-กล่าวถึงเรื่องราวของความรัก
- ต้องการดำรงเผ่าพันธุ์
- ความกลัวเหงา ไม่มีคนเลี้ยงดู
- ตอบสนองราคะตัณหา
- ยกระดับฐานะทางสังคม
- รักกัน / ใช้หนี้
นิยามความรัก = ความรักเป็นความรู้สึกพิเศษที่บุคคลมีต่ออีกคนหนึ่ง
ช่วงต้น (รักแบบ Romantic love)
เวลาผ่านมา ( Logical sensible love)
นานวันเข้า (Lifelong friendship)
แสดง 3 ด้าน
1. ความรู้สึก
2. ความคิด
3. การกระทำ
1. อุทิศตนต่อกัน : ยอมอดทน / ช่วยแก้ปัญหา
พฤติกรรม 2 ประการ - รับผิดชอบ
-ปกป้องความรักให้ปลอดภัย
2. สนิทสนม : ใกล้ชิด / ห่วงใย
ผูกพัน
เวลาร่วมกัน
เข้าใจรู้สึก
รับรู้ความสุข
รับรู้ความทุกข์
ใกล้/ห่าง เหมาะสม
สมดุลอำนาจ
แก้ไขขัดแย้ง
3. เห็นคุณค่า : ความดีต่อกัน
4. อดทน
5. อภัย
6. อารมณ์รัก
1. ใกล้ชิด
2. คล้ายคลึง
3. รูปร่างหน้าตา
4. อิทธิพลครอบครัวเดิม
- แม่ = แฟนลูกชาย
- พ่อ = แฟนลูกสาว
1. ความฝัน : หลงใหลในตัวเขา
2. เผชิญความจริง : เห็นสิ่งที่ไม่อยากเห็น
3. โลกของคน 2 คน : ความมั่นคง/เป็นคู่ครองตัวจริง
ความรัก = เรียนรู้กัน ยอมรับในตัวตนของเขา
ความรักต้องใช้เวลา
- หาตน + เสริมตน
- หาคน + เข้าได้
- รักก่อตัว
ตัวตน = ภูมหลังของเรา
- สติปัญญา
- อารมณ์
- ค่านิยม
- ความกลัว
ผิดหวังจากความรัก : ไม่รู้จักตัว/ไม่รู้จักคนรัก
เพ้อฝัน
แสวงหาความรัก
มีความรัก = ยอมรับกัน
อย่ากลัว ถ้าคุณยังไม่มีความรัก
กระหายรัก เกิดเมื่อ
- ย้ายที่ใหม่
- ไปดูหนัง
- เพื่อนแต่งงาน
1. คิดพึ่งพา
2. ปาฏิเสธ
3. เหตุยอมรับ
4. ขยับเปลี่ยนแปลง
1. เปิดใจ
2. หาปีศาจ
3. นัดเที่ยว
4. ลงสนาม : อย่าเข้าข้างต้นเอง
1. เล่นตามกติกา : อย่าคบหลายคน
2. รู้จักตนเอง
3. อย่าด่วนสรุป
4. หลีกเลี่ยงการเรียกร้อง
5. อย่าคิดมาก
ความรักย่อมเกิดขึ้น 2 ประการคือ
1. อยู่ร่วมกันในกาลก่อน
- บุพเพสันนิวาส : อยู่ร่วมกันในอดีต
- เนื้อคู่ : ผัวเมียอดีตชาติ
- คู่ครอง = ผัวเมียชาตินี้
- คู่กรรม = ทำบาป + ศรัตรูกันมาก่อน
- คู่บารมี = เนื้อคู่ตามกันมา(โพธิสัตว์)
2. เกื้อกูลกันในปัจจุบัน
1) อารมณ์ยึดมั่นในรูปขันธ์(กรรมฐาน ๕)
2) ยึดในเวทนา (สุข)
3) ยึดสัญญา
4) ยึดสังขาร
5) ยึดวิญญาณ
1) ฝึกจิต
- สมถภาวนา
- วิปัสสนาภาวนา
2) พิจารณาโทษรัก
พุทธองค์เปรียบเทียบกาม
ชิ้นกระดูกไม่ติดเนื้อ
หลุมเพลิง
ถือคบไฟทวนลม
ฝันเห็น
3) อย่าเห็นกันดีกว่า
พระอานนท์ถามพระพุทธองค์---ปฏิบัติต่อสตรี
อย่าเห็น / ไม่ควรมอง
จำเป็นมอง / ห้ามพูด
ต้องพูด / ใช้สติ
4) ม้างกาย
กายคตาสติ / พิจารณา 32 ( ดึงลูกตา / ตัดขา /ตัดหำ วางผ้าขาว ดูในนิมิต)
5) พิจารณาอสุภกรรมฐาน : ซากศพ
6) ปลงใจและอธิษฐานจิต
เสียหาย 2 ทาง
1) อารมณ์ร้ายจากสิ่งอื่นกระทบ
2) เกิดจากใจเราเอง
ความโกรธ = อาการของความเดือด ดาลแห่งจิต
พุทธองค์ = มีรากเป็นพิษมียอดหวาน
พระสารีบุตร กล่าว
1) จิตขุ่นมัว
2) หน้าเง้างอ
3) ปากคางสั้น
4) ผรุสกลั่น
5) มองดู หาท่อนไม้
6) จับศาสตรา
7) เงื้อท่อนไม้
8) ใส่คนอื่น
9) ทำแผลเล็กเป็นแผลใหญ่
10) กระดูกหัก
11) อวัยวะหลุด
12) ชีวิตคนอื่นดับ
13) ฆ่าคนอื่น ฆ่าตนเอง
๑. เขาเคยทำความเสียหายให้แก่เรา
๒. เขากำลังทำความเสียหายให้แก่เรา
๓. เขาจะทำความเสียหายให้แก่เรา
๔. เขาเคยทำความเสียหายให้แก่คนที่เรารัก
๕. เขากำลังทำความเสียหายให้แก่คนที่เรารัก
๖. เขาจะทำความเสียหายให้แก่คนที่เรารัก
๗. เขาเคยช่วยเหลือคนที่เราชัง
๘. เขากำลังช่วยเหลือคนที่เราชัง
๙. เขาจะช่วยเหลือคนที่เราชัง
๑๐. โกรธโดยไร้สาเหตุ (โกรธแม้สิ่งที่ไม่มีชีวิตจิตใจ)
1) จิตใจ
2) มารยาท
3) การงาน
1) รู้โทษแล้วยับยั้ง
2) นับเลข
3) ทมะ/ขันติ
4) เหมือนทองไม่รู้ร้อน
5) เปลี่ยนเรื่องคิด
6) มองขำขัน
7) แผ่เมตตา/ให้อภัย
จิตยึดมั่น ( ตัณหา 3 )
1) กามตัณหา
2) ภวตัณหา
3) วิภวตัณหา
วิตก – วิจารณ์
1) กามวิตก
2) พยาบาทวิตก
3) วิหิงสาวิตก : แฝงเบีดเบียน
สาเหตุใหญ่ๆ
1) จิตใจ
2) ร่างกาย
3) สังคม
4) เปลี่ยนแปลง
5) สิ่งแวดล้อม
1) ทางร่างกาย
2) ทางจิตใจ
อริยสัจ 4
1) หลักสังวรปธาน
- ยับยั้งอารมณ์
- วางเฉยทำให้เกิดปิติ
2) หลักปหานปธาน
- แยกกาย แยกจิต
- เฝ้าดูอาการของจิต
3) หลักภาวนาปธาน
- ตั้งสติกำหนดเอาใจเป็นอารมณ์
- กำหนดคำบริกรรม
- กำหนดความรู้สึกเป็นสติ
4) หลักอนุรักขนาปธาน
- ทำใจให้สบาย
- ปรับใจผ่องใส
- รู้อารมณ์
ไม่มีความเห็น