เด็กชายขี้งอน


เก็บตกนอกเวลาเรียน
เรื่อง เด็กชายขี้งอน

            ข้าพเจ้าเป็นครูสอนประจำชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 ข  สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย คณิตศาสตร์  สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม   นอกจากนักเรียนในห้องเรียนที่ข้าพเจ้ารับผิดชอบแล้ว  ข้าพเจ้ายังชอบทำความสนิทสนมกับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1  เป็นประจำ  เพื่อที่จะได้เกิดความคุ้นเคยและสามรถจำชื่อเด็กได้รวดเร็วเมื่อขึ้นมาถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 2  และด้วยเหตุผลนี้เองทำให้ข้าพเจ้าได้พบเด็กผู้ชายคนหนึ่งในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ที่ชอบแอบมาจับแขน  แอบมาตีก้นข้าพเจ้า  และเมื่อข้าพเจ้าหันไปมองหน้าข้าพเจ้าก็จะเจอรอยยิ้มอันบริสุทธิ์  ในบางครั้งเมื่อเขามาจับแขนแล้วข้าพเจ้าไม่หันไปมองเขาก็จะเขย่าแขนแรงๆ  หรือตีก้นแรงๆ จนข้าพเจ้าต้องหันไปจะตำหนิ แต่ก็ไม่สามารถตำหนิได้  เพราะจะพบกับรอยยิ้มอันบริสุทธิ์อีกเช่นเคย  เป็นรอยยิ้มอันบริสุทธิ์ที่ปราศจากคำพูดใดๆ  ทำให้ข้าพเจ้าไม่สามารถจะตำหนิได้ทุกครั้งไป เด็กผู้ชายคนนี้ชื่อ เด็กชายศุภชัย 

            เมื่อศุภชัยได้เลื่อนชั้นจากประถมศึกษาปีที่ 1 มาเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2  ได้เรียนอยู่ห้องของข้าพเจ้า  พฤติกรรมการชอบตีก้นก็หายไปแต่มีพฤติกรรมใหม่ขึ้นมาแทน คือ ชอบงอนหรือน้อยใจในเวลาที่ข้าพเจ้าไม่ให้ความสนใจ หรือในเวลาที่โดนตำหนิ  จะเกิดการงอนและงอนบ่อยมากๆ  ซึ่งจะเป็นกับข้าพเจ้าคนเดียว  กับคุณครูคนอื่นไม่เป็น ข้าพเจ้าได้คุยกับผู้ปกครองและได้ทราบว่าเด็กคนนี้เป็นลูกชายคนเดียวมีพี่สาวเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6  และเป็นลูกคนสุดท้อง  เวลาอยู่ที่บ้านจะไม่ค่อยมีใครตำหนิ แต่ไม่ถึงขั้นตามใจ เพราะทางบ้านต้องทำงานกันทุกคน  นอกจากอาการงอน ชอบน้อยใจแล้ว  ข้าพเจ้ายังพบปัญหาอื่นอีก คือ·       อ่านหนังสือไม่ค่อยได้ อ่านตะกุกตะกัก  ·       เขียนหนังสือผิดเยอะมาก  ·    เวลาทำงานจะทำไม่สำเร็จ ทำได้นิดหน่อยก็เก็บงานชิ้นนั้นไม่ยอมส่งครูเพราะทำไม่สำเร็จ และไม่ยอมทำต่อ·    ขาดความรับผิดชอบในอุปกรณ์การเรียน  เช่น  ทำดินสอ ยางลบ หายเป็นประจำแทบทุกวัน จนเพื่อนไม่อยากให้ยืม ไม่ยอมนสมุดงานมา·       ไม่สนใจเรียนชอบนั่งอมดินสอแต่มีอยู่พฤติกรรมที่ข้าพเจ้าประทับใจคือ จะเป็นเด็กที่อารมณ์ดีมากๆ เพราะใครจะทำอะไร ศุภชัยจะยิ้มอย่างเดียว(ถ้าไม่งอน)  ข้าพเจ้าคิดหาวิธีการเพื่อที่จะแก้ปัญหาดังกล่าว  โดยปัญหาที่ข้าพเจ้าต้องการแก้เป็นอันดับแรก คือ พฤติกรรมขี้งอน ใจน้อย  ข้าพเจ้าจึงพยายามแกล้งเวลางอน ชอบเรียกชื่อผิดๆ ตลกๆจนกว่าศุภชัยจะยิ้ม  เช่น ซุปผะชัย  ซุปหน่อไม้  ซุปหน่อไม้เน่า  จนปัจจุบัน เหลือเพียง เน่า หรือ ซุป  แต่ถ้าไม่หายจริงๆ ข้าพเจ้าก็จะใช้วิธีหนามยอกเอาหนามบ่ง คือ จะแกล้งไม่พูดด้วยไม่สนใจตลอดทั้งวัน  หรือทำเหมือนไม่มีตัวตนอยู่ในห้อง  จนระยะหลังอาการงอน ชอบน้อยใจก็ค่อยๆ หายไป   ด้านความรับผิดชอบด้านอุปกรณ์การเรียน  ข้าพเจ้างดให้อุปกรณ์การเรียน เพราะปกติจะให้ทุกครั้งถ้าไม่มี  ห้ามยืมของเพื่อน  ให้ไปหาจากที่ไหนมาก็ได้  ถ้าหาไม่ได้ก็ห้ามไม่ให้เพื่อนในห้องพูดคุยด้วย (ครูใจร้ายจัง) ซึ่งนักเรียนในห้องก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี  หรือบางครั้งก็ให้นำเงินค่าขนมที่ได้มาจากบ้านไปซื้ออุปกรณ์ทั้งหมดไม่ต้องกินขนม(ใจร้ายอีกแล้ว)  หลายๆครั้งก็ทำให้ไม่กล้าทำหายอีก และอาการชอบอมดินสอก็หายไปด้วยเพราะเพื่อนที่ให้ยืมดินสอจะช่วยกันสร้างความกดดันแล้วแต่ใครจะพูดว่าอย่างไร     ด้านการเรียน ข้าพเจ้าได้ขออาสาสมัครนักเรียนในห้องเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลช่วยเหลือเวลาเรียน  คอยบอกพฤติกรรมของศุภชัยตลอดว่าเป็นอย่างไรเมื่อไม่ตั้งใจเรียนเพื่อนจะบอกทันที ทำให้ข้าพเจ้าได้ทราบพฤตกรรมโดยตลอด  เพื่อนที่เป็นพี่เลี้ยงจะคอยให้คำแนะนำช่วยเหลือในการทำงานต่างๆ  ในเวลาพักจะช่วยสอนอ่านหนังสือ  ส่วนข้าพเจ้าจะใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่านที่จัดทำให้นักเรียนทุกคน  มาสอนอ่านตัวต่อตัวตั้งแต่เริ่มสะกดไปจนถึงอ่านเป็นคำและเป็นประโยคง่ายๆ คอยแนะนำเวลาเขียนคำที่เขียนไม่ได้ ให้ฝึกสะกดคำก่อนเขียน ใช้บัตรคำอิเล็กทรอนิกส์ช่วยสอนเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ  นำมาสอนคิดเลขตัวต่อตัวในเวลาว่างหรือในเวลาทำแบบฝึกหัดคณิตศาสตร์ ให้กำลังใจเมื่อสามารถทำงานจนสำเร็จ(จนเกินหน้าเกินตาเด็กคนอื่น)  จัดให้มีส่วนร่วมช่วยเหลืองานครูเพื่อให้เห็นความสำคัญของตนเอง เช่น ให้ช่วยแจกงานให้เพื่อน  นำนมมาให้เพื่อนๆดื่ม ยกสมุดงานไปให้ครูตรวจ            จากวิธีการแก้ปัญหาดังที่กล่าว ข้าพเจ้าพบว่าศุภชัยมีพฤติกรรมในทางที่ดีขึ้นกว่าเดิมมาก คือ·       สามารถอ่านคำ และประโยคง่ายๆได้·       เขียนสะกดคำได้ถูกมากขึ้น  แต่งประโยคได้ใจความ·       มีทักษะการคิดคำนวณที่ดีขึ้น·       ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายจนสำเร็จ·       เป็นที่รักของเพื่อนในห้อง·       ไม่มีอาการงอน หรือน้อยใจและปัจจุบันซุป อุ๊ย ศุภชัย ก็ได้เลือ่นชั้นไปอยู่ชั้น ป.3 และก็จะมาคอยด่อมๆ มองๆ ที่ประตูห้องเรียนของข้าพเจ้าเพื่อส่งยิ้ม(อุ๊ยฟันหลอ) ให้ข้าพเจ้าเสมอๆ 

คำสำคัญ (Tags): #พฤติกรรมเด็ด
หมายเลขบันทึก: 62226เขียนเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2006 22:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม 2012 09:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)
  • คุณครูน่ารักจังเอาใจใส่เด็กดีมาก
  • แล้ว นักศึกษามหาวิทยาลัย ที่ไม่ค่อยชอบเรียนหนังสือแก้ไขยังไงดีค่ะ
อิจฉา  ดีใจแทนซุปที่มีครูดีและน่ารักอย่างครูตุ๊ก 
ตอนเป็นนักศึกษาก็ไม่ค่อยชอบเรียนเหมือนกัน พอมาเป็นครูเลยเหมือนกรรมกำลังตามทัน(ว่าเข้าไปนั่น แต่ก็ชอบนะเป็นครูเนี่ย)
  • ตามรอยมาเยี่ยมค่ะ
  • ทำตามคำแนะนำของคุณครูอ้อย ที่นี่ค่ะ ...อยากรู้จักใครต้องออกไปหา
  • ดีใจที่ได้รู้จักคุณครูที่น่ารัก แถมใจดีด้วย
ยินดีต้อนรับค่ะ  และยินดีรับคำชม จริงๆแล้วไม่ได้ใจดีอย่างเดียวนะคะ แต่ว่า ดี ดี่ ดี้ ดี๊ ดี๊ (หุ หุ หะ หะ)
  • แวะมาฟังเพลงค่ะคุณครู  เพลงทานตะวัน เพลงโปรดเพลงหนึ่งของนู๋ทิม นึกถึงสมัยเป็นนักศึกษา..เรียนไกลบ้านค่ะ
  • ฟังเพลงทานตะวันแล้วนึกถึงตอนบรรจุเป็นครูใหม่ๆ(อยู่ในถิ่นทุรกันดาร) ตอนนั้นอุดมการณ์เต็มเปี่ยม(กินแทนข้าวได้เลยค่ะ)
  • ขอบคุณที่ชวนไปออกกำลังกาย (เหมือนรู้เลยว่าไขมันครูตุ๊กกำลังแปลงร่างเป็นห่วงยาง ไปทะเลสงสัยไม่จมน้ำ)
  • มาฟังเพลงทานตะวัน เดี๋ยวจะไปนอนแล้ว.ค่ะ.

คุณนู๋ทิมคะ  ไม่เห็นมาฟังเพลง(ที่ขโมยนู๋ทิมมา) หลายวันแล้ว คิดถึงค่ะ

คือ....

ผมก็อุ๊ย ศุภชัย ครับ อยากรู้ที่คุณครูหมายถึงนิ นามสกุลอะไรหรอครับ อิอิ

บังเอินตรงกันหมดทุกอย่างเลย แล้วตอนนี้คุณครูอายุเท่าไรหรอครคับ..

ส่วนผมจะ25upล่ะกัน อยากรูว่าเป็นผมหรือป่าว ตอบด้วยนะครับ

แต่คิดไปคิดมา คงม่ะใช่ผมแล้วล่ะ

ในเนื้อหา อุ๊ย คนนั้นคงยังเด็กอยู่ใช่ไหมครับ

แต่ผม26แล้ว แต่เรื่องราว+กับเพลง ทำให้คิดถึงตอนเด็กๆมากๆ

ในเนื้อหาตรงกันหมดเลย ผมก็มีพี่สาว อิอิ นิสัยด็กๆก็เหมือนกันอีก

(ชอบเพลงครับ)

เป็นกำลังใจให้คุณครูครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท