เรื่องกล้วย
ช่วงนี้ที่บ้านเป็นฤดูกล้วยแจก
ใครๆก็เอากล้วยมาแจก
กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยหอมทอง กล้วยหิน กล้วยดิบ กล้วยสุก กล้วยห่าม และกล้วยต้องรีบกิน
กล้วยอร่อย กินง่าย กินไปก็นึกขันไป ทำไมชีวิตจึงไม่กล้วยๆเหมือนกินกล้วยบ้างนะ
กล้วยน้ำว้า
คงเป็นกล้วยที่รักมากที่สุด มันหวาน เคี้ยวง่าย ลื่นคอ ลื่นตูด
ผมเชื่อว่าเราหลายคนคุ้นเคยกับมันมาแต่อ้อนแต่ออก นั่นคงเป็นเพราะอาหารที่ได้ลองเคี้ยวในมื้อแรกของชีวิตน่าจะเป็นกล้วยน้ำว้าขูด ขูดและย้ำบด ป้อนเข้าปากมาตั้งแต่อายุ ๔ เดือนในตอนนั้น (มาตอนนี้ต้องเป็น ๖ เดือนแล้วสินะ) ปากที่ไร้ฟันเมื่ออ้ารับกล้วยมื้อแรกในชีวิตก็เอาลิ้นมาถูกับเหงือกและริมฝีปาก ดูแผล็บๆ
การตัดสินใจเลือกเรียนหมอสำหรับผม จะว่าไปก็เหมือนกับการเลือกกินกล้วยน้ำว้า มันน่าจะเป็นอาชีพแรกๆในชีวิตกระมังที่รู้สึกว่า "อยากเป็น และคำนึงถึงว่าจะต้องเป็นหมอ" เพียงแต่สมองอันเล็กน้อยตอนนั้นคิดเพียงแต่ว่า คนเรียนเก่งเสมอเพื่อนอย่างผม คงเรียนหมอไม่ได้แน่นอน ในตอนนั้นจึงอยากไปเรียนเป็นคนขับเรือเดินสมุทรบ้าง เป็นฑูตบ้าง เป็นคนขับรถไฟบ้าง จนถึงช่วงสุดท้ายของการเรียนมัธยมปลายจึงหันกลับมาเลือกกินกล้วยน้ำว้า กล้วยที่รักที่สุดแทน
ทุกวันนี้ก็ยังไม่เสียใจที่เลือกกล้วยชนิดนี้มากิน
กล้วยหอม
กล้วยชนิดนี้น่าจะเป็นเบอร์ ๒ สำหรับผม
มันร่างสวย กลิ่นหอม รสชาติอร่อย และให้โพแทสเซี่ยมสูง
ผมมักจะกินกล้วยหอมก่อนออกกำลัง เพื่อให้พลังแก่กล้ามเนื้อ
ก่อนจะกิน ผมมักจะดมกล้วยหอมก่อนเสมอๆ เพราะมันหอมสมชื่อมัน "กล้วยหอม"
การที่ผมเลือกเป็นหมอสูติ ก็คงจะคล้ายๆกับการเลือกกินกล้วยหอม
มันเป็นแพทย์เฉพาะทางที่ผมใฝ่ฝันจะเป็นมาตั้งแต่เริ่มเข้ามาเรียนหมอแล้ว เพื่อนๆมักจะบอกว่า ผมเป็นหมอสูติมาตั้งแต่ ม.๖ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพื่อนๆมันดูผมว่าเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร (ฮ่าๆๆ)
ความอยากเป็นหมอสูติมันมีมากตั้งแต่เริ่มเรียน Gross Anatomy
ผมเฝ้าเรียนในส่วนอวัยวะอุ้งเชิงกรานมาตั้งแต่ต้นปี แต่ part นี้อยู่ในช่วงรองสุดท้าย ซึ่งผมก็ได้แต่เฝ้ารอ ครั้นเมื่อถึงเวลาเรียนจริงๆ ผมก็ขอสลับกลุ่มกับเพื่อนอีกคน เพราะอาจารย์ใหญ่เขาเป็นผู้หญิง ส่วนอาจารย์ใหญ่ของผมเป็นผู้ชาย ตอนนั้นจำได้ว่า เรียนด้วยความสุขอย่างที่สุด และผลสอบออกมาก็ได้คะแนนเป็นที่ ๒ (คือว่า จะอย่างไร ผมก็ยังไม่ใช่คนเก่งแถวหน้าของชั้นอยู่ดี)
เมื่อขึ้นชั้นคลินิกก็เฝ้ารอการขึ้นกองสูติอย่างใจจดใจจ่อ แต่พระเจ้าก็ทดสอบผมเสมอเมื่อท่านให้เรียนสูติตอนขึ้นปี ๕ และผมก็ได้เรียนสูติเป็นกองสุดท้ายของปี
ผมอยากจะเป็นคนทำคลอดคนแรกของรุ่น แต่ความฝันนั้นตกไปเมื่อได้เรียนสูติเป็นกองสุดท้าย แต่ไม่เป็นไร ขึ้นกองสุดท้ายก็ไม่เป็นไร ผมเฝ้าทำคลอดเหมือนคนกระหาย ได้ทำคลอด ๕ ราย ได้เย็บช่องคลอด ๙ ราย ซึ่งน่าจะมากมายโขอยู่ในตอนนั้น และที่ประทับใจที่สุดก็คือ คนไข้คนสุดท้ายของรุ่น ผมเป็นคนทำคลอดเอง
มันเหมือนกล้วยหอมนั่นแหละครับ มันเป็นกล้วยให้พลัง การเป็นสูตินรีแพทย์เป็นพลังของชีวิต เป็นงานที่รัก เป็นงานที่เป็นอาชีพ หาเลี้ยงขีพได้อย่างมีความสุข
ทุกวันนี้ก็ยังรู้สึกดีใจ ที่เลือกกล้วยหอมหวีนั้นมากิน ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่า ดีใจที่อาจารย์ภาคสูติอนุญาตให้ผมกินกล้วยหอมหวีนั้น
กล้วยหักมุก
จะว่าไป ผมรู้จักชื่อกล้วยชนิดนี้เป็นครั้งแรกเมื่อครั้งฟังเพลงของเฉลียง "กล้วยหักมุกเผาสุกกินดี กล้วยบวดชีไม่รู้อยู่ไหน ฉันขอบกล้วยไข่ เพราะมันไม่มีกระดูก"
ผมมาอยู่คู่มันก็เมื่อตอนที่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านหลวงใกล้อ่างน้ำของมหาวิทยาลัย มรดกชิ้นหนึ่งทึ่เจ้าของบ้านคนเก่าทิ้งไว้นั้นก็คือ กล้วยหักมุกกอหนึ่งที่มุมบ้านริมถนน
ตอนนั้นอยากจะโค่นทิ้งแต่ก็ขี้เกียจ เพราะเพื่อนบ้านบอกว่ามันคือกล้วยหักมุกที่รสชาติดี
ผมเฝ้าดูแลมันอย่างดี จนกระทั่งมันเริ่มแทงดอกออกปลีออกเครือมาให้ชม แต่พระเจ้าช่วย ผมคิดว่ามันเป็นกล้วยที่เล่นตัวที่สุดในโลกเลย เพราะตั้งแต่เริ่มออกปลีจนกล้วยสุกนั้น ก็ซัดเข้าไปราว ๔ เดือน
เฝ้ายืนมองมันเกือบทุกวัน เฝ้ารอที่จะได้ลิ้มรสมันเป็นครั้งแรกในชีวิต และวันที่ได้ชิมก็มาถึง
ผมรู้สึกเสียดายและเสียใจเล็กน้อย เพราะกล้วยหักมุกมันไม่อร่อยเอาเสียเลย มันเป็นกล้วยที่มีรสชาติเปรี้ยว เมื่อเริ่มสุกก็จะสุกเร็วเกือบพร้อมๆกันทั้งเครือจนกินกันไม่ทัน แค่คิดจะเอาไปแจกเพื่อนๆ ก็ยังแทบจะไม่ทัน (บ้าจริง มันจะรีบงอมไปถึงไหนวะ) แต่ท้ายที่สุดผมก็พบว่า วิธีกินกล้วยหักมุกที่อร่อยที่สุด คือเอาลูกที่สุกงอมนี่แหละมาหั่นครึ่งตามแนวยาว ราดด้วยน้ำผึ้งให้เยิ้ม นำไปอบให้นิ่ม
แม่เจ้า มันอร่อยยิ่งกว่าอร่อย
คราวนี้ไม่ต้องรีบแจกเลย เพราะน้ำผึ้งทึ่บ้านมีเยอะ กินกันจนคอดำเลยเชียว (ฮ่าฮ่าฮ่า คือว่ามันหวานมาก จนทำให้เกิดภาวะ insulin resistance จนมี acanthosis เลยไง ขอวิชาการหน่อยเหอะ)
และท้ายที่สุด ผมก็รักกล้วยหักมุกเผาสุกกินไม่ดีไปเสียแล้ว
ชีวิตสูตินรีแพทย์ของผมก็คล้ายๆกับการหลงรักกล้วยหักมุกโดยไม่รู้ตัว
ผมเลือกเรียนสูติเพราะรักสตรีเพศ (หรือเพศสตรีวะ) อันนั้นรู้แก่ใจ แต่ที่มีลึกไปกว่านั้นคือผมไม่ชอบโรคเรื้อรัง ไม่ชอบดูโรคคนแก่ ไม่ชอบเบาหวาน ความดัน หัวใจ สมอง อะไรต่อมิอะไรที่ต้องดูความเจ็บป่วยเรื้อรัง รสชาติมันไม่อร่อยและเปรี้ยวเหมือนรสกล้วยหักมุก
ครั้งหนึ่ง จู่ๆก็ได้มีโอกาสไปเรียนเรื่องมดลูกหย่อนและฉี่เล็ด ซึ่งเป็นวิชาที่หมอสูติส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยชอบกัน ผมไปเพราะโอกาสมันเข้ามาโดยที่หารู้ไม่ว่า ชีวิตในส่วนที่เหลือของการเป็นหมอสูติของผมจะต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล
ผมจะต้องอยู่คู่กับโรคของคนสูงอายุ คนที่พกโรคประจำตัวมาด้วยตลอดเวลา เบาหวาน ความดัน หัวใจ สมองเสื่อม เฮ้ย...นี่มันคือสิ่งที่ผมหนีมาตลอดนี่นา
แต่ในวันหนึ่ง ผมกลับพบว่า วิชานี้เป็นธรรมชาติของชีวิต โรคที่คนไข้เป็นในส่วนที่ผมต้องดูแลคือธรรมชาติของชีวิต มันมาคู่ความสูงอายุ ความยั่งยืนของชีวิต และคนที่เป็นโรคนี้เขาผ่านชีวิตมามากมาย หลายคนมีเรื่องราวที่น่าสนใจ
เฮ้ย... คนจะแก่ได้คนนึงนี่มันสุดยอดมากนะครับ ลองหลับตาแล้วนึกดูสิ คนแก่หนังเหี่ยวที่นั่งอยู่หน้าเราในขณะนี้ เมื่อเขาเป็นเด็กเขามีชีวิตอย่างไร ตอนเขาเป็นสาวเขาเป็นอย่างไร เมื่อเขามีลูกๆ เขาเป็นอย่างไร
เมื่อนึกได้เช่นนั้น มันก็เหมือนผมได้กินกล้วยหักมุกราดน้ำผึ้งแล้วนำไปอบ มันอร่อย และมีความสุขทุกครั้งที่ได้กิน
และทุกวันนี้ ยังรู้สึกขอบคุณและระลึกถึงอาจารย์ทุกครั้ง ที่ให้โอกาสผมได้ชิมกล้วยหักมุกในคราวนั้น และขอบคุณยายๆย่าๆทวดๆทั้งหลาย ทึ่ทำให้ผมรู้สึกว่า กล้วยหักมุกมันอร่อยไม่เหมือนใคร
วันนี้ผมโชคดีที่ได้กินกล้วยอีก ๒ ชนิด
คนไข้ที่เคารพท่านหนึ่งที่เป็นแม่ยายของรุ่นพี่และเป็นแม่ของลูกศิษย์ (อิอิ งงเด้ งงเด้) ฝากกล้วยมาให้กิน
กล้วยหอมทอง และ กล้วยหิน
กล้วยหอมทองเคยกิน มันมีรูปร่างเหมือนกล้วยหอม แต่ไม่หอมเหมือนกล้วยหอม สีมันสุดปลั่งดั่งทองจริงๆ แต่เป็นทองเปื้อนทองแดงเป็นกระๆ เนื้อสัมผัสคล้ายๆกล้วยไข่ แต่ไม่หวานเท่ากล้วยไข่
ผมได้มาวันนี้ก็สุกงอมเกือบมากแล้ว จึงลองหั่นเป็นแว่นแล้วแช่แข็งเอาไว้บางส่วน พรุ่งนี้จะปั่นพร้อมนมแล้วลองชิมดู
<img src="//cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/212/013/large_IMG_2620.JPG" "="">
ส่วนกล้วยหินนี้เคยเห็น แต่ไม่เคยกิน รูปร่างอัปลักษณ์ แต่แม่เจ้า เนื้อในมันอร่อยอย่าบอกใคร หวานนวลและมีรสเปรี้ยวติดปลายลิ้นเล็กน้อย (เป็นไงวะ) เนื้อไม่เละ และหอมอ่อนๆไม่อ้อร้อมากนัก พรุ่งนี้จะลองทำกล้วยหินอบน้ำผึ้งกินดูสักที
<img src="//cdn.gotoknow.org/assets/media/files/001/212/014/large_IMG_2621.JPG" "="">
เรื่องกล้วยบางทีก็ไม่กล้วย
กล้วยบางชนิดทยอยสุก กินกันไม่ต้องรีบ
กล้วยบางชนิดต้องแปรรูป
กล้วยบางชนิดกินยังไงก็ไม่อร่อย
กล้วยปลูกง่าย ดูแลง่าย แต่ก็ไม่จริงเสมอไปหากฝนฟ้าและผืนดินไม่เห็นด้วยกับการปลูกกล้วยของเรา
ผมทำแท้ง ผมไม่ได้คลั่งไคล้การทำแท้ง แต่ผมก็ทำแท้งเพราะมีความจำเป็นทางวิชาชีพ ผมจำเป็นต้องช่วยเหลือคนที่มีปัญหาจากการตั้งท้อง
ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนทำแท้งเสรี เพราะการทำแท้งเสรีในบริการที่ดีไม่มีในโลก
นั่นคือ ผมกำลังปลูกกล้วย คิดง่ายๆเหมือนปลูกกล้วย โรคง่ายๆจากการท้องที่ท้องไม่ได้ มันกล้วยๆ
แต่เรื่องกล้วยๆก็ไม่ได้กล้วยๆจริงๆไปตลอด เมื่อสิ่งแวดล้อมมันไม่อำนวย ดินไม่ดี ฝนไม่ตก หรือบางทีอาจจะตกจนน้ำมากเกินไป ตกจนดราม่า กล้วยที่ผมปลูกตอนนี้จึงไม่งาม ไม่น่ากิน กล้วยผมเป็นโรค ราขึ้น
แต่ก็นั่นแหละ แม้ว่ากล้วยไม่งามก็ยังมีคนมาขอซื้ออยู่ตลอดเวลา เพราะคนในสังคมหลายชีวิตยังต้องการกล้วยเพื่อต่อชีวิต ต่อวิถี แต่ผมก็ยังไม่มีกล้วยขาย
เรื่องกล้วยๆ จึงไม่ได้กล้วยอย่างที่คิดจริงๆ
ธนพันธ์ ชูบุญกำลังเป็นชาวสวนกล้วย
๓ มีนาคม ๒๕๖๐
กล้วยหลายหวีกำลังจะถูกแปรรูป
ปล. ฤาผมควรจะปลูกกล้วยตานี นางตานีเขาว่างามนัก จะรับมาไว้เป็นเมียน้อย และนางเธอน่าจะรับเลี้ยงเด็กๆได้หลายคน ฮา....
เหมือนจะมีปรัชญาอะไรอยู่ลึกๆนะคะ ไม่รู้คนเขียนตั้งใจหรือคนอ่านคิดไปเอง 555
พี่อ่านแล้วเข้าใจ ขอบคุณนะครับพี่โอ๋
อ่านสนุกมาก ลึกซึ้ง จบแล้วก็ต้องไปฟังเพลงของเฉลียงต่อเลยนะนี่