ต้มเกี่ยมฉ่ายปลาลุกพุก ต้มปลาแกล้งเมีย


ลุมพุกเป็นปลาก้างเยอะ มันเยอะมากจนบางครั้งผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ก้างไม่ทิ่มเนื้อมันเองบ้างหรือไร ประเภทที่ว่า เมื่อมันว่ายกลับตัวทันทีทันใดก็จะเกิดอาการเคล็ดขัดยอก กล้ามเนื้ออักเสบจากการถูกทิ่มแทง ๕๕๕

ลุมพุก ตะลุมพุก น่าจะเป็นชื่อปลาตัวเดียวกัน

ผมได้เคยกินมันมาตั้งแต่เด็ก ใช้ตะเกียบคีบ วางบนจานแบ่ง เขี่ยเนื้อ เขี่ยก้าง แล้วค่อยๆคีบเนื้อเปลือยๆนั้นมากิน

หงุดหงิดแต่เนื้อมันอร่อย พ่อบอกว่า ต้องค่อยๆกิน ต้องระวังก้าง แลกมากับความอร่อยที่ได้กินมัน

...........................

ปลาอีกชนิดที่รู้จักที่มีก้างมากๆ ก็น่าจะเป็นปลาตะเพียน

แต่คนบ้านเราไม่ค่อยกินปลาตะเพียน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

ในตลาดสดแทบไม่มีปลาตะเพียนวางขาย

แต่ผมเคยกินปลาตะเพียนนะ

"ปลาตะเพียนต้มเกี่ยมฉ่าย" ที่เชียงราย คราวนั้นแป้งกับจ้ายังตัวเล็กๆ เราไปเที่ยวเชียงรายกันและอาจารย์หมอหน่อย หมอเด็กประจำโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ท่านอุตส่าห์มารับเราไปกินเมนูนี้ในตอนเช้าตรู่

ผมจำรสชาติมันไม่ได้หรอก รู้แต่ว่าตอนนั้นมันอร่อย และเคี้ยวปลาได้ทั้งตัวทั้งก้าง มันร่วนเหมือนก้างปลากระป๋องเลยเชียว

"ต้มพวกนี้ เขาต้มกันข้ามคืน" ผมจำได้ว่า อาจารย์หน่อยอธิบายมาให้ฟัง เมื่อผมฉงนว่าทำไมก้างมันจึงยุ่ยเสียจริง

และผมก็จำได้เพียงเท่านั้น

................................

ก้างปลาลุมพุกมันเป็น ๒ ง่ามเหมือนไม้ลูกเสือ แทงแทรกไปตามเนื้อปลาอย่างถี่ยิก

เมื่อปลายเดือนที่แล้ว ผมบ่นอยากกินปลาลุมพุก

และเพียงไม่กี่วันก็มีกัลยาณมิตรหอบหิ้วปลาลุมพุกต้มเกี่ยมฉ่ายมาให้กินถึงคลินิก พร้อมทั้งสูตรการทำแนบติดมาด้วย ยังครับ ยังไม่พอ พี่สาวท่านนั้นยังทอดปลาลุมพุกหั่นเป็นชิ้นๆมาให้อีก ๒ ถุง

"หมอแป๊ะใช้ปลานี้ทำได้เลย ขอให้กินอย่างมีความสุขนะคะ" ว่าแล้ว เธอก็จากไป

และหลังจากที่ปลาลุมพุกได้นอนอยู่ในตู้เย็นได้เกือบ ๒ สัปดาห์ เนื่องจากครอบครัวเราต้องเดินทางไปต่างจังหวัด วันเสาร์นี้จึงได้ฤกษ์ทำกินจริงๆ

.........................

หมู ๓ ชั้น หั่นๆๆๆ โยนลงหม้อ คั่วไปรอให้น้ำมันออก

"พ่อ..มันดำติดก้นหม้อแล้ว ทำไมพ่อไม่ใส่น้ำมันลงสักหน่อย" มาแล้ว เมียผมเดินเข้ามาสมทบ เธอกำลังสงสัยว่าผมหายเข้าครัวมาทำไม

เมื่อยอมให้เธอเหยาะน้ำมันลงมาเพื่อให้จบๆเรื่อง กลิ่นเริ่มหอม จึงใส่กะเทียมหัวใหญ่ลงไป ๓ หัว ผัดๆๆๆ

ผมหั่นผักกาดดองเปรี้ยวเอาไว้ ๓ หัว ซอยให้ขิ้นเล็กที่สุด เพราะกลัวเมียบ่นเรื่องเคี้ยวอาหารคำโตๆไม่ได้ในช่วงนี้ แต่ก็แอบหั่นช่วงใบให้มีเส้นยาวๆไว้บ้าง กะว่าจะแกล้งเมียพอสังเขป เดี๋ยวเคี้ยวไปเคี้ยวมาแล้วผักติดเหล็ก พ่อจะเยาะเย้ย

ล้างสัก ๒ น้ำพักให้พอหมาด แล้วโยนลงหม้อที่ผัดหมูและกระเทียมจนหอมแล้ว

"ซู่..." คือเสียงดังเมื่อผักกาดดองลงกระทบผิวหม้อ

ผัดสิครับ จะรออะไร คลุกๆๆแล้วใส่ซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ พริกไทย พริกแห้ง เกลือทะเล และใส่น้ำลงไปพอขลุกขลิก

ขั้นตอนนี้บอกได้เลย ว่าหอมมาก

ผัดจนได้ที่ก็ปล่อยปลาลุมพุกลงไปว่ายน้ำเล่นได้เลยครับ

ผมใส่น้ำลงไปค่อนข้างมาก มากราวๆ ๔ ขวดไวน์ จนทุกอย่างที่อยู่ในหม้อลอยเท้งเต้ง ค่อยๆหรี่ไฟ แล้วออกไปวิ่งยามเย็น

...................................

"ได้ที่แล้วเหรอแม่" ผมถามเธอออกไปหลังจากเสร็จภารกิจวิ่งสู้ฟัด

"แม่ต้องปรุงให้อีกเยอะเลย ตอนนี้กินได้แล้ว" น่าน..ดูเมียผมสิครับ ดูเธอทำ

หึหึ แต่เธออาจจะยังไม่รู้ ว่ามันมีเส้นผักยาวๆซ่อนอยู่ เดี๋ยวเถอะเธอ อย่ามาขอร้องให้พ่อช่วยรูดผักออกมาจากซอกเหล็กนั่นก็แล้วกัน

ผมยิ้มมุมปากอย่างผู้มีชัย

ธนพันธ์ ชูบุญกินข้าวสีดำบูชาพระราหู

๘ เมษายน ๒๕๖๐

<img src="//cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/217/470/large_IMG_3056.JPG" "="">

หมายเลขบันทึก: 627290เขียนเมื่อ 8 เมษายน 2017 22:33 น. ()แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน 2017 22:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

-สวัสดีครับอาจารย์

-ตามมาอ่านบันทึกเรื่องเมนูอาหารจากปลาลุมพุก

-บรรยายได้เห็นภาพอีกแล้วครับ 55

-ผมชอบก็ตรงนี้""ซู่..." คือเสียงดังเมื่อผักกาดดองลงกระทบผิวหม้อ..... "55

-ขอบคุณครับ


พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท