ล่องแก่งจริยธรรมสัญจร


แล้วผมก็ต้องค่อยๆเอามือคลำไข่ตัวเอง ว่ามันยังอยู่ดีอยู่ไหม 

นั่น...ถึงแม้ว่ามันหดไปเยอะ ซึ่งตอนนี้ก็ยังคงนึกไม่ออกว่ามันหดเพราะตกใจ หดเพราะความเย็น หรือหดเพราะความกลัว แต่มันก็ยังอยู่ดี

เลื่อนลงไปอีกหน่อย อัณฑะที่แสนหวง มันก็ยังอยู่เป็นลูกๆนะ ไม่เจ็บ ไม่แสบ ไม่เละ

และท่ามกลางการชุลมุนวุ่นวายอยู่นั้น ผมก็แอบเปิดกางเกงดู ไม่เห็นเลือด ไม่เห็นแผล 

แต่ผมเจ็บหัวหน่าวเหลือเกิน

.......................

เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ผมได้ไปร่วมกิจกรรม “จริยธรรมสัญจร” กิจกรรมในตำนานของภาควิชาเราที่จัดติดต่อกันมาหลายปีตั้งแต่ผมเป็นแพทย์ใช้ทุนปีสุดท้าย (โอ้โห นั่นมันปี พ.ศ. ๒๕๔๒ เชียวนะนั่น) ครั้งนั้นเราไปกันที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ความทรงจำเกี่ยวกับการออกนอกสถานที่ครั้งแรกของอาจารย์และแพทย์ใช้ทุนของผมในคราวนั้นคือ 

ผมเป็นแพทย์ใช้ทุนคนเดียวที่พกเมียไปด้วย ผมได้นอนห้องส่วนตัวเพียงคู่เดียวในขณะที่คนโสดอื่นๆต้องนอนห้องรวม แต่จะว่าไป เค้าก็ไม่ได้นอนกันหรอก เพราะ “เกี๊ยง” ได้จัดกิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์แลกเงินกันจนเกือบรุ่ง และที่เป็นเนื้อหาวิชาการสุดเข้มก็คือกิจกรรมอภิปรายเรื่องการทำแท้ง (อันเป็นตำนานและจุดเริ่มเรื่องราวชีวิตหมอทำแท้งอย่างผม)

นั่นคือ ผมยังเป็นแพทย์ใช้ทุนหรือเป็นนักเรียนของครู ตราบเมื่อผมได้มาเป็นครู ผมก็ถูกรับเลือกให้เป็นผู้จัดบ้าง 

ลองดูซิ ผมยังจำอะไรได้บ้าง

“หาดปิติรีสอร์ท” 

มันคือครั้งแรกที่ผมนำกิจกรรม walk rally มาใช้เพื่อละลายพฤติกรรม การฝึกซ้อมเต้นรำและตีกลองของเจ้าหน้าที่ของภาควิชา เกมหน้าชายหาด “ตะขาบ” “โยนถุงยาง” “ปลาร้าปลาเค็ม” และอื่นๆที่จำไม่ได้เสียแล้ว ครั้งนั้นพี่แป้งยังเล็กๆ เธอมายืนเต้นรำนำพวกพี่ๆ “แอปเปิ้ล มะละกอ กล้วย ส้ม” น้องจ้าและต้นข้าวยังคงอยู่ในท้องจิ๋มและของพี่เปิ้ล และที่ลืมไม่ได้ก็คืออาหารและผลไม้ที่ถูกจัดมาต้อนรับโดยนายอำเภอสิชลและผู้ว่าฯนครศรีธรรมราช 

“อนันตรา ตรัง” 

คืออีกที่ที่มีความสนุกและสุขกันล้นเหลือ ดูลักษณะของโรงแรมซึ่งไม่ชวนให้จัด rally เสียเท่าไหร่ แต่เราก็มีเกมในห้องประชุมที่สนุกเสียจนน้ำตาเล็ด ฉี่เกือบไหล ผมยังจำภาพอาจารย์สุธรรมและทีมแบกพี่หนู (ศศิกานต์ ) ผู้คาบหลอดไปรับยางเส้นอย่างทุลักทุเล ภาพสมาชิกในทีมที่เบียดกันยืนบนกระดาษชิ้นเล็กๆ กอดกันกลมเชียว

“ตาลคู่รีสอร์ท” 

คือสถานที่ที่ยังพูดกันอยู่บ่อยๆ ทั้งเรื่อง แก้วกับก้อง ที่ทั้งคู่เกิดอยากจะต่อยหน้ากัน อาจารย์วิรัชที่ต้องอดตาหลับขับตานอนดื่มเหล้าเฝ้าลูกศิษย์อยู่จนดึกดื่น ไม่รู้ว่าเพราะกลัวมันต่อยกัน หรือเพราะว่าเหล้าอร่อย และ “เกี๊ยง” ผู้จัดเกมแลกเงินอีกรอบกับเหล่าเจ้าหน้าที่ภาควิชา การประชุมครั้งนั้น เรามีข้อสรุปอันหนึ่งซึ่งน่ารักมาก ก็คือ อาจารย์วิรัช อาจารย์โสภณ และอาจารย์สุธรรม รับหน้าที่มาสอนลูกศิษย์ทำคลอดด้วยคีม หัตถการซึ่งกำลังจะเป็นเพียงเรื่องเล่าขานให้คงอยู่ต่อไป

“ราชาคีรี ขนอม” 

มันถูกจัดขึ้นมาหลังจากผมกลับมาจากเรียนที่สิงคโปร์ ครั้งนั้นน่าจะเป็นเพราะความฟิตหรือคิดถึงก็ไม่ทราบได้ ผมจัด walk rally เสียจนลูกศิษย์ครวญด้วยความเหนื่อย และสิ่งที่ได้กลับมาคือการแช่ตัวในสระน้ำสบายๆ แม้ว่าเขามีถึง ๒ สระ แต่สระขนาดเล็กมีคนจำนวนมากลงไปแช่ ไปคุยกัน ไปนินทากัน กลับน่าพิสมัยกว่าสระกว้างใหญ่อีกแห่ง ส่วนกิจกรรมวิชาการก็เน้นเรื่องการสร้างทีม ผมจำได้ว่า เราจัดให้หมอกับพยาบาลคู่ที่ทะเลาะกันได้ปรับความเข้าใจกันด้วย

การจัดกิจกรรมครั้งหลังๆ ผมมีความทรงจำกับมันน้อยมากเสียจนน่าใจหาย เกาะสมุย กระบี่ โรงแรมเรือรัษฎา และที่ภูเก็ต นั่นคงจะเป็นเพราะผมไม่ได้จัดการเอง และมีภาระที่ต้องออกห่างจากภาควิชาอยู่ช่วงหนึ่ง

แต่อันที่จริงก็มีบ้างสินะ เช่น เรื่องแข่งว่ายน้ำกับแพทย์ลูกศิษย์ที่กระบี่ และทีมอาจารย์ชนะ ไอ้ที่ชนะก็เพราะอาจารย์วิรัชและอาจารย์สุธรรมลงแข่งด้วยเสียมากกว่า เขาทั้งคู่เป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัยเชียว

แล้วผมก็ห่างหายไปนานจริงๆ

มาเมื่อปีที่แล้วที่ผมเริ่มกลับมามีความทรงจำกับ “จริยธรรมสัญจร” ของภาควิชาอีกครั้ง “ประสานสุขวิลล่า สิชล” 

มันคือการกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งของผม เรามีเกมเล่นรอบวง มีเกมตะขาบ แย่งไข่ และเล่นแชร์บอล (และทีมอาจารย์ก็ชนะอีกแล้ว) ความสนุกยามค่ำคืนของวงอาจารย์อาร์ทและน้องๆ ที่ร่ำเครื่องดื่มกรึ๊บไปกรึ๊บมาตามแต่เกมจะพาไปก็สนุกจนล้นเหลือ

นั่นคือปีที่แล้ว

แล้วปีนี้ล่ะ

“ชมดาวรีสอร์ท” อำเภอป่าพะยอม (แต่ไม่เห็นต้นพะยอมสักต้น) คือสถานที่ที่จัดกิจกรรมในครั้งนี้ (เกริ่นมายาวเชียว) และผมเดินทางไปร่วมกิจกรรมพร้อมน้องจ้า

มาที่นี่ก็ต้องไปล่องแก่ง

สายน้ำที่ไหลล้นออกมาจากอ่างเก็บน้ำ “ห้วยน้ำใส” ปล่อยลงมาผ่านลำห้วยและเกาะแก่งต่างๆ เป็นที่มาของการล่องแก่งที่ขึ้นชื่อของที่นี่ 

แล้วทีมเราจะพลาดไปได้อย่างไร

หลังจากที่ได้เรียนรู้เรื่อง “ความปลอดภัยของผู้ป่วย” มาอย่างมากจนหมอเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย (ล้อเล่นนนน) เราก็จับรถกะบะไปยังเบื้องต้นของสายน้ำ

น้ำใสไหลเย็นเห็นพื้นทรายไหลเอื่อย ประหนึ่งลวงล่อให้เราชะล่าใจ ผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะคนนำเที่ยวไม่ได้บอกหรือติวอะไรพวกเราเลย วิธีพายเรือ วิธีทรงตัว รวมถึงการปฏิบัติตนเมื่อเรือคว่ำ ซึ่งมันเกิดขึ้นได้ง่ายมากหากน้ำไหลแรงๆ

ผมจับคู่กับน้องจ้าพายนำออกไปเป็นลำที่ ๓ 

สองข้างลำน้ำเป็นป่าบ้าง สวนยางบ้าง นานๆเราจะผ่านรีสอร์ทสักครั้ง เสียงกรี๊ดดังมาเป็นระยะๆ บางคนกรี๊ดง่าย บางคนกรี๊ดเสียงดัง บางคนนั่งนิ่งๆเกร็งๆ คงเพราะว่ายน้ำไม่เป็นอย่างสิ้นเชิง บางคนชอบการผจญภัย ชอบพายเรือเข้าไปในกอไผ่ หรือกระทั่งการคว่ำเรือด้วยตัวเอง

การคว่ำเรือหรือเรือคว่ำเป็นหนึ่งในไฮไลท์ของการล่องแก่ง 

ความตื่นเต้นมันเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เห็นแก่งน้ำเชี่ยวอยู่ตรงหน้า

“พ่อ พ่อจอดเรือเกาะไว้กับทีมก่อนได้มั้ย จ้ากลัว” เจ้าตัวเล็กเริ่มออกอาการกลัวหลังจากที่ลำของเราคว่ำในช่วงลงแก่งที่ผ่านมาเมื่อครู่

“ได้ลูก ลูกจับเชือกท้ายเรือลำข้างๆเราไว้ให้ดี” ผมบอกวิธีการทำให้เรืออยู่นิ่งๆ อันที่จริงก็รู้สึกกลัวอยู่หน่อยๆ 

เรือของเรารักษาสถานะของลำที่อยู่ไกลแก่งที่สุด และมันถูกเลื่อนเข้ามาใกล้แก่งเรื่อยๆจากการที่ลำหลังๆเข้ามาแทรกด้วยแนวคิดเดียวกัน คือ จะขอลงเป็นลำหลังๆ

“พ่อ จ้าว่าเราใกล้แก่งที่สุดแล้วนะ” คนหัวเรือรายงานด้วยเสียงดัง เมื่อคราวที่เรือของเราหลุดออกมาจากกลุ่มและหัวพุ่งลงแก่งทันทีที่เธอพูดจบ

หัวเรือของผมพุ่งลงแก่งอย่างรวดเร็ว และดังใจนึก ผมคัดท้ายให้มันพุ่งลงไปตามลำน้ำโดยไม่ขวางมัน 

“ตึ๊ก” ท้องเรือกระแทกหินเสียงดัง เรือตะแคงลงทางด้านขวา และเพียงกระพริบตา เรือของเราก็คว่ำลง

“จ้า ปล่อยตัวไหลไปเลยลูก อย่าพยายามว่าย” ผมตะโกนเสียงดังเพื่อให้ลูกสาวซึ่งหลุดลอยออกไปด้านหน้าเกินมือผมเอื้อม 

ผมเห็นลูกสาวลอยห่างออกไปก็ใจหาย แต่การลอยน้ำโดยที่เธอยังทรงตัวได้ดีนั้นทำให้ผมใจชื้นขึ้นมาก 

ผมเองก็ทุลักทุเล พยายามยืนเพื่อดูลูก เข่ากระแทกหินเสียหลายครั้ง เริ่มเข้าใจว่าการกระฉอกของน้ำอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นมันมาจากโขดหินใต้น้ำก็ส่วนหนึ่ง และหินแต่ละก้อนที่ซ่อนตัวอยู่นั้นล้วนใหญ่และแหลมมน (แหลมมนจริงๆ มันเป็นสันมนๆเพราะสายน้ำกร่อนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ขาดซึ่งความคมที่จะกรีดผิวเราออกเป็นชิ้นๆ)

“ปึ๊ก” 

มันไม่ใช่เสียง แต่มันเป็นการกระแทก ผมถูกกระแทกด้วยหินก้อนใหญ่ใต้ผิวน้ำ 

เข่า แขน ศอก อวัยวะส่วนต่างๆของผมกระแทกก้อนหินไปหลายก้อน แต่นั่นมันไม่ใคร่จะรุนแรงเท่าไหร่นัก แต่ปึ๊กสุดท้ายที่ผมถูกกระทำจากธรรมชาตินั้น คือการกระแทกที่หัวหน่าว 

ผมมองเห็นดาว 

ผมยังคงพยายามยืนขึ้น เจ็บก็เจ็บ แต่ก็ยังอยากทรงตัวให้ได้โดยเร็วที่สุด นั่นเพราะลูกสาวยังคงลอยห่างออกไป

“จับน้องไว้ด้วย” ผมตะโกนอีกครั้งหลังจากที่น้องจ้าลอยเข้าไปใกล้เรือลำหนึ่งและถูกคว้าไว้ ผมจึงวางใจ

กระแสน้ำเริ่มนิ่ง ลูกสาวปลอดภัย ผมเจ็บแถวๆกระเจี๊ยว 

“บ้าเอ๊ย ไข่แตกมั้ยวะ” ผมพึมพำในใจ

แล้วผมก็ต้องค่อยๆเอามือคลำไข่ตัวเอง ว่ามันยังอยู่ดีอยู่ไหม 

นั่น...ถึงแม้ว่ามันหดไปเยอะ ซึ่งตอนนี้ก็ยังคงนึกไม่ออกว่ามันหดเพราะตกใจ หดเพราะความเย็น หรือหดเพราะความกลัว แต่มันก็ยังอยู่ดี

เลื่อนลงไปอีกหน่อย อัณฑะที่แสนหวง มันก็ยังอยู่เป็นลูกๆนะ ไม่เจ็บ ไม่แสบ ไม่เละ

ผมค่อยๆปีนขึ้นเรือโดยมีลูกนั่งรออยู่แล้ว 

“พ่อ เป็นไงบ้าง” ลูกถามขึ้นก่อน

“เจ็บลูก แต่ไม่สำลักน้ำ ลูกล่ะ” ผมตอบ

“จ้าเข่ากระแทกนิดเดียว ไม่เจ็บมาก” 

“เก่งมาก ลูกกลัวมั้ย”

“นิดหน่อยพ่อ สนุกมากกว่า” หน้าคนตอบน่าเชื่อถือ เพราะแววตายังคงแสดงออกถึงความรักการผจญภัยแบบนี้

หลายลำถูกแก่งลำนั้นเล่นเสียจนสะบักสะบอม คนบางคนถูกแยกคู่  คู่รักบางคู่ถูกกระแสน้ำแยกออกจากกัน เรือบางลำคงถูกน้ำเข้าภายในจนหนักอึ๊ด พายไปพายมาเรือก็จมน้ำลงไปเฉยๆ (แบบว่าเกิดมาก็เพิ่งเคยเห็น เรือคายักไฟเบอร์จมน้ำได้ ไม่เคยเห็นจริงๆ)

ระยะทาง ๕ กิโลเมตร เราใช้เวลาไปเกือบ ๒ ชั่วโมง กับแก่งแรงบ้าง เบาบ้าง ลำของผมไม่คว่ำในแก่งอีกเลย น่าจะเป็นเพราะเจ้าจ้ามีทักษะในการปรับเอียงตัวให้เข้ากับการโคลงของเรือได้เป็นอย่างดี มันช่วยได้มาก

ท้ายที่สุด ผมเจ็บ แต่ก็ไม่เป็นไร มันแค่เจ็บหัวหน่าว กระเจี๊ยวและอัณฑะยังคงปลอดภัยดี โล่งใจจริงๆ

ธนพันธ์ ชูบุญไข่ยังอยู่ดี

๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑


หมายเลขบันทึก: 644795เขียนเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2018 21:09 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2018 21:09 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

อ่านไปช่วยลุ้นไปค่ะ...ดีใจด้วยที่ทุกอย่างยังอยู่ดี...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท