เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก


เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก

ดร.ถวิล อรัญเวศ
รอง ผอ.สพป.นครราชสีมา เขต 4

ผมเคยเขียนย้ำแล้วย้ำอีกว่า “เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก”

เหตุที่เขียนเช่นนี้เพราะเชื่อมั่น
ในพุทธภาษิตนี้ว่าจะเป็นสัจธรรมตลอดมาและ
ตลอดไปนั้นเอง

มนุษย์โลกของเราทุกวันนี้ นับแต่จะมีความเป็นอยู่ที่ผจญ
กับหลายสิ่งหลายอย่าง

ประการสำคัญคือ ทรัพยากรในการทำมาหากิน จะลดน้อยลง
เพราะมนุษย์เราใช้ไปทุกวัน ๆ ย่อมจะขาดแคลนเป็นธรรมดา

ปัญหาพื้นฐานของสังคมโลก ก็คงไม่หนีไปจากคำที่ว่า

“แย่งอาหารกันกิน แย่งแผ่นดินกันอยู่
แย่งคู่พิศวาส แย่งอำนาจกันปกครอง”

ยิ่งโลกของเรามีความเจริญทางด้านวัตถุมากเท่าไร
มนุษย์เราก็ยิ่งต้องแสดงเมตตาธรรมให้กันและกันมากเท่านั้น
ทั้งนี้ ด้วยเหตุที่คนเราเกิดมาธรรมชาติให้มาไม่เท่ากัน
บ้างมีโชค บ้างอับโชค จุดนี้แหละที่พุทธองค์สอนให้เรา
ได้แสดงออกซึ่งความรัก ความปรารถนาดีต่อเพื่อนมนุษย์
ผู้ยากไร้ ขาดโอกาสทางการศึกษา เศรษฐกิจ ที่พักพิง
เป็นการบริหารจัดการของมวลมนุษย์โลกเพื่อให้โลกนี้
สามารถดำรงไปได้อย่างสันติสุข แต่ถ้าไม่สามารถ
บริหารจัดการกันได้แล้ว แน่นอน ความโกลาหลย่อมตามมา
การแบ่งปันความสุข เติมเต็มให้แก่กันและกันในส่วนที่ยัง
พร่องอยู่ เป็นการแสดงออกถึงมีไมตรีจิตมิตรภาพช่วย
เหลือกันและกัน นี้แหละคือความมีเมตตาธรรม ซึ่ง
การแสดงออกด้านเมตตาธรรม สามารถทำได้หลายประการ
เช่น ช่วยคนตกทุกข์เพราะประสบภัยพิบัติ ไร้โอกาส
ทางการศึกษา ประสบอัคคีภัย อุทกภัย ประสบอุบัติเหตุ
ขาดคนดูแล เป็นต้น

เมตตา ความรัก ปรารถนาที่จะให้ผู้อื่นมีความสุข
ทั้งทางกายและใจ ผู้ที่มีความเมตตาจะเป็นคนที่มี
ความโอบอ้อมอารี ช่วยเหลือแบ่งปันสิ่งของแก่บุคคล
อื่นให้มีความสุขเท่าที่จะทำได้ไม่เบียดเบียนใครให้ได้
รับความทุกข์เดือดร้อน

การแสดงออกทางกาย ด้วยการให้สิ่งของทรัพย์สิน
แก่บุคคลที่ต้องการความช่วยเหลือ ไม่รังแกทำร้ายผู้อื่น
และพร้อมที่จะปกป้องผู้ที่อ่อนแอกว่า ให้ความรักและความเอ็นดู
ต่อสัตว์ ไม่ทำร้ายรังแกสัตว์ให้ได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน
การเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันและกัน

การแสดงออกทางวาจา ได้แก่ การพูดจาสุภาพ
ปรับทุกข์ให้คำแนะนำให้คำปรึกษาแก่ผู้มีความทุกข์ทางใจ
ท้อแท้ใจไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาได้ เราควรใช้คำพูดที่ไพเราะ
ไม่ควรใช้คำพูดที่เยาะเย้ยถากถาง จนทำให้ผู้ที่มา
ขอคำปรึกษาท้อแท้ใจลงไปอีก

การแสดงออกทางใจ ได้แก่ส่งความรัก ความปรารถนา
ดีต่อกันและกัน ไม่ผูกอาฆาตพยาบาทกัน พร้อมที่จะให้
อภัยแก่ทุกคนและมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นด้วยเอาใจเขา
มาใส่ใจเรา

คนเราจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้ ถ้าเรามีความรักเมตตาต่อกัน
มีอะไรก็แบ่งปันกันได้ มองเห็นความทุกข์ยากของผู้อื่นเห็น
ผู้อื่นเดือนร้อนก็ให้ความช่วยเหลือโดยไม่นิ่งดูดายและเห็น
แก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตน
ควรมีเมตตาต่อคนและสัตว์เพื่อให้เป็นนิสัย
เมื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่จะได้มีความเมตตาต่อกัน
และจะได้อยู่ร่วมอย่างสงบสุขในสังคมและประเทศชาติสืบไป

เมื่อเรามีเมตตาธรรมต่อกันแล้ว โลกของเราก็จะอยู่ร่มเย็น
เป็นสุข เพราะแต่ละคนต่างก็มีความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน
ไม่เบียดเบียนกันและกัน พึ่งพาอาศัยกันได้ เป็นเพื่อนบ้าน
ที่ดีมีอะไรก็แบ่งปันกันได้ เท่ากับว่าได้สร้างรั้วบ้านที่ดีนั้นเอง
และจะนำเราไปสู่ความสุข หมดทุกข์ภัย ดังคำกลอนที่ว่า

อันผู้ใด มีเมตตาธรรม ประจำจิต

เป็นเนืองนิตย์ จะไร้ทุกข์ มีสุขสันต์

อันผู้ใด มีความเอื้อเฟื้อ และแบ่งปัน

พลันจะประสบสุข หมด ทุกข์ภัย

------------






หมายเลขบันทึก: 628628เขียนเมื่อ 19 พฤษภาคม 2017 22:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 พฤษภาคม 2017 01:15 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท