ครูต้อง "สอนน้อย เรียนมาก" เป็นอุดมการณ์ด้านการศึกษาของประเทศสิงคโปร์ คือ การยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ในการเรียนต้องจัดกิจกรรม และ หลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่เขาอยากรู้ ครูมีหน้าที่ในการเป็นผู้อำนวยการเรียนรู้ ให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้จากภายในใจและสมองของตนเอง เรียกว่า PBL (Project-Based Learning) หรือการเรียนรู้แบบใช้ปัญหาเป็นหลัก
จำได้ (remember) เข้าใจ (understand)
ประยุกต์ใช้ (apply) วิเคราะห์ (analyze)
ประเมิน(evaluate) สร้างสรรค์ (create)
พลังสมอง 5 ด้านครูสอนไม่ได้ แต่ศิษย์เรียนได้และเรียนได้ดี หากครูใช้วิธีการที่ดีในการจัดการเรียนรู้ให้แก่ศิษย์ ได้แก่
สมองด้านวิชาและวินัย (disciplined mind) การเรียนรู้แก่นวิชา ไม่ใช่จดจำสาระแบบผิวเผิน แต่รู้แก่นวิชาจนสามารถเอาไปเชื่อมโยงกับวิชาอื่นได้
สมองด้านสังเคราะห์ (synthesizing mind) ความสามารถในการรวบรวมสารสนเทศและความรู้ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง นำมากลั่นกรองคัดเลือกเอามาเฉพาะส่วนที่สำคัญ
สมองด้านสร้างสรรค์ (creating mind) สมองที่สร้างสรรค์คือ สมองที่ไม่เชื่อว่าวิธีการหรือสภาพซึ่งถือว่าดีที่สุดที่มีอยู่นั้น ถือเป็นที่สุดแล้ว
สมองด้านเคารพให้เกียรติ (respectful mind) ต้องไม่มีอคติ ทั้งด้านลบและด้านบวกต่อคนต่าง เชื้อชาติ ต่างศาสนา ต่างความเชื่อ
สมองด้านจริยธรรม (ethical mind) เรียนรู้ซึมซับได้โดยการชวนกันสมมติและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันว่าตัวเองเป็นอย่างไรในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
วิธีออกแบบการเรียนรู้ให้ศิษย์มีทักษะนี้ ใช้หลักการว่า ต้องมีการเรียนรู้แบบที่เด็กร่วมกันสร้างความรู้เองคือ เรียนรู้โดยการสร้างความรู้ และเรียนรู้เป็นทีม การฝึกตั้งคำถาม การตั้งคำถามที่ถูกต้องสำคัญกว่าการหาคำตอบ
เป้าหมาย : นักเรียนสามารถใช้เหตุผล
เป้าหมาย : นักเรียนสามารถใช้การคิดกระบวนระบบ (systems thinking)
เป้าหมาย : นักเรียนสามารถใช้วิจารณญาณและตัดสินใจการเรียนทักษะเหล่านี้ทำโดย PBL (Project-Based Learning) และต้องเรียนเป็นทีม
2. การออกแบบการเรียนรู้ทักษะการสื่อสารและความร่วมมือ
เป้าหมาย : ทักษะในการสื่อสารอย่างชัดเจน
3. การออกแบบการเรียนรู้ทักษะด้านความสร้างสรรค์
เป้าหมาย : ทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์
เป้าหมาย : ทักษะในการทำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์
เป้าหมาย : ประยุกต์สู่นวัตกรรม
โลกยิ่งเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นเรื่อย ๆ และมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากขึ้น คนที่อ่อนแอในทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรมจะเป็นคนที่ตามโลกไม่ทัน
เป้าหมาย : เข้าถึงและประเมินสารสนเทศ
เป้าหมาย : ใช้และจัดการสารสนเทศ
เป้าหมาย : วิเคราะห์สื่อได้
เป้าหมาย : สร้างผลิตภัณฑ์สื่อได้
เป้าหมาย : สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิผล
• ความยืดหยุ่นและปรับตัว
• การริเริ่มสร้างสรรค์และเป็นตัวของตัวเอง
• ทักษะสังคมและสังคมข้ามวัฒนธรรม
• การเป็นผู้สร้างหรือผลิต (productivity) และความรับผิดรับชอบเชื่อถือได้(accountability)
• ภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ(responsibility)
เครื่องมือที่สำคัญที่สุดของการเรียนรู้และการสอนในศตวรรษที่ 21 คือ คำถามกับปัญหา
การเรียนรู้แบบใช้การตั้งคำถาม เป็นหลักเรียกว่า Inquiry-Based Learning หรือ IBL วิชาที่สร้างความสนุกและความรู้สู่คำตอบ คือ วิชา STEM คือ Science, Technology, Engineering และ Mathematics บรรยากาศของการตั้งคำถามและตั้งปัญหา จะทำให้ชีวิตนักเรียนเป็นชีวิตที่สนุกสนานตื่นเต้นเร้าใจ กระตุ้นจินตนาการ ยั่วยุให้ ค้นคว้า ค้นหา สร้าง และเรียนรู้ คือ ทำให้โรงเรียนไม่เป็นสถานที่น่าเบื่อหรือสร้างความทุกข์ให้แก่ศิษย์
เครื่องมือของการเรียนรู้อย่างมีพลังคือ จักรยานแห่งการเรียนรู้ซึ่งมีวงล้อประกอบด้วย 4 ส่วน คือ
Define คือ ขั้นตอนการทำให้สมาชิกของทีมงาน ร่วมทั้งครูด้วยมีความชัดเจนร่วมกันว่า คำถาม ปัญหา ประเด็น,
Plan คือ การวางแผนการทำงานในโครงการ นักเรียนที่เป็นทีมงานก็ต้องวางแผนงานของตน แบ่งหน้าที่กันรับผิดชอบ การประชุมพบปะระหว่างทีมงาน
Do คือ การลงมือทำ มักจะพบปัญหาที่ไม่คาดคิดเสมอ
Review คือ ทีมนักเรียนจะทบทวนการเรียนรู้ ขั้นตอนนี้เป็นการเรียนรู้แบบทบทวนไตร่ตรองหรือ เรียกว่า AAR (After Action Review) วงล้อมี 2 วง วงหนึ่งเป็นของนักเรียน อีกวงหนึ่งเป็นของครู หลักสำคัญ คือ วงล้อจักรยานแห่งการเรียนรู้ของนักเรียนกับครูต้องไปด้วยกันอย่าง สอดคล้องเชื่อมโยงกัน จากห้องเรียนเข้ากับสถานการณ์ในชีวิตจริง และเมื่อเขาได้มีโอกาสร่วมกิจกรรมระยะยาวที่ให้โอกาสได้จดจ่อกับเรื่องนั้นและได้ร่วมมือกับทีมงาน
วิธีจัดการเรียนรู้ที่ทำให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีพลัง
- การเรียนรู้กลุ่มย่อยแบบร่วมมือกัน(Collaborative Small- Group Learning)
- การเรียนรู้แบบใช้โครงการ (Project Learning Methods)
การเรียนแบบโครงการที่ได้ผลสูงมีลักษณะสำคัญ ๕ ประการ
1. ผลของโครงการตอบสนองหรือผูกพันอยู่กับหลักสูตรและเป้าหมายการเรียนรู้
2. คำถามหลักและปัญหาหลักนำไปสู่การเรียนรู้หลักการสำคัญของเรื่องนั้น หรือของสาระวิชา
3. การค้นคว้าของนักเรียนเกี่ยวข้องกับความสงสัยใฝ่รู้ (inquiry)และการสร้างความรู้
4. นักเรียนทำหน้าที่รับผิดชอบการออกแบบ และการจัดการการเรียนรู้ของตนเป็นส่วนใหญ่
5. โครงการอยู่บนฐานของคำถามและปัญหาในชีวิตจริง เป็นของจริง นักเรียนไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องหลอก ๆ
ครูที่เก่งคือ ครูที่ช่วยให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ที่แท้จริง และครูที่เก่งมีคุณลักษณะสำคัญ 2 ด้าน คือ
1. รักเอาใจใส่เด็ก เด็กสัมผัสจิตใจเช่นนั้นได้และสบายใจที่จะเข้าหา ซึ่งเป็นมิติด้านมนุษย์สัมผัสมนุษย์
2.สามารถออกแบบการเรียนรู้ ให้น่าสนใจและเข้าใจง่ายสำหรับศิษย์ ทำให้เกิดการเรียนรู้ที่ลึกและเกิดความจำระยะยาว
อ้างอิง http://warangkhana1307.blogspot.co.id/2014/09/21.h...
ไม่มีความเห็น