
ชาวบ้าน : เพราะเขายืมเงินแล้วไม่มีเงินมาใช้คืน
นายบาป : เธอชื่ออะไรครับ ?
ชาวบ้าน : ชื่อรวยครับ
นายบาป : ชื่อรวยทำไมถึงยากจนครับ
ชาวบ้าน : จะชื่อรวย ชื่อจน ก็มีสิทธิ์เป็นคนยากจนได้ทั้งนั้น เพราะชื่อเป็นเพียงบัญญัติเรียกกันเท่านั้น
นายบาปเริ่มรู้สึกเฉยๆ ในเรื่องชื่อ
เขาได้เดินทางออกจากเมืองไปเรื่อยๆ ในระหว่างทางพบคนหลงทางคนหนึ่ง จึงถามชาวบ้านว่า
นายบาป : ชายคนนั้นกำลังเดินหาอะไร ครับ
ชาวบ้าน : เขากำลังหลงทางครับ
นายบาป : เขาชื่ออะไรครับ
ชาวบ้าน : เขาชื่อชำนาญทางครับ
นายบาป : ชื่อชำนาญทางทำไม่จึงหลงทางครับ
ชาวบ้าน : จะชื่อชำนาญทางหรือไม่ชำนาญทาง ก็มีโอกาสหลงทางได้เท่ากัน เพราะชื่อเป็นเพียงบัญญัติสำหรับเรียกกันเท่านั้นครับ
นายบาป เริ่มจะเข้าใจถึงชื่อมากขึ้น เขาจึงวางเฉยในเรื่องชื่อ เดินทางกลับไปพบอาจารย์ แล้วเล่าเรื่องที่ตนพบเห็นมาให้ฟัง และขอร้องอาจารย์ให้คงชื่อนายบาปไว้เช่นเดิม อาจารย์จึงกล่าวคาถานี้ว่า
" เพราะเห็นคนชื่อเป็น ได้ตายไป เห็นหญิงชื่อรวย กลับยากจน ขัดสน
และคนชื่อ ชำนาญทาง แต่กลับหลงทางอยู่ในป่า นายบาปจึงได้กลับมา"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ชื่อนั้นไม่ใช่สิ่งสำคัญหรอก เช่นเดียวกับฤกษ์ยาม ก็ไม่สำคัญ เพราะพุทธองค์ตรัสสอนภิกษุว่า ธรรมะเป็น “อกาลิโก” (ไม่มีฤกษ์ยาม) ปฏิบัติเมื่อไร ก็ได้รับผลเมื่อนั้น
อันวิญญูชนผู้ปฏิบัติ พึงรู้ได้เฉพาะตน เช่นเดียวกับการรับประทานอาหาร ใครรับประทาน คนนั้นก็อิ่ม และรู้รสชาติอาหารว่า อร่อยหรือไม่อร่อย จะไม่อิ่มหรืออร่อยแทนกันไม่ได้”
แหล่งข้อมูล
ไม่มีความเห็น