" เมืองหมอกปก น้ำตกงาม ลือนามผลไม้ " ....... พะโต๊ะ ...!


เมืองหมอกปก น้ำตกงาม ลือนามผลไม้



วันที่ ๑-๒ กรกฏา ๖๐ คุณมะเดื่อและครอบครัว

ได้มีโอกาสเดินทางไปในงานบวชญาติฝ่ายพ่อบ้าน

ที่ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร เป็นอีกครั้งกับการไปที่นี่

หลังจากครั้งล่าสุดได้ไป " ล่องแพพะโต๊ะ" เมื่อเดือน

กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา


คุณมะเดื่อและครอบครัวเดินทางไปถึงพะโต๊ะประมาณ ๔ โมงเช้าเศษ ๆ

พอดีกับมื้อกลางวัน ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านแดนใต้ที่ " หรอยจังฮู้"

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง " น้ำชุบผักแนม" ที่จะขาดไม่ได้เลยจะต้อง

ประจำบนโต๊ะอาหารของเมืองใต้ เป็น " น้ำชุบ" (น้ำพริก) กับ

" สารพัดผัก " ที่มีทั้งผักต้ม ผักลวก และ ผักสด และในมื้อกลางวัน

วันนี้ คุณมะเดื่อได้รู้จักกับผักพื้นบ้านอย่างใหม่ที่ไม่เคยรู้จกมาก่อน

นั่นคือ " ผักยอง" ที่หน้าตาคล้าย "ผักตำลึงผสมบวบกับฟักแม้ว"

รสชาติออกขมนิด ๆ หวานหน่อย ๆ แปลกตา แปลกลิ้นมาก ๆ




เมื่อคุณมะเดื่อได้ชิมรสของ " ผักยอง" ทำให้หวนนึกถึง " มะนอยออมแอม"

เพราะคล้ายกันมาก ๆ คุณมะเดื่อถามคนในงานถึงต้นตอของ " ผักยอง"

เขาบอกว่า เป็นผักป่า ขึ้นงอกงามเอง ต้องใช้เมล็ดเอาไปเพาะจึงจะได้ต้น

แต่ตอนนี้หมดฤดูของผลยองแล้ว มีแต่ยอดอ่อนเอามาให้ชิม คุณมะเดื่อจึง

อดที่จะได้ " ยอง" มาปลูกที่บ้าน แต่...ก็บอกเขาไว้ว่าถ้ามีเมล็ดก็ขอให้เก็บ

เอาไว้ให้คุณมะเดื่อบ้าง ( เผื่อไว้นะ)




พิธีอุปสมบทจะมีในวันอาทิตย์ ดังนั้น วันเสาร์จึงมีเวลา

ในการ" ทัวร์" สวนผลไม้ที่มีอยู่มากมายในพะโต๊ะ

เพราะ เป็นดินแดนแห่ง " ผลไม้ " ฤดูนี้จะเป็นฤดูของ

" มังคุด " และ " ทุเรียน" มังคุด " ราชินีแห่งผลไม้"

เริ่มจะสุกแล้ว แต่ราคาต่ำกว่าปีก่อน ๆ เพียงต้นฤดูกาล

ราคาขายส่งในสวน เพียง กก,ละ ๒๐ บาทเท่านั้น





ญาติ ๆ ของพ่อบ้าน พาพวกเราไปเลือกเก็บมังคุด

ตามสวนที่สุกพอจะกินได้ เจ้าตัวเล็กชอบอกชอบใจ

ไม่พอชิมแล้วก็ บอกว่า " รสชาติแปลก ๆ " ไม่กินแล้ว


ส่วนทุเรียน ปีนี้ดกพอควร แต่ยังไม่แก่ เจ้าของสวน

บอกว่า ประมาณอีกหนึ่งเดือนก็จะแก่ ... คุณมะเดื่อ

จึงบอกว่า " เดือนหน้าจะมาเยือนอีกครั้ง" ซึ่งจะเป็นช่วงที่

มังคุดสุกพร้อมกันทั้งสวน และทุเรียนก็แก่เต็มที่

เจ้าของสวนก็บอกว่า ต้องไปจริง ๆ นะ ๕๕๕๕

ก็น่านน่ะสิ จะไปจริง ๆ ได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้เลยนะ ๕๕๕





ช่วงเย็น พวกเรากลับเข้าไปที่งานบวช ซึ่งจัดที่ " วัดแหลมทราย" อ.พะโต๊ะ อีกครั้ง

วัดแหลมทราย เป็นวัดที่อยู่ท่ามกลางสวนผลไม้ทั้งที่รอบ ๆ วัด และในวัดเอง

วัดนี้ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำพะโต๊ะ มีบรรยากาศร่มรื่น สวยงามจริง ๆ





แม่น้ำพะโต๊ะ ที่คุณมะเดื่อเคยมาล่องแพ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา





กุฏิสงฆ์วัดแหลมทราย




" อุโบสถวัดแหลมทราย" เป็นอุโบสถที่คุณมะเดื่อเห็นแล้ว...ประทับใจ

กับความเรียบง่ายเป็นที่ยิ่ง...จะต้องมีอะไรกันมากมายนักหนานะ

เพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้วกับการประกอบกิจกรรมทางศาสนานะ



คุณมะเดื่อได้นมัสการและสนทนากับหลวงตารูปหนึ่งที่วัดนี้

ได้ความว่า วันนี้มีประวัติการสร้างมาร่วม ๓๐๐ ปีแล้ว และเมื่อ

ต้นปีนี้ ( มกราคม ) ช่วงที่เกิดอุทกภัย ที่วัดนี้ก็ประสบอุทกภัย

เช่นกัน หลวงตาบอกว่า " ระดับน้ำสูง ๔ เมตร เป็นน้ำป่า

ที่ไหลมาจากภูเขาด้านหน้าของวัด เกืบมีดหลังคาโบสถ์

ช่วงนั้นมีพระภิกษุอยู่เพียง ๒ รูป โยมที่หมู่บ้าน นำเรือ

มารับไปอยู่ในที่ปลอดภัย"...





บริเวณสวนผลไม้ที่หน้าวัดแหลมทราย คือ " อดีตโรงเรียนวัดแหลมทราย"

ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสถานศึกษาที่เคยให้ความรู้แก่เด็ก ๆ ของหมู่บ้าน

แต่บัดนี้ กลายเป็น " อาคารไม้เก่าผุพัง" ที่ซุกตัวอยุ่อย่างเงียบเหงา

ท่านกลางหมู่ไม้ เพื่อรอวันผุพังไปตามกาลเวลา เห็นแล้ว " เศร้าใจ"

คุณมะเดื่อถามถึงสาเหตุของการยุบเลิกของโรงเรียนกับชาวบ้าน

แต่ก็ได้มราบเพียงว่า " ชาวบ้านย้ายลูกหลานไปเรียนในตัวอำเภอ"

ก็คงเหมือน ๆ กับทุกที่ที่เป็นแบบนี้ ....




ช่วงค่ำ ฝนตกลงมาหนักพอควร ก็คงจะเป็นเรื่องปกติที่ทุกครั้งที่

คุณมะเดื่อมาพะโต๊ะก็จะเจอฝนอย่างนี้

คืนนี้ ครอบครัวของคุณมะเดื่อและญาติ ๆ ได้พักแรมที่ " ภูขวัญเมืองรีสอร์ท"

ซึีงเป็นรีสอร์ทที่อยู่บนเนินเขา บรรยากาศสวยงามมาก ๆ

โดยเฉพาะยามเช้าตรู่่ ทุกคนที่พักที่รีสอร์ทนี้ ตื่นเต้นกับ " ทะเลหมอก"

ที่รายรอบรีสอร์ท ซึ่งบอกได้คำเดียวว่า " ไม่ผิดเพี้ยนกับเมืองเหนือ"

โดยเฉพาะด้านหลังของรีสอร์ทที่มองลงไปเห็นทะเลหมอก

ได้อย่างอิ่มตาอิ่มใจจริง ๆ ลองชมภาพตัวอย่างต่อไปนี้นะจ๊ะ








แม้แต่ดอกไม้ ใบหญ้าที่รายรอบรีสอร์ทนั้นก็สวยงามสดชื่นเข้ากับบรรยากาศดีแท้




พิธีอุปสมบทมีในช่วงสาย ๆ การแห่นาคเป็นไปอย่างสนุกสนาน

แต่ก็ใช้เวลาเพียง ๔๕ นาที นาคก็เข้าโบสถ์แล้ว



ญาติ ๆ มาถ่ายภาพรวมญาติร่วมตระกูล ( แต่ยังไม่ครบนะจ๊ะ ยังมีอีกหลายคนที่ไม่ได้มาอยู่ตรงนี้)


หลังจากนาคเข้าโบสถ์แล้ว คุณมะเดื่อและครอบครัวก็ลาญาติ ๆ กลับเมืองสามอ่าว

แต่ก็แวะริมทางหน้าสวนปาล์ม เพื่อขอซื้อมังคุดกลับมาฝากคนทางบ้าน

จึงได้ความรู้เรื่องการเลือกมังคุดจากชาวสวนที่นำมังคุดมารอขายให้แม่ค้า

แต่ถูกคุณมะเดื่อตัดหน้าซื้อไปก่อน





น้องเจ้าของสวนอธิบายว่า จะเก็บมังคุดเป็น 3 สี

คือ สีเปลือกม่วงเข้มออกดำ นั้นคือสุกแบบรับประทานได้เลย

ถ้าเก็บไว้จะงอมจนดำไม่อร่อย (แบบที่เราไปซื้อตามตลาด)

ถ้าสีม่วงแดง นั้น ต้องเอาไว้อีก 3-4 วัน จึงจะสุกพร้อมรับประทานได้

(เหมาะสำหรับให้แม่ค้าทยอยขาย) ส่วนสีเขียว สำหรับส่งขายต่างประเทศ

เพราะต้องใช้เวลาในการเดินทางหลายวัน ให้ไปสุกเอาข้างหน้าจ้ะ ...





ต้องบอกว่า คำขวัญที่ว่า " เมืองหมอกปก น้ำตกงาม ลือนามผลไม้" นั้น........

เหมาะสมแล้วกับ " พะโต๊ะ" เมืองชุมพร



หมายเลขบันทึก: 630653เขียนเมื่อ 4 กรกฎาคม 2017 00:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 กรกฎาคม 2017 10:55 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

ไปที่นี่หลายครั้ง

ชอบมาก

รอดูภาพกิจกรรมอีกครับ

สวัสดีจ้ะลุงวอ เดือนหน้า ทุเรียนสุก

คุณมะเดื่อตั้งใจว่าจะกลับไปพะโต๊ะอีกจ้ะ

จะไปเสาร์อาทิตย์ แต่ยังไม่ได้กำหนดวัน

ลุงวอไปด้วยกันไหมจ๊ะ ได้กินทุเรียนแน่ ๆ จ้าา

หวัดดีน้องขจิต พะโต๊ะมีอะไรดี ๆ

หลายอย่างที่น่าสนใจนะ ผู้คนก็อัธยาศัย

ไมตรีดีมาก ขอบคุณสำหรับกำลังใจจ้ะ


ทุเรียนต้นนี้ดกมากๆ

สบายดีนะครับคุณมะเดื่อ

สวัสดีจ้ะคุณพิชัย ใช่จ้ะดกมาก ๆ

แต่เสียดายยังไม่แก่เลยจ้ะ

คุณมะเดื่อก็สบายดีจ้ะ คุณพิชัยก็คงเช่นกันนะจ๊ะ

ขอบคุณที่แวะมาทักทายจ้ะ

งวดหน้า อย่าลืม. พายายธี..ไปด้วยนะ..พะโต๊ะ..น่ะ

-สวัสดีครับพี่ครู

-ผมตื่นตาตื่นใจกับผลไม้มากๆ ครับ

-อยากชิมแบบสดๆ จากครั้ง

-อยากไปๆๆๆ คร้าบ..

หวัดดีจ้ะน้องอาจารย์จัน

ช่วงนี้ถ้าไปชุมพรก็คงได้ไปสวนผลไม้แน่ ๆ จ้ะ

กำลังออกผลและสุกทีเดียวจ้ะ

สวัสดีจ้ะยายธีที่รัก

ปีหน้ายายธีไปเมืองไทย

ให้ตรงฤดูนี้สิจ๊ะ  จะพาไปจ้ะ

หวัดดีน้องเพชร  เดือนสิงหากลาง ๆ เดือน

พี่ว่าจะลงไปพะโต๊ะอีก น้องไปด้วยกันสิจ๊ะ

ว่าแต่น้องมีเวลาว่างงานหรือเปล่าเท่านั้น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท