วันที่สองของการกลับมาสู่ครอบครัวใหญ่ ที่ "นาสะอุ้ง" กับบรรยากาศยามเช้าที่ไม่ค่อยคุ้นเคย เมื่อร่างกายต้องฝ่าฟันอุณหภูมิ 4 องศามาอย่างกระท่อนกระแท่นเมื่อคืนนี้
สมาชิกอาสาหลายคนยังไม่ลุกขึ้นจากเต้นท์นอน หรือบางคนที่ตื่นแล้ว ก็จะมานั่งในที่ที่เราคุ้นเคย ด้านหน้าอนามัยหู่บ้าน พร้อมกองไฟที่ก่อกันขึ้น โดยมีคุณลุงคนขับรถของ มหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ ซึ่งขันอาสาขึ้นมาร่วมงานกับเราอย่างเต็มใจ เสมือนมาดูแลลูกหลาน และที่สำคัญปีนี้ทางมหาวิทยาลัยได้สนับสนุนยานพาหนะมาให้กับพวกเราเพื่อลดรายจ่ายค่าเดินทางที่พวกเราต้องทำกิจกรรมหาทุนเอง จึงทำให้เราได้ใช้ประโยชน์จากงบประมาณปีนี้อย่างเต็มที่
อาหารเช้าของวันนี้ เอาใจบรรยากาศที่แสนหนาวเหน็บสุดขีด ด้วยข้าวต้มกุ้ย พร้อมผักกาดกระป๋อง อาหารกระป๋องที่ได้จากการบริจาคมา และการสนับสนุนจาก โรงเรียนอนุบาลนิเวศน์วารินทร์ เพื่อการประทังชีพ โดยมีหัวหน้าแม่ครัวอย่าง ป้าแยม นักศึกษาภาคสมทบ ที่มาพร้อมกับสโลแกน "ใครทำก็อร่อย" ของ ยำผักกาดดอง
ทุกเช้าหลังการรับประทานอาหาร พวกเราก็จะมาเข้าแถวเพื่อสำรวจสมาชิกในทีมงานว่า มีสภาพการเป็นอย่างไร มีความพร้อมเพียงใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสภาพร่างกาย และสภาพจิตใจที่แต่ละคนประสบอยู่ ซึ่งอาจมีข้อสงสัย หรือการต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งผู้นำค่าย อ.ดี๋และ ผม อาจต้องคอยสอดส่องดูแลกันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งในครั้งนี้ เด็ก ๆ มีความจริงจังกับการเตรียมการทุกอย่างอย่างมาก มันเป็นความท้าทาย ที่ไม่เหมือนกับเพียงแค่การหาเงิน มีค่ารถ มีของมาให้ แต่มันคือสร้างความเข้าใจ เข้าถึง และลงมือพัฒนา โดยการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนอย่างแท้จริง ซึ่งในระหว่างที่มีการประชุม พ่อแม่พี่น้องที่จะร่วมลงมือ ลงพื้นที่กับเราก็มายืนรอพร้อมแล้ว
ในบางครั้ง การมาทำหน้าที่ตรงจุดนี้ หลายคนอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องง่าย ผมต้องขนสรรพกำลังทางความคิด สติปัญญาที่สะสมมาทั้งหมดมาเพื่อสร้างคุณูปการกับชุมชน นักศึกษา เพื่อนพ้องน้องพี่ ผู้สนับสนุน และมหาวิทยาลัย ให้ได้มากที่สุด แต่ด้วยความที่เราอาจไม่ได้มีความรู้ในทุกเรื่อง มาหาความรู้จากรุ่นพี่ศิษย์เก่าที่มาคอยเป็นที่ปรึกษาให้ อย่างพี่แมว ผู้คร่ำหวอดวงการพัฒนา และเครือข่าย พี่บอล ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีและการถ่ายภาพ พี่มิ้น สาวงามด้านการอนุรักษ์ พี่กอล์ฟผู้เชี่ยวชาญงานช่างและผู้ชำนาญพื้นที่ชำนาญทาง และพี่ต๋อง ผู้เชี่ยวชาญการทำฝายและงานสัมพันธ์กับเด็ก นอกนั้นก็อาศัยความรู้จากปราชญ์ชุมชน ที่ผมแวะเวียนไปยืนพูดคุย และต้องพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นตลอดเวลาในพื้นที่ เรามีบุคคลหลายระดับที่ต้องรอคอยให้คำปรึกษากับน้อง ๆ ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ รวมทั้งการพัฒนาตนเองให้มากขึ้นไปอีกระดับ เรามีอาจารย์ไปลงพื้นที่ 2 คน คนนึงคือผม ผู้พอจะมีองค์ความรู้ด้านการวิจัยชุมชน การจัดการ และเศรษฐศาสตร์ ส่วน อ.ดี๋ ผู้มีองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์ การพัฒนาพื้นที่ และมหาบัณฑฺิตเทคโนโลยีสารสนเทศหมาด ๆ ขั้นที่สองก็คือ พี่ ๆ ศิษย์เก่า ขั้นต่อไปจัดตามลำดับความเก๋าของการทำกิจกรรม ซึ่งถือว่าเป็นระบบที่ดูแลกันได้ดีพอสมควร
และอีกเครือข่ายสำคัญที่นอกจากให้งบประมาณสนับสนุนกิจกรรมเป็นประจำทุก ๆ ปี ผู้บริหารองค์กร และเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน ก็ลงพื้นที่มาร่วมกิจกรรมกับทีมงานของเราเป็นประจำทุกปี เรียกว่านอกจากจะให้ทุนทรัพย์ ยังให้กำลังกาย และ กำลังใจมาเต็มเปี่ยม รวมทั้ง คุณสยาม เศรษฐบุตร ผู้จัดการสำนักงานกิจกรรมเพื่อสังคมและสื่อสารองค์กร บริษัทบางกอกกล๊าส จำกัด (มหาชน) เดินทางมาให้กำลังใจทีมงานด้วยตนเอง พร้อมภรรยาและบุตรทั้งสองคน พร้อมมารับประทานอาหารเช้าแบบ low class กับพวกเราอย่างเป็นกันเอง โดยไม่ถือตัวแต่อย่างใด ผมได้ยินภรรยาของคุณสยามสอนลูกทั้งสองคน ให้เรียนรู้การกินง่ายอยู่ง่าย รับผิดชอบตนเอง อยากให้น้องมาดูกิจกรรมที่ทำเพื่อสังคม เป็นแนวคิดการอบรมลูกที่น่าสนใจมากครับ พร้อมกันนี้คุณสยามและครอบครัวยังได้มอบทุนอาหารกลางวันให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก บ้านนาสะอุ้ง และมอบของที่ระลึกให้กับหมู่บ้านด้วย
นอกจากคุณสยาม จะมาในฐานะผู้สนับสนุนโครงการในครั้งนี้แล้ว "ีพี่สยาม" ยังมาที่แห่งนี้ในฐานะ เพื่อนรุ่นพี่ ร่วมรุ่น PhD4 ของผม ที่พี่สยามจะบอกผมเสมอว่า "โครงการดีดีแบบนี้มีอีกเมื่อไรบอกพี่นะ พี่จะสนับสนุนอย่างเต็มที่ และพี่จะพยายามมาให้ได้แม้ว่าการเดินทางจะไม่สะดวก ช่วงเวลาไม่ค่อยเอื้ออำนวย แต่พี่ก็จะมา" มันช่างเป็นกำลังใจให้กับทีมงานของคนเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ที่ยังมีผู้ใหญ่ใจดีเห็นคุณค่า และมาร่วมเรียนรู้ไปกับพวกเรา
ไม่มีความเห็น