มีเพื่อน ๆ ที่เป็นพ่อค้าแม่ค้าด้วยกัน บ่นกันระงมว่า ช่วงนี้ขายของไม่ค่อยจะดี
บ้างก็ว่าเศรษฐกิจไม่ดี บ้างก็ว่ารัฐบาลอย่างโน้นอย่างนี้ ถามผมว่าเป็นอย่างไร
บ้าง ผมก็ตอบว่า ของผมก็ขายได้ไม่ดีเหมือนก่อน เมื่อก่อนผลิตวันละ 3 รอบ
ตอนนี้ผลิต 3 วัน ต่อรอบ รายได้ลดลง 3 เท่า ถามว่าอยู่ได้ไหม ก็ขอเรียนว่า
พออยู่ได้ ที่อยู่ได้ก็คือ อะไรที่พอจะทำเองได้ตอนนี้ทำเองทั้งหมด ไม่ว่าจ้างไม่ซื้อใคร
หุงข้าวทำกับข้าวกินเองที่บ้าน น้ำหวานก็เก็บมะนาวทำน้ำมะนาวกินเอง
ปลูกผักบุ้ง ผักคะน้า ตำลึง พริกขี้หนู ไว้กินเอง ไปไหนมาไหน
ใกล้บ้านก็ใช้มอเตอร์ไซ หรือเดินไป ลดการใช้รถยนต์ลง การค้าการขายก็จะ
ผลิตขนมขายเฉพาะเท่าที่ขายได้ ไม่ผลิตมาก ลูกค้าสั่งจึงค่อยทำให้ ขายได้
เท่าไหร่ก็เท่านั้น ไม่เครียด รักษาระดับหนี้เก่าไว้ผ่อนไปเรื่อย ๆ ไม่พยายาม
ที่จะก่อหนี้ใหม่ กัดฟันไม่กู้ฉุกเฉินสหกรณ์ รายได้ลดลงมาก เราก็พายายาม
ลดรายจ่ายลงให้มากที่สุด แอร์ก็เปิดแค่ 3 ชั่วโมงเวลานอน ถ้าคืนไหน
ฝนตกก็ไม่เปิด เสื้อผ้าก็ซักเองตากเองรีดเฉพาะที่จำเป็น พอเงินใกล้จะหมด
ก็ใช้วิธีประหยัดรัดเข็มขัดให้แน่นเข้าไปอีก แต่ดีอย่างหนึ่ง ยังพอจะมีรายได้จาก
การขายขนมเข้ามาเรื่อย ๆ ทุกวัน พอเป็นค่ากับข้าวได้และค่าใช้จ่ายเล็ก ๆน้อยๆ
แม้จะเป็นรายได้วันละเล็กละน้อยไม่มากเหมือนก่อนที่พอจะมีเหลือเก็บ
ถึงตอนนี้ไม่มีเก็บแต่ก็ได้กินทุกวัน ...ผมก็บอกกับตัวเองอย่างนี้ทุกวันว่า
ทน ๆ ไปก่อนนะครับ สักวันเศรษฐกิจและสังคมบ้านเราก็คงจะดีขึ้น
เข้าใจครับ ชีวิตแทบทุกคนยากแค้นกว่าเดิม ทั้งโลกเป็นเช่นนี้ เพราะเงินงานไปกระจุกอยู่แค่บางแระเทศ
I think 'self-sufficiency' is the key for survival.