837. "GRIT" สมการแห่งชีวิต


นาทีนี้แทบไม่เป็นที่กังขาอะไรว่าพี่ตูนเป็นหนึ่งใน Hero ของคนไทย  พี่ตูนเป็นสุดยอด Hero ของคนเป็นครูอย่างผมเช่นกัน ด้วยการที่กล้าคิดกล้าทำ  กล้าสร้างความแตกต่าง  ทุกการกระทำของพี่ตูนมีความหมายเสมอ ...ใครจะว่าพี่ตูนของผมว่าแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ผมไม่สนใจ...เอาเป็นว่าคุณหมอคนหนึ่งที่เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่ผมไปสอน ท่านบอกว่า ระยะนี้ขอนแก่นแปลกไป เห็นคนมาวิ่งออกกำลังกายหนาตาขึ้นอย่างไม่เป็นมาก่อน อย่างนี้หมอสบายขึ้น  ชัดครับคนดีส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งทางตรงทางอ้อมเสมอ...  ทางอ้อมอาจยิ่งใหญ่พอๆกับทางตรงด้วยซ้ำ ...

วันนี้ผมว่าเป็นโอกาสดีที่เราจะได้เรียนรู้อะไรจากพี่ตูนในอีกมุม ...ผมจะพาทุกท่านมาศึกษาที่พี่ตูนครับ ผ่านบทเพลงที่ผมว่าแทนตัวตนพี่ตูนได้ดีที่สุด ...นั่นคือเพลงแสงสุดท้ายครับ  

ผมฟังเนื้อเพลังแล้วผมขนลุกครับ ...

ไม่แปลกใจว่าทำไมมีตูนทำอะไรก็สำเร็จ ..เพราะเนื้อเพลงทั้งหมดจะดูพูดถึงการทำตามความฝันให้เป็นจริง แม้มันจะมืดมน

จะว่าไปในสาย Positive Psychology พี่ตูนกำลังพูดถึงเรื่อง GRIT ครับ 

Angela Duckworth ได้ศึกษาคนที่ประสบความสำเร็จมากๆ แล้วค้นพบคนที่ ถ้าชีวิตแปลงมาเป็นเพลงก็จะได้เพลงสงสุดท้ายนี้แหละ

Angela บอกว่าคนที่สำเร็จอาศัยพลังสองอย่างครับคือ  Passion ความหลงใหล กับ Preserverance หรือความอุตสาหะ

เพลงแสงสุดท้ายและชีวิตพี่ตูนคือประมาณนี้ครับ

พี่ตูนดูมี Passion เรื่องการช่วยเหลือโรงพยาบาล พี่ตูนก็ใช้ Passion อีกตัวคือพี่ตูนชอบวิ่งมากๆๆ  พี่ตูนก็อดทนวิ่งจากภาคใต้ไปภาคเหนือ... ไม่ว่าจะลำบากแค่ไหน พี่ตูนไม่ท้อที่สุดวันสองวันนี้ยังไม่ถึงภาคเหนือเลย ได้เงินบริจาคไป 700 ล้านแล้ว  ...พิสูจน์ทฤษฎีนี้เลย 

คราวนี้ครับ เราจะดึงสิ่งที่ดีที่เราเห็นในตัวพี่ตูนมาใช้อย่างไร  

บางคนก็บอกว่าอยากทำนะ แต่วิ่งอย่างพี่ตูนไม่ไหว ...หรือวิ่งได้ก็ไม่อึดเท่า

ไม่รู้จะสร้างความสำเร็จอย่างพี่ตูนได้อย่างไร  

เอาหล่ะ ผมมีตัวช่วยครับ 

ลองตั้งคำถามเชิงบวกแบบ Appreciative Inquiry ... แนวคิดแบบ Appreciative Inquiry คือการรสืบค้นเรื่องราวดีๆ ในตัวคน ในองค์กร ในส่ิงแวดล้อม แล้วเอามาขยายผล  โดยเชื่อว่าทุกคนทุกองค์กรทุกสิ่งแวดล้อมมีเรื่องราวดีๆที่เป็นสาเหตุให้ระบบเดินไปด้วยดีอยู่

