ประพันธ์โดยนายภาณุพงศ์ ธงศรี
๑๑ พฤษภาคม ๒๕๖๐
แม่น้ำชีไหลติดต่อท่าขอนยางตั้งอยู่ซ่ง
ตรงริมน้ำแม่กระแสตรงริมน้ำแม่กระแส
โอ้ยเด้น้อ……
เป็นแนวหน่อตั้งไว้ให้คือเค้าแต่เก่าหลัง
วงแคนมุ่งหน้าตั้งสานต่อว่าทอศิลป์ ( นี่แหล่ว)
เป็นแนวทางหลักชัยสิไต่ไปบ่มีย้าน
เอามาสืบต่อไว้ให้งามล้นดั่งทอง
คอยถ่าฟังเด้อพี่น้องผมสิเล่าน้อขานไข (นี่แหล่ว)
ค่ายโฮมใจรวมแรงออกแสดงคันลำฟ้อน
ภูมิปัญญาตั้งแต่ครั้งยังเหลือไว้ให้ชื่นชม
ไผกะซ่าต้มต้มสมชื่อเขาลือขาน
“ สืบ ”ตำนานอารยะเหล่าอีสานหนอชนเชื่อ
เป็นศูนย์รวมต่างเต้าเอามาตุ้มให้ซุ่มเย็น
“ วงแคน ” เป็นหม่องเน้นให้เด่นชัดเทิงจัดแจง (นี่แหล่ว)
การแสดงรวมทีมเทิงหมู่สอนดอกเรียนรู้
บ่มีเหงี่ยงและค้อยพอน้อยดอกอยู่ตรง
ย้อนคิดฮ่ำแก่วซ่งเอกลักษ์เมืองอีสาน (นี่แหล่ว)
ดำเนินการรวมทีมสืบงานคันสานไว้
เยาวชนเป็นหน่อเนื้อโรงเรียนนั้นผู้ช่อยแรง
“ วงแคน ” เป็นบาทแบงค์พร้อมพร่ำน้อคำสอน (นี่แหล่ว)
ก้อนประกอบองค์รวมจั้งค่อยงามคือความเว้า
บ่ไปหาบังคับใช้ให้ใจเจ้านั่นเหล่าแงง
บ่ได้เสียบาทแบงค์สิบห่าซาวสะตางค์
เพราะเป็นทาง “ สืบศิลป์ ” ทุกถิ่นเด้อบ่มีย้าน
“ ดนตรีการ ”แต่นานมา “ หัตถกรรม ”พร้อมสืบสร้างยังเหลือค้างอยู่บ่อนเดียว
“ วงแคน ” เฮาสิสืบเกี้ยวเหนี่ยวแก่นน้อแนนดี (นี่แหล่ว)
บ่ได้มีวันเลือนพอซ่ำเดือนอยู่เทิงฟ้า
“ ค่ายสืบศิลป์ ” ดินอีสานสิเฟื่องฟุ้งผดุงหน้าบ่ซ่าเซา
เทิงหมู่ข่อยและหมู่เจ้าสิเฮืองฮุงหน่อสุกใส (นี่แหล่ว)
วัฒนธรรมอีสานไทยสิหยั่งยืนบ่มีม้าง
ก่อมื้อเล็กฉาบน้อย……บ่เหลือหน่อยหากแม่นหลาย (น้อคุณยาย)
ไม่มีความเห็น