วันสุดท้ายของทริปก็มาถึง ใครว่าเที่ยว 14 วันนานเกินไป จะชมอะไรกันนักกันหนา
พวกเรารู้สึกว่าเที่ยว 15 วัน 14 คืน คุ้มค่าและกำลังดี เป็นการเที่ยวแบบผู้ใหญ่ที่ชีวิต mature ไม่เร่งรีบจะต้องเก็บเกี่ยวเห็นให้เยอะๆ แต่ก็ไม่ถึงกับเนิบช้าอืดยืด เพราะการท่องเที่ยวสำหรับวัยขนาดผู้เขียนก็ถือเป็นโอกาสได้ทำชีวิตกระฉับกระเฉง ได้เคลื่อนไหวตามสภาพร่างกาย และยังได้ใช้สมองในการคิดอ่านวางแผนที่ทำให้ต้องค้นคว้า ต้องอ่านข้อมูลเพื่อการเตรียมการอย่างมากค่ะ
แน่นอนค่ะ จะเที่ยวแบบนี้ได้ต้องไม่ติดขัดเรื่องเวลา ไม่มีภาระหนักหนาทางบ้านให้ต้องกังวลใจ มีเงินพอสมควร มีสุขภาพพละกำลังพอสมควร และสามารถหาเพื่อนร่วมทางที่ชอบคล้ายๆกันพอควร ที่สำคัญเป็นคนยืดหยุ่น กินอยู่ง่ายพอควร
ทริปครั้งนี้ผู้เขียนเดินทางด้วยการบินไทยเพราะเอาคะแนนแลกไมล์เดินทาง ส่วนอีกสี่สาวบินอีกสายการบินทำให้ไฟล์กลับมีเวลาเหลือเที่ยวก่อนถึงเวลาขึ้นเครื่องไม่เท่ากัน สาวสี่คนเครื่องออกราวเที่ยงคืน ส่วนผู้เขียนเครื่องออกราวห้าโมงเย็น
เราวางแผนว่าเมื่อจัดการอาหารเช้าที่ที่พักเสร็จทุกคนเอากระเป๋าขึ้นรถไฟไปสนามบินคันไซกันเลย เอากระเป๋าใส่ล็อกเกอร์ แล้วไปเที่ยวต่อตามเวลาที่มี
แผนของเราคือ ทุกคนไปเที่ยว Hamadera Park ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสนามบินคันไซนัก เที่ยวสักไม่เกินบ่ายโมงแล้วแยกกันที่นี่ ผู้เขียนก็ย้อนกลับสนามบินคันไซคนเดียว ส่วนสามสาวจะไปเที่ยว พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโอซาก้าหรือ Kaiyukan Aquarium ซึ่งเว็ปไซท์ด้านการท่องเที่ยวTripadvisor ยกให้เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นและเอเชีย
http://www.kaiyukan.com/language/thai/about.html
ทีเลือกไป Hamadera Park เพราะนอกจากจะอยู่ใกล้แล้วข้อมูลบอกว่ามีส่วนที่เป็นสวนกุหลาบ มีกุหลาบหลากหลายพันธุ์รวมทั้งพันธุ์ของญี่ปุ่นแท้ๆด้วย เป็นสวนที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนลองไปชมกันสักหน่อย นั่งรถไฟจากสนามบินไปรวดเลยค่ะ
ดอกไม้ระหว่างทางไปสวน
สวนฮามะเดระ นี้อยู่เมือง Sakai ซึ่งติดๆกับเมืองโอซาก้า เรายังคงใช้ JR Kansai Wide Area Pass ใช้กันจนวันสุดท้ายค่ะ นั่งรถไฟ JR ไปลงที่สถานี Higashi-Hagoromo ออกเสียงยากจริงๆ เป็นสถานีเล็กๆค่ะ
เราคิดว่าเพื่อประหยัดเวลาจะนั่งแท็กซี่ไปสวนเลยดีกว่า ค่าแท็กซี่คงไม่เท่าไร ในข้อมูลบอกว่าจากสถานีรถไฟเดินไปสวนจะใช้เวลา 10 นาที แต่เรานั้นไม่เชื่อ 10 นาทีญี่ปุ่นค่ะ เที่ยวมาหลายรอบเลยรู้แกวแล้วว่า สำหรับเราต้องบวกเวลาเข้าไปอีกอย่างน้อย 1 เท่า
ที่สถานีรถไฟไม่เห็นแท็กซี่สักคัน หาผู้คนถามเขาชี้ให้เดินไปอีกนิด จะมีแท็กซี่จอดที่สถานีรถไฟอีกยี่ห้อ คือสาย Nankai เดินไปตามที่เขาบอกเห็นแท็กซี่เรียงราย ใจชื้นเลยค่ะ
หักมุม ! หลานสาวไปเจรจาบอกจุดหมายปลายทาง เห็นคนขับโบกไม้โบกมือชี้ทาง หลานสาวกลับมาบอกป้าๆว่า คนขับแท็กซี่บอกว่าสวนอยู่ใกล้นิดเดียวให้เดินไป โถ ไม่สงสารป้ากันเลย เราเลยจำใจต้องเดินค่ะ ถนนหนทางโล่งมาก และเมืองก็เงียบ เห็นผู้คนไม่เท่าไร แต่เมืองดูสะอาด และมีตึกสูงเป็นแบบคอนโดมิเนียมหรืออพาร์ตเม้นท์อยู่บ้าง
แน่นอนค่ะ เดินไปเกิน 10 นาที เราเดินใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงนะคะ และสวนนี้ก็ใหญ่มากกว่าจะเดินถึงทางเข้าสวน
เป็นสวนที่ดูมีชีวิตชีวาตั้งแต่ทางเข้ากันเลยค่ะ
สวนอยู่ติดถนนใหญ่เลยค่ะ เมืองนี้มีรถรางด้วย
สวนฮามะเดระ เป็นสวนสาธารณะเก่าแก่ของเมืองนี้ และยังจัดเป็นหนึ่งในหลายๆสวนที่เก่าแก่มากๆของจังหวัดโอซาก้า
คนที่นี่เป็นเจ้าของสวนฮามะเดระกันตั้งแต่เมื่อปี 1873 หรือราว 145 ปีมาแล้ว โดยเริ่มจากการปลูกต้นสนเป็นแถวเป็นดง แล้วค่อยๆเพิ่มเติมส่วนนี้ส่วนนั้น จนปัจจุบันเป็นสวนที่ได้รับความนิยมจากชาวเมืองพากันมาทำกิจกรรมหย่อนใจ ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ เดินเล่นและพาครอบครัวมาปิกนิก
ส่วนของสวนกุหลาบนั้นนับว่าอายุยังไม่มากแค่ 27 ปี ได้เห็นความพยายามของเขาที่จะรวบรวมพันธุ์กุหลาบและจัดทำข้อมูลป้ายบอกชื่อ
แม้สวนกุหลาบที่ตั้งใจมาชมก็ไม่ได้ใหญ่โตนัก และส่วนใหญ่ยังไม่บานเป็นแค่ดอกตูมๆ เห็นแต่ใบเขียวเป็นส่วนใหญ่
แต่ก็นับว่าได้มาเห็นบรรยากาศการใช้ชีวิตของครอบครัวญี่ปุ่นในต่างจังหวัด
ค้นภาพยามกุหลาบบานกันสะพรั่งเต็มสวนฮามะเดระ เสียดายจริงๆที่เรามาเร็วไป
เขาบอกว่าวันที่ 14 May จะเป็นวันเริ่มเทศกาลกุหลาบค่ะ
ภาพที่มีกุหลาบสะพรั่งทั้งกลางวันและกลางคืนนี้นำมาจาก
http://www.osaka-info.jp/en/events/flower_nature/rose_de_mai.html
https://www.odigo.jp/spots/9111-hamadera-park-sakai-shi
ดอกไม้อื่นๆก็มีค่ะ เมื่อถึงฤดูกาลของดอกไม้แต่ละชนิดก็เพิ่มสีสันให้ผู้คนได้สดชื่นกัน
ด้านหลังสวนกุหลาบก็ยังมีสวนแนวชนบทแสนสงบให้ชม คุณภาพชีวิตช่างดีจริงนะคะ
****
ขอเชิญชมกุหลาบบางชนิดที่พอบานให้เห็นกันนะคะ
ต้นที่ดอกบานฟูทั้งต้นสีเหลืองไม่ทราบชื่อค่ะ ซุ้มดอกชมพูนั้นมีชื่อว่า Lijiang Rose
***
*****
ชมสวนเสร็จก็เดินกลับไปที่สถานีรถไฟแล้วแยกทางกันที่นั่น ผู้เขียนกลับไปสนามบินคันไซ ขึ้นเครื่องการบินไทยแสนสบาย
อยู่บนฟ้าขอสำรับอาหารไทยเลยค่ะ ของหวานคือไอศกรีมชาไทยกับลูกชิดสามสี
อิ่ม อร่อย ถึงจะเที่ยวเพลิดเพลินอย่างไร ถึงเวลากลับเมืองไทยคือกลับบ้านเรา ก็แสนดีใจค่ะ
สะดวกเมื่อไรค่อยเที่ยวกันใหม่ ถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ เป็นอันปิดทริป Japan Spring 2017ที่มีความสุขสดชื่นแบบคนวัยเกษียณค่ะ.
อาหารชุดนี้ต้อง นั่ง vipรึเปล่าเจ้าคะ..คุณ นุช
ชอบดอกไม้สวยจัง
ขอบคุณจ้ะ
ชอบเที่ยวชมธรรมชาติ ชมนกชมไม้ เหมือนกันค่ะ