บ่ายวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๐ ที่มูลนิธิสยามกัมมาจล มีการหารือกันระหว่างทีมของคณะ วิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กับทีมของมูลนิธิสยามกัมมาจล เรื่องการ “วิจัยเพื่ออธิบายผลสำเร็จ และสังเคราะห์ความรู้จากโครงการ Active Citizen” นี่คือโจทย์เบื้องต้นจากทีมมูลนิธิสยามกัมมาจล
แต่ทีมคณะวิทยาการเรียนรู้ฯ ตีความโจทย์ใหม่ เป็น “ศึกษาแนวทางและต้นแบบนวัตกรรม ในการสร้างจิตสำนึกพลเมืองในเยาวชน และการเสริมศักยภาพองค์กรผ่านการดำเนินโครงการ เพื่อชุมชนและการโค้ช”
โครงการ Active Citizen นี้ มูลนิธิสยามกัมมาจล สนับสนุนทุนและกระบวนการเรียนรู้ ต่อองค์กรพัฒนาเอกชนในพื้นที่ ให้หนุนเยาวชนทำโครงการเพื่อพัฒนาพื้นที่ โดยองค์กรพัฒนาเอกชน มีพี่เลี้ยงหรือโค้ชเข้าไปหนุนเยาวชน
พบว่า ประมาณร้อยละ ๘๐ ของเยาวชนเผชิญปัญหานานาประการในการทำโครงการ เกิดอาการท้อแต่ไม่ถอย จนประสบผลสำเร็จในที่สุด อีกประมาณร้อยละ ๒๐ เกิดอาการท้อถอย และล้มเลิกโครงการ
ผมชี้ว่า นั่นคือข้อค้นพบที่เปี่ยมคุณค่า และเสนอว่าปัจจัยที่ก่ออาการท้อทั้งหลายคือสิ่งที่มีคุณ และสภาพความยากลำบากนั้นมีคุณประโยชน์ต่อการเรียนรู้อย่าง holistic ของเยาวชน การทำโครงการที่ต้อง เผชิญความยากลำบาก สุดแสนสาหัส แล้วรอดมาได้ เป็นบรรยกาศการเรียนรู้ที่ทรงคุณค่า ส่วนการทำโครงการที่สดวกราบรื่น ไม่มีคุณค่าเทียบเท่าได้เลย ควรมีการเก็บข้อมูลเปรียบเทียบ ๒ กลุ่ม คือกลุ่มเผชิญปัญหาแสนสาหัส กับกลุ่มราบรื่น ดูว่าคุณค่าของการเรียนรู้ในสองกลุ่มต่างกันอย่างไร
ผมเสนอโจทย์ว่า เป้าหมายยิ่งใหญ่ของการพัฒนาเยาวชนของมูลนิธิสยามกัมมาจล คือการเปลี่ยน กระบวนทัศน์คนไทยทั้งมวลต่อเยาวชน เปลี่ยนจากเยาวชนเป็นผู้ได้รับการดูแลประคบประหงม เป็นผู้รับ เปลี่ยนมาเป็นมองเยาวชนเป็นผู้มีพลังสร้างสรรค์ เป็นผู้ฝึกฝนการเป็นผู้ให้ ผู้สร้างสรรค์ และรู้วิธีหนุน เยาวชนให้ฝึกฝนตนเองในแนวทางดังกล่าว ผมอยากให้ทีมคณะวิทยาการเรียนรู้ฯ หาหลักฐานมาสื่อสาร ความจริงดังกล่าวในสังคมไทย
วิจารณ์ พานิช
๒๖ เม.ย. ๖๐
ไม่มีความเห็น