ปิ๊งแว้บ หรือ ปัญญาญาณ


มันคืออาการที่คล้ายๆ มันวาบขึ้นในความคิด  แบบไม่มีที่ไปที่มา ไม่มีเหตุผล จู่ๆ ก็แว้บขึ้นมา.

ดูเหมือนเป็นสิ่งที่พูดกันเล่นๆ  ไม่ได้สลักสำคัญอะไรนัก   แต่กลับเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างคาดไม่ถึง ประเมินไม่ได้.

คุณค่าที่เห็นได้ชัดเลย คือ สิ่งประดิษฐ์ที่พลิกผันโลก  เช่น คอมพิวเตอร์, สมาร์ทโฟน ฯลฯ  ล้วนเกิดจากการปิ๊งแว้บแทบทั้งสิ้น

สามารถเปลี่ยนชีวิตคนธรรมดา เป็นมหาเศรษฐี หรือ คนดังระดับโลกได้ !

.

ไอน์สไตน์ ปิ๊งแว้บขึ้นมา ได้ทฤษฎีก้องโลก นำมาสร้างสิ่งประดิษฐ์มากมาย (ไม่ใช่เฉพาะระเบิดปรมณูที่เราเข้าใจกัน) จนถึงทุกวันนี้ผ่านไป 100 กว่าปี ยังขยายผลและพิสูจน์ทฤษฎีของเขาออกมาไม่หมด !

กฎของนิวตัน ปิ๊งแว้บจากการเห็นแอ้ปเปิ้ลหล่น  ก็เป็นร้อยปีแล้ว  ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครลบล้างได้เช่นกัน  ตึกสูงๆ ที่เราเห็นอยู่นี้  เกิดจากกฎทางวิศวกรรมของนิวตันทั้งสิ้น

.

การปิ๊งแว้บ เป็นความคิดที่ไม่สามารถคิดเองได้ ต้องเกิดขึ้นมาเอง คิดให้ตายก็ไม่ปรากฏ  และยิ่งคิด จะยิ่งไม่ปิ๊ง !!  มันแปรผกผันกับความคิดที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน  มันจะเกิดตอนที่เราไม่ได้คิดอะไร สบายๆ  หรือ เกิดตอนที่จิตว่างนั่นเอง อาการมันจะแว้บในสมองเหมือนแฟลชถ่ายรูป  แล้วจะมีไอเดียดีๆ เกิดขึ้น  .... ที่เห็นการ์ตูนมีหลอดไฟแว้บขึ้นมาน่ะแหละ

.

ผมเชื่อว่า ทุกคนมีประสบการณ์ไม่มากก็น้อย กับอาการแบบนี้  เพียงแต่อาจไม่ได้ให้ความสำคัญ.... 

แหม ถ้ารู้จักมันดีล่ะก็  จะรู้ว่า มันยิ่งกว่าสำคัญอีก !!  ครตของครตสำคัญเลยล่ะ  รูปแบบความคิดแบบนี้แหละ เปลี่ยนโลกมานักต่อนักแล้ว !!

และเราก็มีกันทุกคน !!

. 

 ฝรั่งเขาเรียกว่า Intuition ซึ่งหาคำแปลที่เหมาะสมกับภาษาไทยไม่ได้   ผมขอเทียบเคียงกับคำว่า  ปัญญาญาณ น่าจะใกล้ที่สุด

ซึ่งปัญญาญาณก็มีหลายระดับ   

1.  ระดับปิ๊งแว้บธรรมดาๆ  เช่น ที่เวลาเราคิดอะไรไม่ออก  แล้วมันปิ๊งขึ้นมาตอนสบายๆ เช่น อาบน้ำ  เดินเล่น ฯลฯ  หรือลืมของเอาไว้ แล้วแว้บขึ้นมาได้ อ้อ อยู่ที่นั่นนี่หว่า ..., หรือกระทั่ง เรื่องที่ลืมไปแล้ว แว้บนึกได้ขึ้นมาเฉยๆ ไม่รู้มาได้ไง...

2. ปิ๊งแว้บระดับที่มีพลังมากขึ้น คือ การปิ๊งแว้บของอัจฉริยะทั้งหลาย ที่ได้ไอเดียแว้บมา แล้วประดิษฐ์สิ่งต่างๆ   มาให้เราใช้งานอยู่ขณะนี้...รอบตัวเราครับ หลายสิ่งเกิดจากการปิ๊งแว้บ หรือบางคนมีลางสังหรณ์บางอย่าง ที่อธิบายไม่ได้ นี่ก็คือปัญญาญาณแบบหนึ่ง ที่สูงกว่าธรรมดา

3. ขยับไปถึงปิ๊งแว้บที่ใหญ่ขึ้น  เช่น การปิ๊งของนักวิทยาศาสตร์ชื่อก้องโลกทั้งหลาย  สร้างสุดยอดทฤษฎีที่พิสูจน์กันไม่จบสิ้น  หรือผู้ปฏิบัติธรรม เกิดปัญญาญาณ รู้ความจริงอันลึกซึ้ง แล้วกิเลสถูกทำลายลงไปได้เอง

4. และที่ปิ๊งอย่างยิ่งใหญ่สุดๆ จริงๆ ก็คือ ระดับพระอริยบุคคลหรือ พระพุทธเจ้า เรียกว่า ตรัสรู้ หรือ Enlightenment จิตเข้าถึงสัจธรรมสูงสุดในจักรวาล ถือเป็นปัญญาประเสริฐที่สุดของที่สุด 

 . 

 ในขณะที่ทางโลกสอนปัญญาด้วยการคิด เรียกว่า Intellectual  ให้ฉลาดคิด (เพราะคนคิดหลักสูตรการสอน ไม่รู้จักพลังของ Intuition)

แต่ผู้รู้ทั้งหลาย ศาสดาของทุกศาสนา พยายามสอนให้เกิดปัญญาแบบ Intuition  ปัญญาญาณ  ด้วยการให้ฝึกสติ ฝึกสมาธิ และมีทัศนคติที่ถูกต้อง ซึ่งเมื่อเทียบกับ  Intellectual ถือว่าเล็กมาก ... ปัญญาญาณสามรถเปลี่ยนแปลงโลกทั้งภายในและภายนอกได้อย่างน่าอัศจรรย์

องค์ประกอบของการเกิดปัญญาญาณ คือ สติ สมาธิ และทัศนคติที่ถูกต้อง

เรามีได้ทุกคน อยู่ที่จะฝึกหรือไม่ฝึกเท่านั้น !!

เน้นอีกที  ปิ๊งแว้บ หรือ ปัญญาญาณ จะเกิดเมื่อจิตว่างตามธรรมชาติ

 เห็นไหมครับว่า ปิ๊งแว้บ นี่สำคัญแค่ไหน

ผมฝึกสติหลายปี  มีประสบการณ์ปิ๊งแว้บหลายครั้ง  และครั้งใหญ่ที่สุด  มันเกิดความรู้สึกบางอย่างแว้บขึ้นมาที่บรรยายเป็นตัวหนังสือไม่ได้  มันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่มาก  ขนาดทำให้ชีวิตเปลี่ยน  เกิดเข้าใจว่าเราเกิดมาเพื่ออะไร และจุดหมายชีวิตคืออะไร  เกิดขึ้นมาเฉยๆ โดยไม่มีใครมาบอก และไม่เหมือนกับที่ได้อ่านตามหนังสือ   ความรู้สึกมันเปลี่ยนหมด  ดีขึ้นทุกด้าน  มันกำหนดความคิด  และเส้นทางชีวิตเหลืออยู่ของผม

และที่น่าแปลกคือ ความสามารถต่างๆ  มันพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว  เรียกว่า ศักยภาพชีวิตสูงขึ้นอย่างอัตโนมัติ  ยกตัวอย่างเรื่องที่เห็นได้ชัด  คือการเขียนหนังสือนี่ จากคนที่เขียนห่วย กลายเป็นคนเขียนเป็นขึ้นมาเฉยๆ  ไม่ต้องไปร่ำเรียนที่ไหนเลย ! นี่คือพลัง (บางส่วน) ของปัญญาญาณ

.

ผมจึงมาเป็นอาจารย์ เพื่อพยายามสอนสิ่งนี้ สอนว่า ชีวิตเราเกิดมาครั้งหนึ่งควรจะขวนขวายสิ่งที่ดีที่สุด อย่าไปเสียเวลาทุ่มเทกับเรื่องที่มีค่าน้อย 

เมื่อใดที่ปัญญาญาณเกิดปิ๊งแว้บมากพอ  คุณจะหมดความกังวลว่าเมื่อไหร่น้อ จะรวยซักที  แทบจะหมดความกลัวตาย หมดกลัวสูญเสีย หมดความเครียดในชีวิต ... ไม่ต้องห่วงว่า เมื่อไหร่จะรวย  สติปัญญาก็ดี คิดอะไรก็ไว  หาเงินก็ง่ายขึ้น แก้ปัญหาต่างๆ ได้ง่ายขึ้นมาก... ความรู้สึกไม่ดีที่ยังติดค้างในใจ ไม่ว่า ความเจ็บจำฝังใจใดๆ ในอดีตก็ลดฮวบ  ... ต้องการจะประสบความสำเร็จด้านไดล่ะ ทำได้หมด....  ผมเห็นคนที่เกิดปัญญาญาณ แล้วชีวิตเขาดีขึ้นอย่างอัศจรรย์  เห็นมาเยอะครับ

 ผมคงบรรยายสรรพคุณของปัญญาญาณไม่หมดครับ... เขียน 10 วันก็คงไม่จบ  ...

รู้เพียงว่า เราจะได้สิ่งที่ดีที่สุดที่ชีวิตหนึ่งเกิดมาจะพึงมีได้ และจะติดตัวไปจนลมหายใจสุดท้าย เรียกว่า อริยทรัพย์

 .

เอาเป็นว่า  ถ้าเรารักชีวิตของเรา รักจริงๆ ไม่ใช่รักด้วยกิเลส  ... ขอจงฝึกสติ ฝึกสมาธิ และหัดปรับทัศนคติ เสียแต่วันนี้  ให้ถือเป็นงานหลักของชีวิต   สิ่งอื่นๆ ขอให้เป็นงานรอง 

ลองคิดนะครับ ถ้าเรายังกังวลเรื่องรายได้ วันหนึ่งมันปิ๊งแว้บใหญ่ๆ ขึ้นมา แล้วได้ไอเดียทำมาหากิน  นี่ครั้งเดียวจบเลยนะครับ

ถ้าเชื่อผม ก็เริ่มแต่วันนี้ครับ ผมปรารถนาให้ผู้คนมีความสุข ได้รับสิ่งที่ประเสริฐที่สุด  

อวยพรขอให้ประสบความสำเร็จทุกท่านครับ

 

 

หมายเลขบันทึก: 644818เขียนเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2018 10:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มกราคม 2019 11:03 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอให้อานิสสงค์ที่ให้ปัญญาระดับลึกซึ้งกับคนอ่านอย่างเข้าใจได้ง่าย ๆ จงส่งพลังให้ผู้เขียนเรื่องนี้ คือ อ.กล้วย วิชาจีบ และทีมงาน www.gotoknow.org ทุกท่าน ประกอบกิจการใด พบแต่ความสำเร็จตามที่มุ่งหมาย และผ่านด่านอุปสรรค ความท้อถอย ต่าง ๆ ไปด้วยดีครับ

ขอบพระคุณมาก ๆ ครับ

มุมชัย นัยสอิ้ง / I see I write

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท