ถึงแม้ผมจะไม่ใช่นักเขียน หรือกวี แต่ก็ยังชอบที่จะอ่านและหัดเขียนกลอนอยู่เสมอ
ผมมีความเชื่อและรู้สึกเสมอมาว่า การพลัดพราก หรือความเศร้าโศก มักเป็นแรงบันดาลใจให้คนเราสะท้อนความรู้สึกออกมาเป็นบทกลอน/บทกวีได้อย่างไม่ยากเย็น
ในช่วงที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 เสด็จสู่สวรรคาลัย ผมก็เขียนกลอนไว้บ้าง ส่วนใหญ่เขียนสดไม่ได้ขัดเกลาอะไร เรียกได้ว่ารู้สึกอย่างไรก็เขียนออกมาแบบนั้น คงไว้ซึ่งความสดของอารมณ์ และชั้นเชิงอันแสนธรรมดาในทางวรรณศิลป์
เช่นเดียวกับการแปรอักษรภาพถวายความอาลัยต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ผมก็เขียนกลอนในแบบฉบับของผมในเวทีนี้ว่า
ธ สถิตในดวงใจนิจนิรันดร์
ส่งพ่อสู่สรวงสวรรค์ชั้นฟ้า
มมส น้อมสำนึกพระมหากรุณาฯ
ตามรอยพ่อด้วยศรัทธาด้วยภักดี
...
ครับ ทำในสิ่งที่เรารักให้กับคนที่เรารัก แม้จะสิ่งที่เราทำจะมีทั้งเหมือนและต่างกัน ขอให้สร้างสรรค์จากใจ และไม่ทำร้ายคนอื่นใด ผมก็เชื่อว่ามีค่าและความหมายเป็นที่สุดแล้ว
ครับ นี่ก็เป็นการบอกรักพ่ออีกอย่างในแบบฉบับของผม
ภาพ : กองประชาสัมพันธ์ฯ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
เป็นการบอกรักพ่อที่งดงาม
การเขียนเป็นเหมือนการเยียวยาการพลัดพรากจริงๆนะครับ
ขอบคุณมากๆครับ
สวัสดีครับ
ดร.ขจิต ฝอยทอง
บทกลอน -บทกวี เป็นงานศิลปะ อารมณ์สะเทือนใจคือบ่อเกิดของศิลปะ
โศกนาฏกรรม จึงมักเป็นเรื่องเล่าอันไม่รู้จบ
เราเห็นจากขวัญ-เรียม, โรมิโอ-จูเลียต, เงาะป่า ฯลฯ เป็นเช่นนั้นจริงๆ ครับ
ง่าย งาม ตาม ความจริง ครับ ;)...
แวะมาขอบคุณครับ อ.วัส Wasawat Deemarn
ความจริง คือความงาม ความงามในสถานะหนึ่งก็คือ คามง่าย นั่นเองครับ เพราะความง่ายบางทีก็หมายถึงธรรมดา-ธรรมชาติ 555555