​สภาวะจิต ขณะวิจัย ขณะทำงานพัฒนา มีผลล้ำค่าต่อการเข้าถึง "ความจริง"


สภาพคนพิการทางการเรียนรู้ พิการทางสติปัญญา พิการซ้ำซ้อน ที่แลดูเลอะเทอะ เปรอะเปื้อน ที่พักที่นอนกลาดเกลื่อนไปด้วยสิ่งสกปรก ผมเผ้าเล็บยาวดูน่ากลัวนั้น เป็นประสบการณ์สำคัญที่ทำให้ผมสังเกตการทำงานของจิตตนเองได้ดี


สองวันที่ผ่านไปในการลงพื้นที่ จากที่เข้าไปในช่วงสองสามนาทีแรก สังเกตได้ว่า ใจเรายังไม่กล้าที่จะเปิดรับแต่พอจับความรู้สึกนึกคิดตัวเองได้ เท่าทันกับความคิดในหัว ก็โปรแกรมตัวเองใหม่ น้อมนำภาพในหลวงท่านสัมผัสกับผู้ป่วยโรคเรื้อนเข้ามาแทนที่ ขออัญเชิญเมตตาบารมีจากพระองค์ท่านมาสถิต ทีนี้ใจเปิด สภาวะจิตก็อ่อนโยน และอ่อนน้อมต่อพวกเขา มองคนที่สังคมรังเกียจเช่นนี้ เป็นมิตรได้ ไปจับมือ แตะไหล่ ถามไถ่สัมผัสให้เขาอบอุ่น กระแสจิตที่สุภาพอ่อนโยนเป็นคลื่นที่เข้าไปสัมผัสถึงใจของเขา ช่วยให้เราเห็นความเป็นมนุษย์ของกันและกัน ข้ามผ่านปราการความพิการและสภาพแวดล้อมไปได้


สภาวะจิตขณะลงพื้นที่นี้สำคัญมาก การสังเกตและดูแลมันให้สงบ เย็น เป็นมิตรนั้น ทำให้เราเผชิญกับโจทย์ยากๆในพื้นที่สนามวิจัยได้อย่างกล้าหาญ เยือกเย็น เป็นสุข กระบวนการทางสภาวะจิตนี้เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แต่เรียนรู้ได้ และแผ่ซ่านไปยังผู้อื่นได้ มันจึงส่งผลต่อความไว้วางใจ ความเชื่อถือของคนยากไร้ คนที่ถูกรังแก ที่จะมีต่อเรา ชั่วขณะที่เราสัมผัสเขาอย่างลึกซึ้งนั้น ความเป็นตัวตนของเราก็พลันมลายหายไป เป็นสภาวะที่ไม่แบ่งแยก ตัวเขาก็คือตัวเรา ต่างเป็นคนๆเดียวกัน เป็นต้นไม้ต้นเดียวกัน เป็นความรู้สึกชื่นใจที่หาไม่ได้ในสภาวะที่แบ่งแยกว่าคนหนึ่งเป็นนักวิจัย อีกคนหนึ่งเป็นชาวบ้าน หรือผู้ถูกวิจัย เป็นความงดงาม และเป็นความทรงจำที่สดใส ยามได้หวนย้อนระลึกถึง


เรื่องการฝึกสภาวะจิตนี้ อาจจะดูโบราณ หรือ ไม่เกี่ยวกับงานความรู้ งานพัฒนา แต่แท้จริงแล้ว มันสัมพันธ์กันอย่างมาก และนักวิจัยและนักพัฒนามากมายพลาดในส่วนนี้ และผมเองก็พลาดมานาน


การฝึกเท่าทันและสร้างสรรค์สภาวะจิตแตกต่างกันไปตามจริต สำหรับผมใช้การฝึกผ่านการนั่งสมาธิ และสมาธิแบบเคลื่อนไหวผ่านการฝึกศิลปะการต่อสู้วิชาไอคิโดเป็นหลักใหญ่ แต่ไม่ว่าจะฝึกเท่าทันและสร้างสรรค์สภาวะจิตแต่นั่นเป็นสิ่งจำเป็นที่จะช่วยให้เราเข้าถึง "ความจริง" ที่ซับซ้อน และลึกลับ ยากที่จะใช้เครื่องมือรูปธรรมมาวัด นอกจากใช้ "ใจ ถึงใจ"


สิ่งเหล่านี้ไม่น่าจะมีในตำราการวิจัยและการพัฒนาสังคมที่ไหน ถึงจะมีเขียนไว้ก็ยากที่จะเข้าใจ นอกจากจะโยนตัวเองลงไปในประสบการณ์ตรงเท่านั้น


และนี่ไม่ใช่ความรู้ใหม่ นวัตกรรมใหม่ กระบวนทัศน์อะไรใหม่ จริงๆมันมีอยู่แล้วในตัวเรา เพียงแต่มีม่านหมอกมายาคติบางอย่างในยุคอุตสาหกรรมความรู้มาจนถึงโลกาภิวัฒน์ของความรู้มาทำให้เราหลงลืมไป


และผมเองก็แค่สะท้อนประสบการณ์ที่ " แว้บ" ขึ้นมาด้วยความประทับใจ ไม่ได้บอกอะไรใหม่เลย

หมายเลขบันทึก: 625112เขียนเมื่อ 4 มีนาคม 2017 21:18 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 มีนาคม 2017 21:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท