ผมถือเป็นความโชคดี ที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหน่วยงานอื่น ๆ ได้เรียนรู้แนวคิดหลากหลาย ผมได้รับการประสานทางโทรศัพท์ จาก อาจารย์ ดร.วัลลภา คชภักดี คณะวิทยาการสุขภาพและการศึกษา มหาวิทยาลัยทักษิณ ป่าพยอม พัทลุง ขอเชิญเป็นวิทยากรเสวนาการจัดการความรู้ ร่วมกับนักศึกษาปริญญาโท แต่ยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอนเพียงหารือก่อนเท่านั้นจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ซึ่งผมก็ตอบตกลงโดยไม่ลังเล เนื่องจากเห็นว่าได้มีโอกาสแลกเปลี่ยน ได้เรียนรู้ร่วมกับผู้ที่เป็นนักศึกษา และอาจารย์ระดับมหาววิทยาลัย และผ่านมาหลายวันก็ได้รับการประสานอีกครั้งว่าแน่นอนแล้วเป็นวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๔๙ ผมมาตรวจดูปฏิทินเห็นว่าเป็นวันอาทิตย์ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่ต้องทำให้ผมเครียดอยู่เสมอกับเรื่องนัดหมาย เพราะทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พื้นที่ที่ผมทำงานอยู่ก็ประสานขอความร่วมมือมาเช่นเดียวกัน เรื่องการเลือกตั้งซ่อม แต่ก็ได้ประสานให้ท่านอื่นได้ช่วยเหลือแทน
ครั้งนี้ ได้มีโอกาสเสวนาร่วมกับ คุณชายขอบ ซึ่งเป็นการเจอกันครั้งแรกก่อนหน้านี้ก็ Blog to Blog อยู่ตลอด ผมขับรถถึง ม.ทักษิณก่อนเที่ยง เลี้ยวเข้าตรงประตูสอบถามข้อมูลเส้นทางภายใน ม. จากยามซึ่งก็ได้รับการบริการอย่างดี ขอขอบคุณไว้ในที่นี้ด้วย ขับวนอยู่พักหนึ่งครับเพราะภายใน ม. นั้นกว้างขวางมีหลายอาคารก็เจอ โรงอาหารครับ เห็นท่านหนึ่งนั่งทานอาหารคนเดียวผมเล็งเป้าทันที เมื่อทักทายกันแล้วผมงงอ่อน ๆ เพราะพี่ท่านถามผมว่ามาจากนคร ฯ ใช่ไหม๊ คุณชาญวิทย์ ใช่ไหม๊ แหมผมใจชื่นขึ้นมากเพราะทราบว่าพี่ท่านก็มาเป็นวิทยากรด้วยเช่นกัน
สักพักคุณคุณชายขอบก็เดินทางมาถึง ผมมองจากไกลก็รู้ว่าน่าจะใช่ (ผมเทียบเคียงจากภาพถ่ายใน Blog เอาครับ) และก็ใช่จริง ๆ ด้วย
ผมขอตัดมาที่ห้องที่ทาง พี่ ๆ น้อง ๆ นักศึกษาเชิญเข้าพักผ่อนทานกาแฟ
พูดคุยเตรียมขั้นตอนก่อนเสวนา
ได้พูดคุยวางขั้นตอนการเสวนาร่วมกันกับผู้แทนนักศึกษา อาจารย์ ดร.วัลลภา จนเวลาพอสมควรก็ได้รับเชิญไปยังห้องเสวนา ซึ่งมีเครื่องมือโสต ฯ พร้อม
และได้พบบรรยากาศสีชมพูสดใส จากเสื้อของนักศึกษา สุภาพบุรุษ สุภาพสตรี หลังจากแนะนำให้รู้จักกันแล้ว ทางผู้นำเสวนาได้มอบไมค์ให้คุณชายขอบ ตามขั้นตอนที่วางไว้คือคุณชายขอบเตรียม VCD ในประเทศเกาหลี เรื่อง เสียงกู่จากครูใหญ่มาให้ดูเพื่อฝากให้วิเคราะห์ แต่เนื่องจากเสียงเบาต้องปรับปรุงทางเทคนิคหน่อยก็ข้ามไปก่อน โดยคุณชายขอบ นำเสนอ ภาพโมเดล ของ KM ด้วย PowerPoint พฤติกรรมการเรียนรู้ของมนุษย์ แนวคิดเรื่อง Km ขุมความรู้ การนำไปปรับใช้ ฯลฯ
และก็มาถึงผมเล่าการรู้จัก KM ครั้งแรกและทำไมไม่เข้าใจอย่างไร แล้วมาเริ่มเรียนรู้เอาอย่างไร ทดลองนำไปปฏิบัติกับใคร แล้วนำมาเขียน Blog เพื่อให้ Blogger อื่น ๆ ได้ ลปรร. อยู่ระยะหนึ่ง จนในที่สุดเชื่อว่าน่าจะเดินถูกทางจึงได้ทดลองปฏิบัติเรื่อย ๆ และซึบซับประสบการณ์ลองผิดลองถูกอยู่เสมอ และได้พบเส้นทางเรียนรู้ที่ยาวไกลจริง ๆ และผมก็เน้นว่า KM ต้องลงมือทำถ้าไม่ทำไม่รู้ ทฤษฎีเป็นแนวทาง แต่หากปฏิบัติจะเข้าถึงได้เร็วกว่า ผมพยายามยกตัวอย่างเพื่อเทียบเคียงโดยนำสิ่งใกล้ตัว หรือวิถีชีวิตมาเล่าให้ฟังและเทียบว่าเป็นกระบวนการ KM อย่างไร
พี่จารึก ปิยะวาจานุสรณ์ สาธารณสุขอำเภอปากพยูร ท่านแรกที่ผมทักทายในโรงอาหาร ท่านได้เล่าประสบการณ์การนำ KM ไปใช้ในงานสาธารณสุขของท่าน ซึ่งเป็นการแลกเปลี่ยนที่มีความหลากหลายผิดแผกไปอีกแบบจากประสบการณ์ของผมที่ใช้ KM กับการให้ความรู้แก่เกษตรกร ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่มีคุณค่าจริง ๆ ครับในครั้งนี้ ผมถึงบอกว่าผมมีความโชคดี ที่ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนกับหน่วยงานพร้อมกัน ๒ หน่วยงาน คือ ระดับมหาวิทยาลัย และหน่วยงานสาธารณสุข ซึ่งปัจจุบันทาง ม.ทักษิณ ได้บรรจุ KM ไว้ในหลักสูตรการเรียนของนักศึกษาปริญญาโท ผมดีใจและเชื่อว่า บุคคลากร คุณอำนวย ระดับปริญญาโท จาก ม.ทักษิณ จะเป็นบุคคลากรที่สังคมได้คนหัวใจ KM นั้นคือคนดีนะครับและหลายคนด้วย
หลาย ๆ ข้อคิดเห็นและคำถาม ที่ทางนักศึกษาแลกเปลี่ยนกับเราทั้ง ๓ คน ซึ่งในที่นี่ท่านให้เกียรติว่าเป็นวิทยากร แต่จริง ๆ ไม่อยากใช้คำนี้สักเท่าไหร่เพราะการเป็นวิทยากรเหมือนเป็นผู้รู้ที่มากด้วยความรู้ แต่เราเองทั้ง ๓ เป็นผู้ผ่านประสบการณ์มาช่วงหนึ่งเท่านั้นเองครับ บรรยายกาศสนุกสนานและเป็นกันเองซึ่งนี่คือบรรยากาศของ KM เกือบ ๕ โมงเย็นแล้วยังไม่เห็นมีใครอยากกลับบ้าน ดูแล้วยังอยากแลกเปลี่ยนกันต่อ แต่ผู้ดำเนินการท่านบอกว่าเกรงใจคนไกลซึ่งมีหลายคน ก็อำลากันแค่นี้ด้วยบรรยากาศที่สนุก ในโอกาสต่อไปผมคงได้พันธมิตร อีกหลายท่านในสายสาธารณสุข ขอบคุณท่าน อ.ดร.วัลลภา และนักศึกษาทุก ๆ ท่าน ครับ
เรียน คุณน้องสิงห์ป่าสัก
ขอบคุณครับที่มาเยี่ยม เจอกันที่ไบเทค ครับ
สวัสดีค่ะ คุณ ชาญวิทย์-นครศรีฯ
ขอบพระคุณมากค่ะ ที่แวะเวียนเข้าไปเยี่ยมเยียนบล็อก Vij พอเห็นภาพถ่ายทำให้นึกถึงบรรยากาศแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่เต็มไปด้วยความเป็นมิตรที่มิตรหยิบยื่นให้มิตร ซึ่งเต็มไปด้วยสาระแห่งเนื้อหาวิชาการ อันมีรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ ของผู้รับและผู้ให้ซึ่งเป็นภาพที่ประทับใจ กอรปกับวิทยากรที่มากความสามารถ ทั้ง 3 ท่าน ทำให้เกิดบรรยากาศแห่งการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่แท้จริง
เมื่อชมภาพยนต์ "เสียงกู่จากครูใหญ่" เสมือนหนึ่งตัวเองนั่งอยู่ในโรงภาพยนต์จำลองเลยค่ะ เป็นภาพยนต์ที่ชอบเพราะตลกคลายเครียด แต่อัดแน่นและเต็มไปด้วยเนื้อหาสาระ ที่คุณพี่ ชายขอบ สรรหามาฝาก บรรยายดีและมีโมเดลประกอบทำให้เข้าใจแจ่มแจ้ง ชวนให้เกิดบรรยากาศแห่งความเป็นกันเองก่อเกิดกัลยาณมิตรใหม่ไปทั่วห้อง แต่ที่ประทับใจ Vij งานนี้ คือ วิทยากร ชาญวิทย์-นครศรีฯ ที่มากความสามารถโดยการเติมเต็มประสบการณ์แห่งการปฏิบัติงานที่มองเห็นภาพ KM อย่างทะลุปรุโปร่ง ขอชื่นชมทั้งต่อหน้าและลับหลังอีกครั้งค่ะ ขอยกนิ้วโป้งให้ 2 นิ้วเลยค่ะ...ว่าจะขอยืมนิ้วโป้งคุณพี่ ชายขอบ ให้อีก 2 นิ้ว
อีกทั้งการเติมเต็มจากคุณ "จารึก ปิยะวาจานุสรณ์" ทำให้น้ำครึ่งแก้วที่คุณ ชาญวิทย์-นครศรีฯ แอบดื่มไป ก่อนหน้าเต็มอีกครั้ง แต่คงต้องเติมกันเรื่อย ๆ เพราะความรู้ที่ว่านั้น เติมเท่าไรก็ไม่รู้จักอิ่มไม่รู้สึกเต็มแก้วสักที และจะแอบเข้ามาเติมเรื่อย ๆ ในบล็อกคุณ ชาญวิทย์-นครศรีฯ ค่ะ
บอกอีกนิดค่ะ ว่าภาพถ่ายกับตัวจริงแตกต่างกันมากค่ะ...คงไม่ต้องบอกนะคะว่าตัวจริง "หล่อ" กว่าเยอะค่ะ (ยิ้ม ๆ)