Appreciative Inquiry ประกอบด้วยวงจรดังรูปข้างล้างครับ 

คือเราต้องเลือกก่อน เลือกว่าจะทำอะไร .. Affimative Choice ตรงนี้สำคัญ คือแทนที่คุณจะพูดว่าคุณไม่รู้จะทำอะไร นี่มันลบครับ ...ตั้งใจเลยว่าทำอย่างไรจะมี GRIT แบบพี่ตูน ...GRIT ในแบบของคุณเอง 

จากนั้นก็มา Define หรือการสร้างโจทย์ทรงพลัง... เราจะมาสร้าง GRIT ในชีวิตกัน ..ประมาณนี้ก็ได้ 

แล้วเราก็ขั้นตอนแรก ... ค้นหา GRIT ด้วยการตั้งคำถามเชิงบวก ...ตรงนี้เราเรียกว่า Discovery หรือการตั้งคำถามเชิงบวก (ตรงนี้ก็จะเป็นเรื่อง GRIT) แล้วถามตัวเองกัน (ถ้าอยากให้องค์กรมี GRIT ก็จัดวงคุยกัน)

สำหรับคำถามเชิงบวก เพื่อค้นหา GRIT ก็คือ ....ให้คุณนึกถึงผลงานที่คุณภูมิใจที่สุดในชีวิต มันคืออะไร อะไรเป็นต้นเหตุความสำเร็จ  แล้วค้นหาองค์ประกอบของ GRIT ซึ่งคือ..ท่านเกิด Passion มาได้อย่างไร ... Preservarance ตอนท่านอุตสาหะ ท่านอุตสาหะอย่างไร ใช้วิธีการที่แตกต่างไปจากคนอื่นอย่างไร ..

ถ้าเป็นผมผลงานที่ผมภูมิใจที่สุดคือการได้เรียนจบปริญญาเอกด้านการพัฒนาองค์กร ที่สำคัญได้ทำวิทยานิพนธ์การนำ Appreciative Inquiry มาใช้จริงในบรบทคนไทย ...ตรงนี้เปลี่ยนชีวิตผมเลย เพราะทำให้ผมมีอาชีพใหม่ อาชีพที่ผมสนุกทุกวันละมันก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ...ตอนนั้นผมเหมือนพี่ตูนในเพลงเลยครับ มืดมน แต่ก็ไม่ท้อ มันเป็น Passion จริงๆ รักชอบมากๆ  และ ก็อึด 

Passion มาจากไหน มาจากการที่ต้องทำวิทยานิพนธ์ ...และระหว่างเรียนไปเจออาจารย์พูดถึง Appreciative Inquiry เพียงสองบรรทัด.. อาจารย์พูดสั้นๆ ว่าเป็นเครื่องมือหนึ่งในการพัฒนาองค์กร ..แต่ไม่มีรายละเอียด ..เลยเจาะไปถามพี่ Google ก็พบรายละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ เลยเริ่มหาหนังสือมาอ่าน เจาะลึก จะมาทำเมืองไทย มีใครทำมาบ้าง ...มีพูดถึงโดยหมอสองสามท่านในวงการแพทย์...ในแวดวงธุรกิจ การศึกษา MBA ไม่มีใครพูดถึง ไม่มีใครรู้จัก เลย..เอาเลยลุยเลย เอาไปแนะนำให้ลูกศิษย์ทำ ปรากฏกว่าขายของได้ดีขึ้น ..Wowww นี่แหละ ที่เราชอบมันใช่ เจาะทำเอามาขยายผลมากๆ แล้วผมก็ไม่หยุดทำ Appreciative Inquiry เอามาทำวิทยานิพนธ์ อาจารย์ที่ปรึกษาไม่ค่อยชอบ แต่ท่านก็ไม่ว่า เลยลุยครับ ทำต่อเนื่องมาทุกวัน 

ถอดบทเรียนนิดที่มาของค Passion คืออะไร ...การเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม ไปเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ที่ต่างไปจากเดิมครับ ..แถมเป็นสิ่งแวดล้อมที่บังคับให้คุณต้องใช้สมาธิสร้างสรรค์งานที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้นห้ามซ้ำ ที่สำคัญไปเจอสุดยอดครูปริญญาเอก ที่คอยเอาอะไรใหม่ๆ มาทดลอง แถมสนับสนุนให้เราคิดต่างอีก  

Perseverance ความอุตสาหะ  เราอึดอย่างไรตอนนั้น ...ตื่นเช้าทุกวันครับ และทำไม่หยุด ..ตอนเรียนระเบียบวิธีวิจัย โดยใจประโยคหนึ่งที่อาจารย์สอน...ท่านว่า ...อย่าหยุดทำ..ต้องทำอย่างต่อเนื่อง  อ่าน Paper วันละ 3 ชิ้นอย่างต่ำ ..จริงครับ ถ้าหยุดสักวัน กว่าจะต่อติดบางทีเป็นสัปดาห์..ผมก็เลยคิดกติกาง่ายๆ   “ต้องทำทุกวัน อ่าน Paper อย่างต่ำสาม เขียนอย่างต่ำวันละ 3 บรรทัด หรือไม่ก็กลับไปแก้คำผิด 10 จุด...ส่งงานให้ที่ปรึกษาตรวจทุกเดือน Update ความก้าวหน้าทุกสัปดาห์ และทำตาม Schedule ของหลักสูตร เชื่อฟังคำอาจารย์อย่างเคร่งครัด ที่สำคัญตื่นตีสี่ทุกวัน ตอนเช้าศึกษา Focus เรื่อง Appreciative Inquiry โดยไม่ทำอะไรอย่างอื่นเลย 3 ชั่วโมงต่อวัน ตอนสายๆ บ่ายๆ ก็ชิลล์หา Paper เตรียมไว้อ่านเช้าวันถัดไป หรือนั่งแก้คำผิด หรือไม่ก็ทำงานอย่างอื่น พักผ่อน”  

ชัดมากๆครับ ผมจบตรงเวลา ได้ความรู้ ..และจบอย่างชิลล์ เหมือนเวลาผ่านไปไม่รู้ตัว คนรอบตัวก็งงๆ ..จบแล้วเหรอ ดูชิลล์ ...

สรุปที่มาของ Perservarence ก็คือการได้พบครูดี แล้วทำตามที่ท่านพูดต่อ

สรุปที่มาของทั้ง Passion และ Perservarence ของผมคือการได้พบครูดี ทำสิ่งที่ชอบ และ สร้างกติกา

ถ้าพูดอีกที่ เกิดจากการออกจาก Comfort Zone กล้าเปลี่ยนไปทำสิ่งที่ไม่คุ้นเคย ได้เจอครูเก่ง  และทำตาม จากนั้นอดทนทำภายใต้กรอบเวลาระยะหนึ่ง

เหตุการณ์นี้ทำให้นึกถึงครั้งที่ผมเคยเปลี่ยนชีวิตอีกครั้งนั้นคือตอนบวชที่วัดหลวงพ่อกล้วยเมื่อปี 2012 นั่นบวชสามเดือนเลย ทั้งๆ ที่อายุ 42 แล้ว คล้ายกันครับ GRIT ออกมาแบบเดียวกัน ผมก็ค้นพบ Passion ในโลกทางธรรมตอนบวชนั่นอีก และก็มีครูดีที่เรายอมให้ท่านเคี่ยวกรำ ... ตอนนี้จิตใจ

Pattern เดียวกันเลย 

นี่คือ Discovery ครับ

Dream  สร้างฝันต่อ ....ตอนนี้อยากขยายงาน Appreciative Inquiry ไปไกลในด้าน Management Education ผมฝันเห็นคนไทยเอา Appreciative Inquiry ไปพัฒนาองค์กร ทำให้องค์กรของไทยมีขีดความสามารถในระดับโลกมากยิ่งขึ้น คนไทยมีความสุขในการทำงานมากขึ้น  

Design มาทำซ้ำครับ ..

  1. ผมอาจเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม 
  2. ไปหาครูดีๆ 
  3. ลองหาแรงบันดาลใจจากท่าน 
  4. จากนั้นทำตามกติกาที่เคยทำได้ 
  5. จากนั้นก็บ่มเพราะความสำเร็จอย่างอดทน

Destiny 

ทำจริงเมื่อไหร่

ก็จะไม่เกินสองสามเดือนข้างหน้าจะลองค้นหาครูครับ  

คุณสามารถทำ Appreciative Inquiry เพื่อค้นหาและต่อยอด GRIT ของคุณ คุณสามารถเป็นพี่ตูนได้ในแบบของคุณ  โดยการค้นหาที่มาของ GRIT  ด้วยการตั้งคำถามเชิงบวก แล้วถอดองค์ประกอบของ GRIT ที่มันเคยอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของคุณออกมา  จากนั้นคุณลองนึกถึงความฝัน เอาให้ชัดอีกครั้งว่าอยากเห็นอะไรเกิดขึ้นในชีวิตคุณ แล้วเอาวิธีการที่ได้จากช่วงค้นหา GRIT มาเป็นวิธีการอีกครั้ง แล้วลงมือทำ  

ถ้าทำกระบวนการนี้ในระดับกลุ่ม คุณจะได้เทคนิคการค้นหา Passion และการทำงานที่อยู่เบื้องหลัง Preservarence ของคนอื่น ...คุณสามารถเลือกเอามาผสมผสานกลายเป็นกระบวนการที่จะทำคุณเกิด GRIT ไปตลอดรอดฝั่งได้อีก 

และที่สำคัญจากนี้ไป คุณอาจเริ่มค้นหาประวัติคนดังที่คุณนับถือ เขามี GRIT อย่างไร อะไรเป็นที่มาของ GRIT ของเขาได้อีก   

ในเด็กผมก็สังเกต เข่นเด็กบางคน พอเปลี่ยนสถานที่ เช่นไปเรียน Summer มันเกิด Passion เกิดวิธีการทำงาน การเรียนแบบใหม่ขึ้นมาก็มี  

ลองสังเกตดู คุณจะเห็นอะไรขึ้นมาก

การมองคน มองชีวิตผ่าน GRIT ให้ประโยชน์มากๆ มันทำให้คุณเห็นว่าตคุณจะสร้างเหตุอย่างไร จึงจะประสบความสำเร็จ

คนเราแต่ละคนมีระบบของตนเอง

คุณจะเห็นแสงสว่างอีกครั้ง คุณจะอยากสนุกกับการตามหาแสงสุดท้ายอีกครั้ง 

และขอบคุณพี่ตูนสำหรับแรงบันดาลใจในครั้งนี้นะครับ 

พี่ตูนจุดประกายความฝันของผมอีกครั้งว่าความฝันทำได้จริงถ้ามี GRIT 

วันนี้เราเห็น "พลัง" ของพี่ตูนแล้ว ... พลังแห่ง GRIT

เรากลับมาค้นหาพลัง GRIT ของเรากัน 

แล้ววิ่งไปกับพี่ตูนในแบบของเรากันครับ


วันนี้พอเท่านี้ เพียงเล่าให้ฟัง ลองเอาไปพิจารณาดูกันนะครับ 

บทความโดยดร.ภิญโญ รัตนาพันธุ์

www.aithailand.org

หมายเลขบันทึก: 643152เขียนเมื่อ 9 ธันวาคม 2017 12:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 14 ธันวาคม 2018 10:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

อาจารย์เป็นคนหนึ่งที่สร้างพลังให้กับชาวพยาบาลค่ะ

เราจะเปลี่ยนความคิดของเด็กไทยเพื่อเปลี่ยนแปลงการศึกษาของคนไทยโดยเริ่มต้นจากความฝันครับอาจารย์

เราจะเปลี่ยนความคิดของเด็กไทยเพื่อเปลี่ยนแปลงการศึกษาของคนไทยโดยเริ่มต้นจากความฝันครับอาจารย์

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท